“เอางี้ไหมคะ? คุณไปทำธุระของคุณเถอะ อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลยค่ะ”
พิงกี้โยกโทรศัพท์ไปมา เธอเป็นคนทำลาย ความเงียบก่อนด้วยความรู้สึกผิด
“ค่าตั๋วหนังฉันโอนวีแชทให้คุณ เดี๋ยวฉัน เรียกเพื่อนมาดูเป็นเพื่อน ตั๋วใบนี้ก็ไม่เสียฟรีๆ หรอก
ยายฉันก็นิสัยเหมือนเด็กคนนึง คุณอย่า ถือสาท่านเลยนะคะ”
“ผมไม่ถือสาครับ แต่ว่า…… ยิ้มอ่อนๆ แล้วชี้ที่ตั๋วหนัง ” ณรงค์กร
“รู้สึกยายคุณบอกแล้วว่าก่อนดูหนังถ่าย รูปนึง ดูหนังเสร็จต้องถ่ายอีกรูปนึง
หลังจากแยกย้ายจากโรงหนังก็ต้องถ่าย
อีกรูปนึง
ทั้งหมดสามใบทั้งจะสามารถพิสูจน์ความ บริสุทธิ์ใจของพวกเรา……
“ห้า….” พิงกี้กุมแก้มอย่างขายหน้า “ยายฉันก็จริงๆเลย…..
“คนแก่ก็เหมือนเด็กแบบนี้แหล่ะครับ แต่ ท่านก็หวังดีกับคุณนะครับ”ณรงค์กรเผลอยิ้ม ออกมา
แล้วตบที่ไหล่เธออย่างอ่อนโยน “ไปเถอะ ครับ หนังใกล้ฉายแล้ว วันนี้ผมไม่ต้องทำการ ทดลอง
พอดีเลยได้ดูหนังผ่อนคลายหน่อย”
“ทําการทอลอง? คุณทำงานเกี่ยวกับอะไร หรอคะ?” พิงกี้ถูกเปลี่ยนสมาธิอย่างไวมาก
จึงถามด้วยความสงสัย ทั้งสองพูดคุยไป และเดินเข้าโรงหนังไปด้วย
ณรงค์กรนิ่งไปครู่นึงแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “ผมทำเฉพาะทางเกี่ยวกับวิศวกรรมชีวภาพ ครับ”
“แค่ฟังก็ดูเจ๋งมากเลยค่ะ ฉันน่ะเป็นแค่เด็ก เรียนห่วยแตกคนนึง ” พิงกี้ยกมือขึ้นข้างนึง
และพูดอย่างอดขำไม่ได้ “ ถึงฉันจะไม่ได้ ทำให้คุณครูปวดหัว
แต่ก็ไม่ได้เป็นเด็กดีถึงขั้นที่สร้างเกียรติยศ ให้โรงเรียน” คิดถึงเมื่อก่อน
เธอชอบเอาวิชาต่างๆไปถามเด็กเรียน อย่างเควินอยู่ประจำ ทุกครั้งก็ทำให้เขารำคาญ จนจะแย่
เห็นเธอทีไรก็หัวเราะเยาะเธอไม่มีสมอง
ตอนนี้คิดๆแล้ว……….
ไม่ คิดไม่ได้ !
“ไม่หรอกครับ ตอนนี้คุณเองก็โอเคมากนี่
ครับ”
เสียงที่อ่อนโยนของณรงค์กรดึงสมาธิพิงกี้ กลับมา ตอนที่เขาพูดคำนี้โรงหนังเปิดพอดี
หนังเรื่องที่พวกเขาดูเพิ่งฉายไม่นาน เป็น หนังที่ฮอตฮิตมาก ผู้คนที่มาจากทุกทิศหลั่งไหล
มาเบียดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า เบียดเสียด พิงกี้จนชนเข้าไปในอ้อมอกของณรงค์กร
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ!” พิงกี้รีบกล่าวขอโทษ
พอเงยหน้าก็สบตาเข้ากับนัยน์ตาที่อ่อน โยนของณรงค์กร และรอยยิ้มที่อ่อนโยนของ
เขา
“ไม่เป็นไรครับ” ณรงค์กรยิ้มและส่ายหัว เป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆครั้งนึง
พิงกี้จู่ๆกลับรู้สึกแก้มร้อนขึ้นมา ตอนที่ดูหนังพิงกี้ตั้งใจลดจำนวนครั้งที่คุยกับ
ณรงค์กรเพื่อรักษาระยะห่าง ถึงหนังที่ดู เป็นหนังแนวระทึกขวัญ แต่ตอนที่ดูถึงฉากที่สะ พรึงกลัว
เธอยอมหลับตาและจับราวจับเก้าอี้ไว้แน่น ก็ไม่ยอมเข้าใกล้ณรงค์กรสักนิด
เหมือนณรงค์กรจะสังเกตุเห็นการต่อต้าน เล็กๆบนตัวเธอ ก็เลยรักษาระยะห่างอย่างมี มารยาท
หลังหนังจบ ทั้งสองออกจากโรงหนังและ ถ่ายรูปๆนึงเป็นหลักฐาน จากนั้นพิงกี้ก็เตียมจะ ขอไปก่อน
“ฉันจะไปสถานีรถไฟใต้ดิน คุณล่ะคะ?”
เธอถาม
“ฉันก็เหมือนกันครับ แต่อาจจะไม่ใช่
ทิศทางเดียวกับคุณ
“อ๋อ…..” พิงกี้โล่งอกไปทีนึง รอยยิ้มบน ใบหน้าร่าเริงขึ้นไปอีก
“งั้นเราไปกันเถอะค่ะ”
การพบประหาคู่ครองแบบนี้ทำให้คนอึดอัด
จริงๆเลย——-พอกลับถึงบ้าน
พิงกี้เอารูปสองใบที่สามารถใช้เป็นหลัก ฐานส่งให้ยายสมศรีก่อน
จากนั้นถึงได้หยิบเสื้อผ้าไปอาบน้ำ ครั้ง นี้ ยายสมศรีไม่ได้ตอบอีกเช่นเคย ว่าไปแล้วก็ แปลกนะ
หลังจากครั้งที่เธอใช้วีแชทส่งข้อความ เสียงให้ยายไป
จากนั้นยายสมศรีก็ไม่เคยส่งข้อความเสียง ให้เธออีกเลย ข้อความตัวอักษรยิ่งไม่เคยส่ง
เลย
พิงกี้อาบน้ำออกมาได้ยินเสียงมือถือกำลัง ดังอยู่ หยิบจากเตียงมาดูคือยายสมศรี “พิงกี้
ยายดูแล้วหนูกับณรงค์กรเหมาะสมกัน มากเลย ฟังที่ยายพูดหนูลองคบกับเขาดูได้ยิน ไหม?”
ยายสมศรีเปิดปากก็พูดเรื่องพบปะหาคู่ ครองเลย ไม่ต่างกับที่พิงกี้คิดไว้
ทำเธอเธอหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ยายคะ ตอนนี้หนูยังไม่อยากมีความรัก
ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องนั้นค่ะ ”
“ไม่มีกะจิตกะใจอะไร!” ยายสมศรีไม่ พอใจแล้ว “ถ้าหนูอยู่กับณรงค์กรจะดีแค่ไหน เชียว
เขาหน้าตาหล่อเหลาสุภาพ ได้ยินมาว่า ฐานะที่บ้านก็ไม่เลวเลยนะ
ยายดูแล้วเหมาะสมกับหนูมาก
“แต่หนูไม่ชอบค่ะ”
“แล้วหลานชอบอะไร แฟนของคนอื่น หรอ? ยายจะบอกหนู
หนูอย่าไปคิดถึงแฟนของคนอื่นเด็ดขาด เชียวนะ คนเราจะไร้คุณธรรมอย่างนั้นไม่ได้นะ หนูรู้ไหม?
นั่นจะถูกคนต่อว่าเหยียดหยามเอาได้นะ!” พิงกี้ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ยายพูดอะไรคะเนี่ย?” เธอคิดถึงแฟน ของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน?
คาดคิดไม่ถึงในสมองเธอจะมีความคิดนึง แว๊บเข้ามา แต่ความคิดนี้เหมือนดาวตกบน
ท้องฟ้าพริบตาเดียวก็หายไป เธอยังไม่ทัน คิดอย่างระเอียดก็จับผลัดจับผลูไม่ได้แล้ว
“เฮ้อ ยายไม่ใช่รีบร้อนแทนหนูหรอกหรือ?
ช่างเถอะๆ
ถ้าหนูไม่ฟังคำพูดของยายแก่คนนี้ก็ช่าง เถอะ” ยายสมศรีจะวางสาย
“ยายนอนก่อนแล้ว หนูก็รีบพักผ่อนเถอะ อย่าหักโหมตัวเองเกินไป”
“ค่ะ”
“พิงกี้ ยายดูณรงค์กรเป็นเด็กดีคนนึงจริงๆ หนูลองพิพารณาดูดีๆอีกทีนะ”
ได้ค่ะ” วางสายไป พิงกี้ไม่ได้ไม่ได้ เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ เธอไม่อยาก
เธอไม่อยากพัวพันกับเรื่องความรักจริงๆ ที่ ยิ่งกว่านั้นกับผู้ชายที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก
ที่จริงรับปากสิ่งที่ยายขอร้อง เธอก็แค่ต่อ หน้าทำตาม ลับหลังต่อต้านเฉยๆ
แต่แล้ว สถานการณ์ต่อมากลับไกลเกิน กว่าจินตานการที่พิงกี้คิดไว้ ทานข้าว ดูหนัง เดินเล่น
ไปสวนสนุก………
การที่พิงกี้กับณรงค์กรถูกบีบให้ใกล้ชิดกัน เธอถึงกับผิดนัดไปหลายครั้ง
ยาสมศรีโทรมาเร่งรัดทุกวัน พิงกี้ก็หาข้อ อ้างปฎิเสธทุกวันไม่ได้ หนึ่งสัปดาห์ลงมา
ถึงกับต้องออกไปกับณรงค์กรสองสามครั้ง ถึงทั้งสองต่างก็มีสีหน้าจนปัญญา
แต่ดีที่พิงกี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกแย่กับณรงค์ กร ทั้งสองถือยังว่าเป็นเพื่อนกันด้วย
ยายสมศรีเห็นเขาสองคนเริ่มสนิทกันมาก ขึ้น อารมณ์ดีมากเลยเชียว
ยายยังดันจะให้พิงกี้เอารูปของเธอกับณรงค์กรโพสต์ลงในไทม์ไลน์
ป่าวประกาศว่าตัวเองมีแฟนแล้ว แถมยัง บอกว่าหนุ่มสาวต่างก็ชอบโชว์หวานแหวว
ให้ตนเองก็ตามทันสมัยหน่อย พิงกี้ไม่ เต็มใจอย่างยิ่ง แต่พอเผชิญหน้ากับรอยยิ้มบน
ใบหน้าของยายสมศรี เธอเกรงใจที่จะปฏิ เสธจริงๆ สุดท้ายเธอก็ได้โพสต์ลงไทม์ไลน์ พร้อมกับ
ลายลักษณ์อักษรด้วย ดูแล้วมีความจริงใจ มาก แต่เธอกลับเล่นลูกไม้เล็กๆอย่างนึง
เธอตั้งค่าให้รูปที่โพสต์ออกไปนี้เป็นความ ลับ แบบนี้โพสต์นี้มีแต่เธอเองที่สามารถมองเห็น
โพสต์ไปก็เหมือนไม่ได้โพสต์เท่านั้น มียาย สมศรีที่คอยดึงเธอเข้าหากับณรงค์กร
อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เดิมทีพิงกี้ยังไม่รีบร้อนเรื่องที่ออกไปหาป๊ลใหม่
เพราะถ้าหาบิลใหม่ก็ต้องวิ่งหางานอยู่ข้าง นอกท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุอยู่
ร่างกายเธอยังไม่ได้หายดีอาจจะทนไม่ ไหว เธอกะว่าจะพักผ่อนที่บ้านสักครึ่งเดือน
แต่ดูท่าตอนนี้แล้ว เธอแค่พักมาหนึ่ง สัปดาห์ก็ทนไม่ไหวแล้ว