เจ้าหน้าที่ของโรง
เมื่อเตชิตอุ้มพิงกี้มาถึงห้องชั้นบนสุด สะอาดตาและน่าอยู่
รอต้อนรับทางเข้า
อ่อนโยนและเป็นมิตร หากจะ ห้องป่วยรวม
ห้องvipเตรียมให้กลับเห็นความ ราวกับดิน
กว้างกว่ามาก รู้สึกถึงความอบอุ่น บ้านขึ้นเยอะเลย
ความเคร่งครัดของโรงพยาบาล
ปรับอากาศกำลังคอยด้วยเสียง
ห้ไปรบกวน บรรยากาศก็ค่อนข้างเป็นส่วน
ตัวอย่างมาก
ด้วยกระจกที่สร้างจากพื้นถึงบนสุด
ทำให้สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามจาก ด้านนอกในยามค่ำคืนที่นอนอยู่บนเตียงอีกด้วย
พิงกี้ที่เอนตัวลงบนเตียง กลับได้กลิ่นหอม จากดอกลิลลี่ข้างหัวเตียง
ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีเตียงสำหรับญาติผู้ป่วยที่มา
เฝ้าไข้ใกล้กับทางประตู
ถ้าน้ำหวานจะอยู่เฝ้าเธอ ก็ไม่ต้องทรมาน ร่างกายมาก
ถึงแม้ เธออยากให้น้ำหวานกลับไปนอนที่
บ้านมากกว่า
แต่เธอพูดหว่านล้อมยังไงเธอก็ไม่ฟัง
“คุณเตชิต ขอบคุณมากนะคะ” พิงกี้เอ่ย ขึ้น เป็นการขอบคุณจากใจจริง
ทุกครั้งไม่ว่าเมื่อไหร่เมื่อต้องการความช่วย เหลือ เขากลับทำให้ด้วยความเต็มใจเสมอ
ถึงแม้คุณเตชิตนั้นภายนอกจะดูเป็นคน หยาบคาย
และไร้ศีลธรรมอยู่บ้าง แม้กระทั่งอารมณ์ แปรปรวนง่าย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
แต่สำหรับเป็นเพื่อนแล้ว เขาดีไม่มีที่ติจริงๆ
หากเตชิตได้ยินสิ่งที่เธอคิด จะต้องย้อน
เธอเป็นแน่ว่า “ใครอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ
แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เตชิตประหลาดใจคือ นึกไม่ถึงว่าจู่ๆพิงกี้จะมาคำที่หนักแน่นและจริงใจแบบนี้ ทำให้เขามีอาการเขิน อายจนใบหูเริ่มแดง และเริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง
จึงทำทีไอออกมาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “จะ อะไรกัน ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ”
พอพูดจบ ก็พูดเพิ่มเติมอย่างเร่งรีบ อีก “เอาล่ะ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องกลับก่อน
เธอก็พักผ่อนให้มากๆล่ะ ฉัน….พรุ่งนี้ฉัน จะมาเยี่ยมใหม่
หากเธออยากทานหรือขาดเหลืออะไรก็ บอกฉันมาได้เลย
พิงกี้กลับมองตาโตด้วยความประหลาดใจ ในปฏิกิริยาของเขา
สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าทำไม จู่ๆถึงได้กลายเป็นคนใจดีแบบนี้”
..จ้องอยู่ได้ เตชิตหน้าแดงเพราะความเขินอายจึงรีบพูด
“เธออย่าคิดว่าฉันเป็นห่วงเธอนะ จะบอก
ให้รู้ไว้ว่า
เพราะฉันเห็นแก่ที่เธอยังติดค้างเล่นเกมส์ กับฉันสี่คืน
ไม่อยากให้เธอถูกทารุณจนหมดแรงแล้ว มาใช้หนี้ให้ฉัน
ถึงได้ใจกว้างทำดีกับเธอหน่อย
“จริงเหรอ? เหตุผลที่ได้ฟัง ” พิงกี้ถามขึ้นเพราะรู้สึกขำกับ
“ไร้สาระ! ไม่งั้นล่ะ? หรือเธอคิดว่าฉันชอบ เธอหรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ฉันเป็นคนค่อนข้างเลือกมากนะ ผู้หญิงที่ เคยคบหาต่างก็ยังเวอร์จิ้นทั้งนั้น
ถึงเธอจะไม่ได้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเหมือนที่ ล่าลือกัน แต่ก็เคยมีอะไรกับเควินแล้ว
ไม่อยู่ในพิจารณาของฉันเลยสักนิด…….
