“คุณว่าไงนะ?” พิงกี้มองตาโตอย่างกับ
เห็นผี
“คุณหมายความว่า ตอนนี้…….
โรงพยาบาลนี้ก็ตกเป็นของตระกูลคุณเด
วินแล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ของตระกูล แต่เป็นโรงพยาบาล ส่วนตัวของเควิน
เป็นอุตสาหกรรมส่วนตัวของเขา
“……”พิงกี้
“เธอคิดจะทำอย่างไรต่อ?” เตชิตถาม
“จะทำอะไรได้ ก็ย้ายโรงพยาบาลต่อน่ะ
พิงกี้ยิ้มน้อยที่มุมปากแฝงไปด้วยความ
โกรธเคือง
เควินนี่ก็เป็นผู้ชายที่มุ่งมั่นจังนะ
ไม่ว่าเธอจะอยู่โรงพยาบาลไหนเป็นต้องมา ซื้อโรงพยาบาลนั้นให้ได้!
ในเมื่อเขามีอำนาจเงินทองมหาศาลขนาดนี้ ก็มาลองดูกันสักตั้งว่าเขาจะซื้อได้เร็วกว่า หรือ เธอจะย้ายได้เร็วกว่ากัน! พิงกี้ทำเวลาให้เร็ว ที่สุดในการย้ายโรงพยาบาลอีกครั้ง
ครั้งนี้เธอได้ย้ายเข้ามาที่โรงพยาบาลของ
รัฐบาล
เป็นโรงพยาบาลประชารัฐที่สาม คนบาง คนดูเงียบสงบแต่เหิมเกริมจนไม่มีที่เทียบ
คงไม่สามารถซื้อโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ ภายในวันเดียวแล้วมั้ง?
โรงพยาบาลเอกชนพูดง่าย เท่ากับว่าเป็น โรงพยาบาลส่วนตัวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
กับทางการเมือง อยากจะขายก็ขาย อยาก
ชื่อก็ซื้อ แต่ว่า……..
โรงพยาบาลของรัฐกลับไม่เหมือนกัน หาก จะจัดการเกี่ยวกับรัฐบาลยังต้องมีการ
เจรจากันจนยุ่งเหยิงและมีเส้นสาย
ยังไงก็ไม่สามารถจัดการทำเรื่องซื้อได้ ภายในวันเดียวหรอก ในที่สุดพิงกี้ก็สบายใจได้ สักที
เธอรู้สึกว่าตัวเองน่าจะได้พักรักษาตัวใน โรงพยาบาลประชารัฐที่สามนี้จนกว่าจะหายดี
และออกจากโรงพยาบาลอย่างรื่นรมย์
วันที่สอง พิงกี้ไม่ได้ยินข่าวว่าเควินซื้อโรง พยาบาลแห่งนี้
แต่แล้ว………
“คุณว่าอะไรนะ? เขาเป็นหุ้นส่วนของที่นี่
ดังนั้น…..
“ถูกต้อง” นี่เป็นครั้งแรกที่เตชิตรู้สึก เห็นใจพิงกี้
“ดังนั้น หากเธอไม่อยากถูกเขารบกวนอีก ดีที่สุดก็ไปอยู่ที่วิลล่าของฉัน
ฉันจะเชิญหมอส่วนตัวมาติดตามดูแล รักษาสภาพร่างกายของเธออย่างดี
แบบนี้เธอจะไม่ถูกเขารบกวนด้วย และยัง สามารถพักผ่อนและรักษาตัวอย่างเต็มที่ด้วย
จะได้ไม่เสียสุขภาพประสาทเพราะเรื่องนี้
.”พิงกี้
“เธอคิดว่าเป็นไง?”
อีก”
“ฉันคิดว่า….เขาบ้าไปแล้ว
เพียงช่วงเวลาสั้นๆยังไม่ถึงอาทิตย์หนึ่งเลย เควินกลับซื้อโรงพยาบาลเอกชนไปแล้ว
สองแห่ง ยังเป็นหุ้นส่วนกับโรงพยาบาลรัฐ อีกหนึ่งแห่ง ทําเรื่องได้ง่ายดายแบบนี้ บ้าชัดๆ
เธอแค่ต้องการหลบหน้า แต่เขากลับใช้วิธี ที่แน่วแน่แบบนี้มาเพื่อพิสูจน์ให้เธอเห็น
ว่าเขาไม่ยอมแพ้ แบบนี้คุ้มแล้วเหรอ เขา คุ้มที่จะทำแบบนี้เหรอ?
