คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ – ตอนที่ 101 จะเริ่มยั่วสวาทแล้วๆคนหล่ะ?

ฉันพูดแล้วเธอไม่เชื่อ งั้นเธอก็ไปดูข่าวบันเทิง เองเถอะ! ” ชาตรีโมโหสุดขีด

เขาวางสายอย่างโหด พิงกี้ได้ยิน “ป๋าบ เสียง

ดังมาก

รู้สึกเหมือนโทรศัพท์ของชาตรีจะหักเป็นสอง

ท่อนแล้ว

เฮอๆ ” คำนึง เธอนั่งลงที่ขั้นบันได

การนำเสนอข้อมูลที่ยาวเหยียดไม่เหมือนข่าว แต่เหมือนการโฆษณามากกว่า

ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เขียนว่าเควินกับขวัญฤดี เหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก

ตั้งใจใช้คำพูดประโยคที่ดูดีเป็นพิเศษ

รูปภาพประกอบก็ถ่ายจนเหมือนนิตยาสารยังไง อย่างงั้นเลย

เหมือนอยู่ในงานเลี้ยงค็อกเทล รูปชายที่สูงหล่อ มาดเข้มใส่ชุดสูทสีดำที่เข้ารูป
ใบหน้าผู้ชายหล่อเหลาไม่มีที่ติ ผู้หญิงที่ ควงแขนเขาดูดีสง่างาม

สายตาที่มองผู้ชายเต็มไปด้วยความปลื้มปิติ และชื่นชม

แก้วไวน์ในมือของทั้งสองชนกันเบาๆ เหมือน สามารถได้กลิ่นหอมของไวน์

แสงและเงาที่อยู่หลังพวกเขา กลมกลืนเหมือน

ภาพแห่งความฝัน

บรรยากาศเข้ากันอย่างเพอร์เฟค

“ช่างเพอร์เฟคจริงๆ

“ ภายนอกดูสนิทสนมกัน แต่ความจริงไม่ใช่ อย่างนั้นแน่ๆเลย

ไม่ถูก ภายนอกก็ยังดูสนิทสนมเลย!

ดูแล้วเหมือนตั้งใจโพสต์ท่าถ่ายเลย แน่นอน

ล้าน%”

พิงกี้แกล้งทิ้งโทรศัพท์เข้าไปในกระเป๋าอย่างไปแคร์

เงยหน้ามองดูภาพการตกแต่งในบาร์ที่กำลังไป

ได้สวย

เธออยากสั่งงานให้คนงานและช่าง จู่ๆกลับรู้สึก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน?

สมองว่างเปล่า ไม่มีภาพการออกแบบ ไม่มี ความที่คิดเชื่อมโยง

ไม่มีอะไรเลย ราวกับว่าสิ่งของที่นี่หมด แรงดึงดูดกับเธอไป

เธออยากอินกับงาน อยากอินกับงานแบบสุด หัวใจอย่างนั้นอีกครั้ง

แต่สมองกลับมีแววตาที่เย็นชาของผู้ชายโผล่ มาไม่หยุด

และแขนที่เขาควงไว้…..แขนที่ไม่ใช่ของเธอ พิงกี้กำผมไว้อย่างหงุดหงิด

เธอนั่งลงมาอีกครั้ง ในขณะนี้ โทรศัพท์มีสายเรียกเข้าดังขึ้น

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคือชาตรีโทรมา

เขาเสพติดกับการโทรศัพท์หรือไงเนี่ย?

อารมณ์โมโหกลั้นยังไงก็กลั้นไม่อยู่ และไม่ จําเป็นต้องกลั้นแล้ว

พิงกี้ไม่ลืมความสับสนลังเลของนาทีนี้ใครเป็น คนนําพามาให้เธอ

รับโทรศัพท์ปุ๊บเธอก็ตะคอกเสียงดัง

“ ชาตรี คุณยังอยากพูดอะไรอีก? วันๆก็เอาแต่

เร่งๆๆอย่างเดียว

คุณไม่รู้สึกรำคาญบ้างหรือ? คุณมีเวลามาเร่ง

ทำไมไม่มีเวลาไปบริหารบริษัท

ใช้ความสามารถของคุณทำมาหากินเองหล่ะ?

