สวัสดีค่ะ ท่านประธานเควิน
เป็นการทักทายที่เรียบง่ายและได้ยินบ่อยๆ นอกจากคําทักทายที่มีมารยาท
ก็หาปัญหาใดๆไม่เจอเลย แต่ว่าไม่มีครั้งไห นที่เควินรู้สึกการพูดคุยที่แสนธรรมดาขนาดนี้
จะฟังแล้วบาดหูถึงขั้นนี้ เขาหลุบตามองผู้ หญิงผอมเพรียวตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า
สายตามองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเธอ มือที่จับขอบประตูแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เดิมทีอยากเปิดปากอธิบาย ตอนนี้กลับติด อยู่ในลำคอ ยังไงก็พูดไม่ออก
“ถ้าคุณไม่มีธุระล่ะก็ ดิฉันจะพักผ่อนแล้ว
รบกวนคุณช่วยเอามือคุณออกหน่อยได้
ไหมคะ?”
ค่ะ
ถ้าว่าตอนแรกในใจพิงกี้ยังตั้งความหวังไว้ นิดนึง ถ้ารู้ว่าตอนที่คนๆนี้โผล่มาที่ตรงหน้า
เธอจริงๆ บรรยากาศระหว่างทั้งสองจะ อึดอัดและเย็นชาขนาดนี้
เธอแทบจะไม่อยากให้ตัวเองเปิดประตูบาน นี้เลย “ต้องทำกับฉันแบบนี้ให้ได้ใช่ไหม?”
“ไม่งั้นยังจะทำยังไงได้คะ?”พิงกี้เม้มปาก ยิ้มอ่อนๆ เธอยักไหล่และพูด
“หรือว่าคุณอยากจะคุยอาการของลิสา บอกว่าร่างกายเธอย่ำแย่แค่ไหน?
บอกว่าคุณจำเป็นมากแค่ไหนถึงได้ตะคอก ใส่ฉัน และพาเธอไปอย่างสง่าผ่าเผย?
ไม่อยากทำกิริยาท่าทางแบบนี้จริงๆ ไม่ อยากบีบเค้นถามคนแบบนี้
ไม่อยากบ่นเซ้าซี้เหมือนหญิงแก่…..แต่ว่า
ตอนนี้เธออาจจะบำเพ็ญธรรมไม่ถึงขั้น จริงๆ เธอทำจิตใจให้นิ่งสงบดั่งน้ำที่ไม่ไหลไม้ ได้
ทำเป็นไม่แคร์ไม่ได้ ข่าวลือข้างนอกพูด เธอเสียๆหายๆจนสุดจะทน
แต่เธอกลับเป็นมือใหม่เรื่องความรัก
“ฉันไม่รู้ว่าเธอก็ได้รับบาดเจ็บ
“อืม ก็แหงอยู่แล้ว ในใจคุณในสายตาคุณ มีแต่ลิสาคนเดียว
จะเห็นตัวประกอบอย่างฉันได้ยังไง?
ไม่งั้น คนที่ใจกว้างองอาจอย่างท่าน ประธาน ไม่ถือสาที่จะให้ฉันติดรถมาด้วย
และให้ฉันแวะมารักษาที่โรงพยาบาลด้วย
หรอกค่ะ”
“พอได้แล้ว” พิงกี้ใช้แรงหนักขึ้นอีก เธอ อยากปิดประตู
“ดึกมากแล้ว ฉันจะพักผ่อนค่ะ”
เควินไม่ปล่อยมือ แค่จ้องมองเธอไว้
“ท่านประธานหมายความว่ายังไงกันแน่ คะ?คุณยืนอยู่ตรงนี้จะพูดก็ไม่พูด
คงไม่ใช่อยากลากฉันไปขอโทษลิสามั้ง คะ?” พิงกี้หรี่ตามองเขา
บนตัวเธอใส่เสื้อผู้ป่วยสีน้ำเงินที่หละหลวม และผมที่ยาวถึงเอวปล่อยอยู่ข้างหลัง
ทำให้เธอยิ่งดูตัวเล็กและน่าสงสาร ดูแล้ว ทำให้คนเอ็นดูและรักใคร่
ทำให้คนอยากเอามาทะนุถนอมไว้ในกำมือแต่ว่า ตอนนี้เธอดันมีหนามงอกออกมาทั้งตัว
ทำให้คนยากที่จะเข้าใกล้ แววตาเควินมี 1 ความอิดโรยแว๊บผ่าน
“ลิสาอยากเจอเธอ อยากอธิบายเรื่องของ วันนี้ เธอบอกไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด…..
“ฉันเข้าใจลิสาผิด?” พิงกี้อดหัวเราะไม่ได้ หลังจากหัวเราะ สายตาเธอเปลี่ยนมาเย็นชา
เสียงก็เย็นชาเหมือนเสาน้ำแข็งในเดือนสิบ สองที่สามารถทิ่มแทงคนได้
“รบกวนคุณฝากบอกเธอด้วย ฉันไม่เพียง แต่ไม่ได้เข้าใจเธอผิด
ฉันยังรู้สึกขอบคุณเธอมาก! ความหวังดี ของเธอ ฉันจะจำฝังใจชาตินี้ไม่มีวันลืมเลย!
ยังไม่พูดถึงอย่าง แค่เฉพาะวันนี้คุณมาโผล่ ที่นี่ ฉันยังต้องพึ่งบุญของลิสาเลย!”