หากคุ้มค่าต่อจิตใจของเขา แล้วทำไมต้อง ทําร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หรือว่าเขายังคงโมโหอยู่ รอวันที่เธอยอม แพ้หรือ เมื่อคิดถึงจุดนี้ พิงกี้ขบรีมฝีปากเบาๆ
ดวงตากลมสวยที่ใสสะอาดก็สลัดความ เสียใจออกไป
แม้ว่าเตชิตเสนอแนะและสนับสนุนให้เธอ
ต่างๆนาๆ
พิงกี้ก็ยังไม่ตัดสินใจไปพักที่วิลล่าของเขา ความสัมพันธ์ของเธอกับเตชิตถือว่าไม่เลว
ตลอดมาไม่เคยต้องเกรงใจในความช่วย
เหลือจากเขา
แต่การไปอาศัยที่บ้านของเขา…ก็ออกจะ
แปลกๆไปหน่อย
เธอตัดสินใจอยู่ที่โรงพยาบาลประชารัฐที่ สามนี้ต่อไป
ในเดือนนี้ของปี การเข้าโรงพยาบาลก็ เหมือนไปโรงฆ่าสัตว์
ร่างกายของคนๆหนึ่งที่ไม่ได้รับอิสระ หยิบ บัตรคิวเข้าพบแพทย์
เช็คดูก่อนว่าป่วยหรือไม่ ถ้าป่วยคือป่วย ไม่ป่วย แค่รับวิตามินกลับไปทานที่บ้าน
ไม่มีอะไรที่ต้องยุ่งยาก เคยได้รับการตรวจ จากโรงพยาบาลอื่นแล้ว
ต้องขออภัยทางเราไม่อาจยอมรับการ ตรวจให้ได้
หากไม่ต้องการพบแพทย์ กรุณากลับไป เถอะ อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย
ไม่เห็นหรือว่าด้านหลังเข้าแถวกันเต็มไป หมด คุณหมอไม่มีเวลามาเสียเวลากับคุณหรอก
พิงกี้มีคนปกป้องและคุ้มกันตัว ถึงหลีก เลี่ยงปัญหาพวกนี้ได้ แต่ก็ถูกทรมานไม่เบาเลย
เธอไม่อยากเคลื่อนไหวตัวแล้ว
แต่ว่า พอเป็นแบบนี้ เธอก็เลี่ยงไม่ได้ที่ต้อง เจอหน้ากับเควินอีก
เขาเหมือนมีความไม่พอใจแล้วยืนดูอยู่หน้า ห้องผู้ป่วย เห็นเธอตัดสินใจที่จะไม่ย้าย
เมื่อถึงตอนค่ำเธอก็ได้ทำการยึดครอง เตียงผู้ป่วยคู่มาหนึ่งเตียง
ในที่สุดก็ได้เข้าพักในโรงพยาบาลอย่าง สง่าผ่าเผยสักที
พิงกี้จ้องไปยังเควินที่กำลังสะบัดผ้าห่มช้าๆ จากนั้นนั่งลงข้างเตียง มองดวงตาที่คมเข้มของ เขาอย่างเหลือเชื่อ
แต่เป็นเควินที่พูดขึ้นก่อน “คืนนี้ฉันนอนที่
“คุณ…ไม่กลัวถูกแอบถ่าย แล้วปล่อยข่าว ลือเสียๆหายๆออกมาหา หลิสาเห็นหรอ?”
“ฉันกับลิสาเราเลิกกันแล้ว ตอนนี้เรามี ความสัมพันธ์แค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง
ฉันก็ไม่กลัวถูกใครแอบถ่าย ไม่มีสื่อไหนที่ กล้าโพสต์เรื่องราวของฉันโดย
ที่ไม่ได้นับอนุญาติจากฉันหรอก”
เควินเอ่ยด้วยถ้อยคำที่สงบเช่นเคย คำพูด จางๆแต่กลับทรงพลัง
ราวกับไม่มีอะไรที่จะกระทบเขา ยิ่งไม่มี ทางโจมตีจิตใจที่แข็งแกร่งของเขาได้
“งั้นคุณค้างที่นี่ หมายความว่ายังไง?