ฉันเฮอ…..” ชาตรีหัวเราะเย็นชาทีนึง เขาก็ไม่

ได้โกรธ

แค่พูดอย่างใจเย็น “ ฉันแค่จะบอกเธอคําเดียว

ถ้าพรุ่งนี้เธอยังไม่เริ่มปฏิบัติการ ฉันก็จะลงมือ

กับบริษัทของมานพ

“ อะไรนะ? ” ทันใดนั้นพิงกี้แน่นอก

“ ชาตรี ฉันขอเตือนคุณดีที่สุดอย่าบุ่มบ่าม

ไม่งั้นสัญญาของเราถือว่าเป็นโมฆะ! ”

“ ตอนนี้เธอไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง

สัญญาไม่ถือว่าเซ็นต์ไปอย่างเปล่าประโยชน์

หรือ?

ฉันเตือนเธอดีที่สุดพรุ่งนี้ก็ไปหาคุณเควินเลย

ไม่งั้นฉันจะกดขี่บริษัทของมานพ! ถึงตระกูล เราสู้ตระกูลภิรมย์ภักดีไม่ได้แต่กับแค่บริษัทใหม่บริษัทนึง ฉันยังมีปัญญา

จัดการอยู่

ถ้าเธอไม่เชื่อก็รอดูแล้วกัน!

ไม่เชื่องั้นหรือ ? ทำไมจะไม่เชื่อหล่ะ? เธอเชื่อ

ชาตรีเป็นคนไม่ค่อยเอาไหนเท่าไหร่ ไม่มี ปัญญาขยายกิจการ

แต่รักษาบริษัทให้มันคงที่ถือว่าได้อยู่

บริษัทของตระกูลดำรงกูลไม่ใช่บอกว่าล้มก็จะ

ล้มเลย

สถานการณ์บริษัมตอนนี้ถือว่าไม่เลว ไม่พูดถึง

อย่างอื่น

เพียงแค่ใช้เงินฟาดหัว บริษัทที่เพิ่งเปิดของ

มานพ

ก็แบกรับการกดขี่ของบริษัทดำรงกูลไม่ไหว หรอก ชาตรีบีบบังคับเธออย่างนี้เธอไม่สนใจไม่ได้แล้ว โมโหจนเลือดขึ้นหน้า พิงกี้กัดฟันพูด

“ คุณวางใจเถอะ ฉันจะไปแน่นอน!

“ งั้นก็ดีที่สุด ” กิริยาของชาตรีซอร์ฟลงทันที

สีหน้าที่เปลี่ยนไวยิ่งกว่าความเร็วของแสง

พ่อรู้ว่าลูกพ่อฉลาดที่สุด รู้ว่าอะไรสำคัญ ที่สุด คุณเควินชอบลูกมาก

เขาไม่ปฎิเสธลูกง่ายๆหรอก พ่อจะรอข่าวดี

ของลูกนะ ฮ่าๆๆ…..

“…..เฮอๆ ” พิงกี้วางสายทันที ยังไงพรุ่งก็

ต้องไปแล้ว

เธอถูกบังคับให้ทำการตัดสินใจ ในใจกลับรู้สึก ไม่ค่อยวุ่นวายแล้ว

อาจจะเพราะเรื่องถึงจุดนี้แล้ว ก็แค่จีบผู้ชาย คนนึงไม่ใช่หรือ?
เธอมีประสบการณ์มาตั้งแปดปี เธอไม่กลัว

หรอก!

พยายามเก็บอารมณ์ทุกอย่างในใจไว้

พิงกี้ดูภาพออกแบบและเริ่มสั่งการให้คนงาน

ทํางานอย่างจริงจัง

ไม่ว่าต่อไปจะทำอะไร? เธอจะเอางานที่อยู่ตรง หน้าเป็นของเล่นไม่ได้

นี่เป็นงานของเธอ เธอต้องพยายามทำอย่างสุด

ความสามารถ!

ถึงจะอยู่ข้างกายเควิน เธอก็ไม่อยากเป็นดอก ฝอยทองที่ต้องพึ่งพาเขา

อีกอย่าง เธอก็ไม่คิดจะอยู่ข้างกายเขาตลอด

ไปหรอก

—-พิงกี้ลองจินตนาการสถานการณ์มา

หลายแบบ

แต่มีเพียงแบบเดียวที่คิดไม่ถึง….ไม่น่าเชื่อเธอจะหาเควินไม่เจอ!