“คุณเตชิต หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
น้ำหวานยังฟังอยู่ ตอนนี้กลับโดดขึ้นมาซื้ หน้าด่าเตชิต
“คุณมันแค่ผู้ชายเจ้าชู้คนนึง มีสิทธิ์อะไร มารังเกียจเพื่อนฉันห้า
คุณเองก็ไม่ได้ดีอะไรหรอก ยังมาพูด โอ้อวดที่ตรงนี้ คุณรู้สึกขายหน้าไหมเนี่ย?
ถูกน้ำหวานพูดตัดหน้า เตชิตที่อายจนพูด ไม่ออกถึงได้สติกลับมา
ให้ตายสิ นี่เธอพูดอะไรอยู่เนี่ย?
เขากระวนกระวายใจรวบรวมความกล้าหาญมองไปดูปฏิกิริยาของพิงกี้
กลับเห็นเธอฟังบนเตียงอย่างเงียบสงบ นัยน์ตาที่แวววาวมองเขาด้วยความอ่อนโยน
มุมปากยิ้มเล็กน้อย เหมือนคำที่เขาพูดไม่ ได้บาดใจเธอเลย
แต่เป็นแค่คำพูดธรรมดาเฉยๆ เห็นเธอไม่ โกรธ และไม่ได้เสียใจ เตชิตก็รู้สึกโล่งอกไปที่
แต่ก็มีความรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มขึ้นไม่น้อย
“คำพูดเมื่อกี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉัน….วันนี้ฉัน ทำงานให้เธออีกแล้ว
ฉันจะขอเพิ่มค่าตอบแทนอีกสองคืน รวม กันแล้วเธอค้างฉันหกคืน!”
“อืม…” พิงกี้พยักหน้า มองเขาด้วยรอย ยิ้ม“ฉันทราบแล้ว”
คลื่นในแววตาของเธอเหมือนน้ำ อ่อนโยน ปานนั้น ใจกว้างปานนั้น
เหมือนมองทะลุถึงความรู้สึกของเขา
ทั้งหมด
เหมือนไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังเธอได้อีก ต่อไป ทำให้เตชิตอายจนลืมสิ่งที่ต้องการจะพูด
กลับหันหลังเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปอย่าง
รีบร้อน
“ไอ้สารเลวคนนี้นี่ วิ่งเร็วเชียวนะ!” น้ำ หวานกำหมัดใส่เงาของเขา
แทบอยากจะตามไปชกเขาสักสองหมัดถึง จะดี แต่พิงกี้ไม่รู้สึกโกรธจริงๆ
“เขาไม่ได้พูดผิดสักหน่อย เธอโกรธ ทำไม?”พิงกี้อดขำไม่ได้
“เขา ก็เป็นคนนิสัยอย่างนี้อยู่แล้ว ที่จริงไม่ ได้มีความหมายที่ไม่ดีอย่างอื่น
ๆเป็นคนดีใช้ได้ ถ้าเธอยังโกรธแทนฉัน อยู่ พรุ่งนี้ตอนที่เขามา
ก็ผลาญเงินเขาเยอะๆหน่อย
“ความคิดนี้ไม่เลวแฮะ!” น้ำหวานเป็นคน
ตะกะ
เธอพยักหน้าเหมือนไก่คาบข้าวอยู่ เริ่มคิด วางแผนว่าจะผลาญเงินเขายังไง?
พอทุกอย่างสงบลงมา ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว
เมื่อเตชิตออกมาก็เหลือเพียงพิงกี้กับน้ำ หวานสองคน เมื่อพิงกี้รู้ตัวว่าต้องนอนแล้ว
จึงไล่ให้น้ำหวานไปพักผ่อน รอเมื่อทั้งห้อง เงียบลง หวานไปแล้วแต่ฟังกี้กลับนอนไม่หลับซะงั้น ยังคงมีแสง ไฟสีเหลืองที่ส่องจากหัวเตียง
เธอเหม่อมองฟูที่ห้อยอยู่ด้านข้าง แสงและ เงาที่กระทบกันช่างดูอบอุ่นและอ่อนโยน
แต่กลับไม่สามารถช่วยเติมเต็มความอบอุ่น เข้ามาในจิตใจที่เย็นยะเยือกของเธอได้เลย
นึกถึงเงาของคนๆนั้น หัวใจเธอเจ็บปวดขึ้น มาอีก ในที่สุดเขาก็มา
เป็นเพราะว่าฝั่งของลิสาไม่มีปัญหาแล้ว เขาถึงนึกคิดถึงเธอขึ้นมาหรือ?
บอกว่าไม่แคร์ จะไม่แคร์จริงๆได้ยังไง?
สวรรค์อาจจะกำลังลงโทษเธอ หัวใจทั้ง ดวงของมานพเธอทำเป็นเหมือนไม่เห็น
แต่เธอกลับให้หัวใจตัวเองถูกคนย่ำยีครั้ง แล้วครั้งเล่า….ความคิดแบบนี้ไม่มีเหตุผล
ที่จะพูดได้จริงๆ ตอนที่คนกําลังอ่อนแอ ก็ ทำให้คิดฟุ้งซ่านอย่างเลี่ยงไม่ได้……
เมื่อคิดไปได้สักพัก กลับต้องหยุดฆ่าตัวเอง ที่คิดไปเรื่อยเปื่อย
ได้แต่ยิ้มเยาะเย้ยตัวเองอยู่อย่างนั้น พิงกี้ที่ อยู่บนเตียงมาทั้งวันรู้สึกเมื่อยตามตัว
จึงอยากไปเดินออกกำลังเพื่อยืดเส้นยืด
สายสักหน่อย
อาจจะเพราะในใจยังแอบซ่อนความคาด
หวังบางอย่างอยู่
ที่แม้แต่เธอเองก็ยังไม่อยากยอมรับ
แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นหลังเปิดประตูทำให้เห็น
คนตรงหน้า
กลับกลายเป็นผู้ชายที่เย็นชา และไม่รู้ว่ายืนอยู่ที่หน้าประตูนานแค่ไหนแล้ว
กลับมีแต่ความเงียบงันเหมือนอยู่ท่ามกลาง ทะเลททรายที่ไม่มีผู้คน ไม่มีใครเลย
ด้วยความไม่อยากสนใจเธอจึงได้แต่มอง ต่ำ แต่ทันใดกลับรู้สึกถูกรัดแน่นอยู่ที่กลางอก
มันทั้งเจ็บทั้งทรมาน จุกจนพูดไม่ออกเมื่อ เควินเห็นเธอเปิดประตูออกมา
เท้าที่นิ่งก็ก้าวไปด้านหน้า ไม่ทันไรพิงกี้ ที่เห็นการกระทำของเขาก็ก้าวถอยหลังอย่าง ลืมตัว
เมื่อฉุกคิดได้พิงกี้ไม่รอช้ารีบดึงประตูให้ ปิดทันที แต่มีหรือที่จะสู้แรงของผู้ชายคนนี้ได้
เมื่อรู้ถึงจุดนี้เธอจึงดึงมือออก ประตูจึงถูก เปิดกว้างขึ้นด้วยแรงของเขา
ผ่านไปไม่กี่นาที ทำให้พิงกี้รู้สึกถึงความขมขื่นที่กำลังก่อตัวขึ้น จึงได้แต่ยิ้มบาง
มองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่หลบ สายตาพร้อมกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะ ท่านประธานเควิน มีธุระอะไร
หรือเปล่าคะ”