“ฉันอยากให้เธอรู้การตัดสินใจที่แน่วแน่ ของฉัน”
“ตัดสินใจที่แน่วแน่?” พิงกี้ยิ้มอย่างเหยเก แค่ตัดสินใจที่แน่วแน่จะมีประโยชน์อะไร?
หรือว่ามันจะสามารถทำให้เธอวางใจกับ ความรักที่พ่ายแพ้นี้
ไม่ต้องสนใจว่าอาจจะเจอกับตอนจบที่ได้ รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งกาย
และพนันกับเขาอย่างกล้าหาญงั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้!
ราวกับว่าดูออกความหมายที่แฝงอยู่ข้าง หลังที่พิงกี้กำลังเยาะเย้ยตัวเอง
นัยน์ตาที่ดำเข้มจ้องมองเธอไว้ ใช้น้ำเสียง ที่ทุ้ม และมีแรงดึงดูดพูด
“การตัดสินแน่วแน่ที่จะอยู่กับเธอ”
“พิงกี้
ทันทีที่เงยหน้าก็สบเข้ากับสายตาของฟินิ กส์คู่นั้นที่เป็นประกาย
เหมือนดวงดาวที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในตาคู่นั้น แพรงพราวจนเธอเกือบจะหมดสติ
สภาพร่างกายของพิงกี้ดีขึ้นในทุกๆวัน
ครั้งสุดท้ายที่หมอหาการเข้าตรวจผล ปรากฏว่าวันพรุ่งนี้เธอก็สามารถกลับบ้านได้
เพียงแต่ว่าหลังออกจากโรงพยาบาลต้อง ระมัดระวังให้ดี
อย่าให้ศีรษะได้รับการถูกกระแทกที่ รุนแรง และถูกกระทบกระเทือนอีก
รวมถึงพยายามหลีกเลี่ยงการออกกำลัง กายที่หนักเกินไป
พิงกี้ตอบรับคำแนะนำ ในช่วงครึ่งเดือนที่ เธออยู่ในโรงพยาบาล
บาร์ของดุสิตก็ตกแต่งเกือบเสร็จแล้วเหลือ เพียงต้องทําความสะอาด
จัดส่งของให้เข้าที่นิดหน่อยก็เปิดกิจการ
ได้แล้ว
พิงกี้จดจ่ออยู่แต่กับเรื่องนี้ อดไม่ได้อยาก ที่จะไปดูสถานการณ์เสียหน่อย
วันถัดมา พิงกี้ที่กำลังเก็บข้าวของเพื่อที่ เตรียมตัวออกจากโรงพยาบาล
พรางพูดคุยเรื่องนี้กับน้ำหวาน
“ฉันที่ไม่ได้ดูแลไซด์งานมาครึ่งเดือนนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบอย่างที่คิดไว้มั้ย
ฉันกังวลว่าผู้จัดการจะเข้าใจเกี่ยวกับภาพ วาดหรือเปล่า
คงไม่ทำเวทีม่านน้ำที่ยอดเยี่ยมของฉัน ออกมาได้อย่างอึมครีมหรอกนะ”
สําหรับงานที่เป็นมืออาชีพแบบนี้น้ำหวาน เองก็ฟังไม่เข้าใจสักนิด
แต่ไม่รู้สึกละอายใจอีกทั้งดวงตากลมโต ของเธอก็ไม่ได้มีความสนใจ
“เธอจะห่วงไปทำไมกัน ถึงแม้จะตกแต่งได้ ไม่ดี ก็ไม่ใช่เธอที่จะขาดทุนสักหน่อย
เป็นดุสิตไอ้สารเลวนั่นต่างหาก”
“พิงกี้ตั้งใจที่จะพูด กล้างให้
แต่เมื่อสังเกตน้ำเสียงที่น้ำหวานพูดจึงหัน กลับมาถามทันที
“น้ำหวาน ช่วงนี้เธอพูดถึงคุณดุสิตบ่อยจัง นะ หรือว่าเธอชอบเขาเข้าแล้ว?”