“ดิฉันรู้สึก ดิฉันกับท่านประธานยังไม่ได้ สนิทสนมกันถึงขั้นนี้
คุณเรียกชื่อเต็มฉันจะดีกว่าค่ะ”
“ฉันจะพักผ่อนแล้วค่ะ” สายตาทั้งคู่สบตา
กัน
สุดท้ายก็เควินเป็นคนถอยก่อน เขาปล่อย มือ “เธอพักผ่อนดี….คำสุดท้ายยังพูดไม่จบ
ประตูด้านหน้าก็ปิดสนิทแล้ว เขาคิด เธอ ไม่ใช่ไม่อยากให้สีหน้าเขาดูเลยมีท่าทีซอฟลง
แต่แค่ไม่อยากทำให้น้ำหวานที่หลับอยู่ข้าง
ในสะดุ้งตื่นเฉยๆ
มองผ่านกระจกทรายบนประตูที่กั้นไว้ระหว่างพวกเขา
เควินสามารถมองเห็นเงาของผู้หญิงร่าง เล็กกำลังเดินเข้าไปในห้อง ไม่มีแม้แต่จะหยุด
ไม่มีแม้แต่รักที่ฝังใจ ราวกับว่าจะเดินออก ไปจากโลกของเขาอย่างสิ้นเชิง
“เควิน พิงกี้รับปากจะเจอลิสา หรือยังคะ?” เห็นเควินผลักประตูเข้ามา
สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่กลับยิ้มไปทีนึง
“ลิสานึกว่าคุณไปเอง ถึงเธอไม่เห็นแก่ หน้าลิสา
ก็จะเห็นแก่คุณแวะมาเที่ยวนึง คิดไม่ถึงว่า เธอก็ยังไม่รับปาก
พูดยังไม่ทันจบ เธอก็รีบปิดปากไว้ สายตา ระยิบระยับ มองเควินอย่างเกรงใจและพูด“เควิน ลิสาไม่ได้หมายความว่าเธอไม่เห็น แก่หน้าคุณ ไม่เห็นความสำคัญของคุณนะคะ
เป็นเพราะเธอเข้าใจลิสาผิดเยอะเกินเข้า ถึงได้เป็นแบบนี้ค่ะ”
“อืม”เควินก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้นาน เท่าไหร่ แต่แค่ถาม
“ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว ทำไมคุณยังไม่นอน อีก?” ลิสากับพิงกี้ไม่ได้อยู่โรงพยาบาล เดียวกัน
เขามาจากโรงพยาบาลที่พิงกี้พักรักษาตัว ถึงนี่ก็ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว
เขาไม่คิดว่าลิสายะรอถึงตอนนี้
“เรื่องถูกลิสาทำจนกลายเป็นแบบนี้ ลิสา จะนอนหลับได้ยังไงคะ?
นัยน์ตาที่สงบและเย็นชาดูลิสาไว้ เขาสงบนิ่งไม่พูดจา ถึงตั้งใจเก็บความแข็งกร้าวไว้แล้ว
แต่ความน่าเกรงขามที่ลึกถึงก้นบึ้งทะเลใน ตัวเขา มันก็ยังมีความน่ายำเกรงอยู่
ลิสาหลุบตาลง มือที่เรียวเล็กจับไว้บนแก้ม “คุณก็รู้นี่คะ ตอนเที่ยงลิสาไปหาพิงกี้ก็
เพื่ออยากสายสัมพันธ์กับเธอ
และพูดหว่านล้อมให้เธออ่อนข้อให้คุณ พ่อคุณแม่ อย่าทะเลาะกับพวกท่าน
ทำให้พวกท่านเสียใจ แต่คิดไม่ถึงว่าจะ โชคร้ายเจอคนพวกนั้นกำลังหาเรื่องอยู่
พิงกี้คิดว่าลิสาเป็นคนเรียกคนพวกนั้นไป ยังคิดว่าที่ลิสาไปเพราะตั้งใจไปดูเธอขายหน้า
เรื่องก็เลยถูกลิสาทำจนพัง……
ใบหน้าที่ขาวใสของเธอยังมีรอยฝ่ามือของพิงกี้หลงเหลืออยู่ รอยยังชัดเจนมาก
ถึงเควินไม่ได้เห็นกับตาตอนที่ลิสาถูกตบ
แต่เห็นรอยฝ่ามือนี้ก็สามารถนึกออกว่า ตอนนั้นพิงกี้ใช้แรงมากแค่ไหน?
คิดถึงตรงนี้ เขาขมวดคิ้ว สายตาตึงเครียด เห็นแบบนี้แล้ว ลิสาแอบดีใจอย่างมาก ภายนอกเธอแกล้งทำเป็นเสียใจที่สุด ต่
แท้จริงแล้วในใจคิดอะไรมีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ “ที่จริงร่างกายของลิสาคุณก็รู้ดี ถึงจะยัง
ไงก็มีชีวิตอยู่ไม่ถึงยี่สิบห้าปี
แก่งแย่งชิงดีขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ ยิ่ง ไม่มีกะจิตกะใจไปแย่งด้วยซ้ำ
แม้แต่คุณ ลิสายังให้พิงกี้ได้ ลิสาแค่อยาก
ให้คุณมีความสุข
แล้วยังจะแคร์ของนอกกายอย่างอื่นได้ยัง ไงกัน? เควินคะ ถึงพิงกี้ไม่เชื่อลิสา
แต่คุณก็ยังเชื่อลิสาอยู่ใช่ไหมคะ?
พูดถึงร่างกายตัวเอง ความโศกเศร้าในแวว ตาเธอจริงใจขึ้นเยอะ
ใช่ ที่จริงร่างกายเธอก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ถ้า หาหัวใจมาเปลี่ยนไถ่ไม่ได้ เธอสามารถยืนหยัด ถึงอายุยี่สิบห้าก็ถือว่าดีมากแล้ว
ยิ่งอย่าหวังจะมีชีวิตอยู่นานนานกว่านี้เลย