ไปหาเขาที่วิมานเมฆเขาไม่อยู่ โทรศัพท์หา เขาๆไม่รับสาย

ไปหาเขาที่บริษัทโมเดิร์นกรุ๊ป แม้แต่ห้องโถง บริษัทเธอก็ยังเข้าไม่ได้

พนักงานสาวสวยหน้าเคาท์เตอร์เทคแคร์เธอ อย่างอ่อนโยน

แต่ยังไงก็ไม่ยอมปริปาก อากาศที่ร้อนอบอ้าว

พิงกี้ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้อย่างน่าสงสาร

เธอเงยหน้ามองไปที่ชั้นบนสุดของตึก ออฟฟิศ

ที่ท่านประธานอยู่

รู้สึกตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงถึงวิญญาณ

ถูกความเย็นของร่างกายท่านประธานที่แผ่ออก

มาสู่อากาศ

ทำให้หนาวสั่นไปหมด เหมือนใกล้จะสูญเสียความรู้สึก

ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ ถ้าเขาไม่อยากเจอเธอ

แม้แต่ใกล้ชิดเขาเธอยังไม่มีปัญญาเลย

ยิ่งไม่ต้องบอกว่าจะฉวยโอกาศยั่วสวาทเขาเลย

ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยว่าเมื่อก่อนตัวเองตามจีบเค

วินยังไง?

ตอนนั้น ถึงมีจิ้งจอกลับซุปเปอร์แฮกเกอร์คอย

ช่วยเธอติดตาม

โลเคชั่นของเควิน เธอถึงได้มาถึงที่ๆเขาอยู่ได้

อย่างทันท่วงที

แต่ขอแค่เขาปฎิเสธการเข้าใกล้ของเธอ เธอก็ สามารถเหมือนตอนนี้เช่นกัน

ไม่มีโอกาศได้โผล่อยู่ตรงหน้าเขา พิงกี้ถอน

หายใจ

ดูท่าแล้วก็ได้แต่ยืนดักรออยู่ใต้ตึกอย่างเดียวแต่สามวันผ่านมานี้

พิงกี้เฝ้าตั้งแต่เช้าถึงเย็น ก็ไม่เห็นแม้แต่เจ้าของ

เควินเลย !

วันที่สี่ พิงกี้ยืนอยู่หน้าประตูบริษัทโมเดิร์นกรุ๊ป

จู่ๆสมองมีความคิดนึงโผล่ขึ้นมา ดักรอหน้า ประตูไม่เจอคน

ไม่แน่คนบางคนอาจจะไปทางประตูหลังหล่ะ?

ดวงตาที่กลมโตแวววาวมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา

พิงกี้เดินไปที่โรงจอดรถของบริษัทโมเดิร์นกรุ๊ป

เธออาศัยความทรงจำหาลิฟท์ส่วนตัวของท่าน

ประธานเจอ

และยืนรอที่หน้าลิฟท์–

โมเดิร์นกรุ๊ป

-ชั้นสูงสุดของ

พายุยืนรายงานให้เควินอย่างซื่อตรง
“ เจ้านายครับ ตอนนี้คุณพิงกี้อยู่ที่โรงจอดร เธอยืนรออยู่หน้าลิฟท์

วันนี้เราออกไปทางโรงจอดรถหรือว่าออกทาง หน้าประตูครับ? ”

เควินเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร ดวงตาที่ คมเข้มไม่มีความดีใจ

“ เรื่องเล็กแค่นี้ นายยังจะมาถามฉันอีกหรือ?

พายุ

นี่…..สรุปจะหลบหรือไม่หลบหล่ะ?

คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ

พอตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองมีอะไรกับพีเขย? รู้สึกยังไงกับ ประสบการณ์? ฟังก็กล่าวเปรียวสะใจมาก! การวางแผนสับเปลี่ยน ครั้งนึง ทำให้พิงกีกับลิสาถูกสลับสับเปลี่ยนฐานะ เกิดเป็นสายเลือด แท้ๆของตระกูล ดำรงกูล ตั้งแต่วันที่ฟังก็กลับมาที่บ้านดำรงกูล พ่อ ไม่เอ็นดูแม่ไม่รัก มีแต่ความลำบากกับความทุกข์ใจ ไม่มีใครรักเธอ เลย และลิสาก็แย่งฐานะลูกสาวสุดที่รักของพ่อแม่ไปจากเธอ แย่ง พ่อแม่เธอไป แถมยังวางแผนพยายามกำจัดเธอให้สิ้นซาก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset