วันๆ กเร่งให้ไปพบปะหาคู่ครอง เมื่อไหร่ จะจบสิ้นสักทีเนี่ย?
พิงกี้เครียดจนกำผม จนผมร่วงทุกวัน คุย กับยายสมศรียังไงก็คุยไม่รู้เรื่อง
สิ่งเดียวที่เธอพอจะทำได้ในตอนนี้ก็คือ แก้ไขสถานการณ์แบบนี้ด้วยตนเอง
อยากหยุดพักงานก็พักไม่ได้ ได้แต่ทำตัว เองให้ยุ่งเข้าไว้
รอเมื่อเธอบอกกับยายว่าจะหางานใหม่ทำ ไม่งั้นก็จะไม่มีรายได้
ทีนี้ยายสมศรีถึงไม่ได้ดึงเธอเข้าใกล้ ณรงค์กรอีก และให้เธอทำงานของตัวเองไป
แต่แค่ทุกวันที่โทรคุยกัน ท่านก็จะต้องพูด ถึงณรงค์กรทุกครั้ง
รู้สึกเหมือนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว สำหรับเรื่องนี้ พิงกี้ก็แค่หัวเราะให้ผ่านๆไป
พิงกี้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า
จะทํางานแล้ว
อันดับแรกก็บอกเพื่อนรอบข้างก่อนเลย นําประสบการณ์จากร้านอาหารกับบาร์
ของคุณดุสิตและร้านอาหารมาเป็นแบบ อย่าง ให้พวกเขาแนะนำงานให้ตนเอง
ไม่จำกัดงานเล็กหรืองานใหญ่ ไม่ว่าคนที่ จ้างคือใครก็ไม่ปฏิเสธ เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิน
ความคาดหมาย เตชิตเป็นคนติดต่อเธอ
คนแรก นัดเธอให้มาเจอกันที่คาเฟ่ของห้างส ตาร์ไลท์
ในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้
–วันรุ่งขึ้น
พิงกี้ตื่นมาอาบน้ำด้วยความสดชื่น ออกไป ซื้อวัตถุดิบสดใหม่กลับมาบ้าน
ทําอาหารที่เลิศหรูเสร็จหิ้วไปที่โรง พยาบาล ตั้งใจว่าจะทําของอร่อยๆ
ให้ยายทานก่อนต้องยุ่งวุ่นวายกับการ ทํางาน ด้วยกลัวว่ายายสมศรีจะจับคู่เธอกับ ณรงค์กรอีก
พิงกี้จึงตั้งใจว่าจะจากไปหลังทานข้าวเสร็จ เห็นเพียงยายที่กำลังส่ายหัว ดีที่ไม่พูดอะไรต่อ
เดิมทีคิดว่าวันนี้จะไม่เจอกับเรื่องอะไร? แต่
ไม่คิดว่า
ตอนที่พิงกี้กำลังจะเดินออกจากห้องโถง ของโรงพยาบาล
กลับพบเข้ากับใบหน้าอันซีดเซียวที่ซูบ ผอมของน้ำผึ้ง น้ำผึ้งมีใบหน้าที่ซีดขาวผิดปกติ
ริมฝีปากดูไร้สีเลือด เพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ดู เหมือนแก่ขึ้นหลายปี
ในมือถือใบลงทะเบียนอยู่ อีกมือกุมหน้า ท้องไว้ เห็นได้ชัดว่าร่างกายไม่สบาย
มาดูอาการป่วยที่โรงพยาบาล ในใจของพิง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
เพียงถอนหายใจออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่เธอกับน้ำผึ้งมีเรื่องกันที่บาร์
เธอก็รู้สึกตนเองกับน้ำผึ้งไม่ได้เป็นเพื่อน กันแล้วอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้กลายเป็นศัตรูกันก็ ดีแล้ว
ไม่ว่าทำไปเพราะอะไร การที่น้ำผึ้งกับ ตระกูลยืนยงศิลป์ทำเรื่องให้ลิสา
เธอรู้สึกตนเองไม่คิดที่จะแก้แค้นกลับก็ ถือว่าเมตตามากกับเธอแล้ว!
เธอไม่เป็นห่วงว่าน้ำผึ้งจะอยู่ดีกินดีหรือไม่? ก็ย่อมยิ่งไม่มีทางเป็นแม่พระช่วยเธอทำอะไรอยู่ แล้ว
ณ ตอนนี้ พิงกี้ไม่แม้แต่จะเหลียวแลเพียง เดินตรงออกไป ไม่มีแม้แต่จะเอ่ยคำทักทายกับ น้ำผึ้ง
แต่แล้ว เธอกลับถูกน้ำผึ้งเรียกเอาไว้
“พิงกี้ !”
พิงกี้หยุดชะงัก หันกลับไปมองเธอ ถามไป เบาๆ “มีอะไร?”
“ฉันแท้งลูกไปแล้ว” น้ำผึ้งยิ้มขึ้นด้วย ความขมขื่น ไม่รอให้พิงกี้ถามแล้วพูดต่อ
“ฉันเป็นคนไปทำแท้งเอง”
“อ๋อ….”
น้ำผึ้งฆ่าลูกของตัวเอง ในฐานะที่เป็นผู้ หญิงด้วยกัน พิงกี้กลับรู้สึกไม่สบายใจ
แต่ก็เป็นสิ่งที่ตัวเองเลือก น้ำผึ้งจะอะไร ก็เป็นเรื่องของเธอ จึงไม่อยากจะพูดอะไร
พิงกี้ไม่อยากเสวนาด้วย คิดจะเดินจากไป น้ำผึ้งที่เหมือนจะเจอกับคนที่คุยด้วยได้
ไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณะก็ตาม จึงดึงมือรั้ง พิงกี้ไว้ ราวกับในที่สุดก็มีคนที่พอเป็นที่ระบาย ได้แล้ว
“เธอรู้อะไรมั้ยว่าฉันกับประพันธ์เป็นคน หมู่บ้านเดียวกัน เรารู้จักกันตั้งแต่เด็ก
ในตอนเด็กเราต่างมีผลการเรียนที่ดีมาก ตอนที่สอบเข้ามหาลัยก็สอบจากหมู่บ้านมาด้วย กัน
กลายเป็นเด็กมหาลัยหนึ่งเดียวของหมู่บ้าน
“เมื่อได้รับผลการแจ้งเตือนการเข้าเรียน
เราทั้งสองต่างดีใจมาก
เนื่องจากได้เรียนในเมืองเดียวกัน ครอบครัวของเราทั้งสองต่างให้เราดูแลกันและ
จึงเริ่มสนิทกันตั้งแต่นั้นมา
“ที่จริงเมื่อก่อนฉันก็แอบชอบประพันธ์ อย่างเงียบๆแล้ว ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่หล่อ มาก
แต่เขาฉลาดกว่าฉัน สอบได้ที่หนึ่งทุกครั้ง ส่วนฉันได้แต่ที่สอง…เพราะแบบนั้น
ตอนที่ประพันธ์ขอฉันเป็นแฟน จึงตอบ ตกลงทันทีโดยไม่คิด……”
“ในเทอมถัดมา ก็เป็นวันเกิดของประพันธ์ ฉันไม่มีปัญญาซื้อของขวัญดีๆให้ได้
แม้กระทั่งเงินที่จะเข้าโรงแรมยังไม่มี ฉัน ยกตัวเองให้เขาที่หอพักของเขา….
เขาสัญญาว่าจะดีกับฉันตลอดไป แต่เขา กลับทําไม่ได้”
“ตอนนี้พอมาคิดๆดูแล้ว ฉันในตอนนั้นช่าง โง่เสียเหลือเกิน”
“ฉันอยู่กับเขามาตั้งหลายปี ปฏิบัติกับเขา อย่างดี ฉันไม่กล้ากินของดีๆแต่กล้าให้เขากิน
ฉันไม่กล้าซื้อเสื้อผ้าแต่กล้าซื้อ แบ รนด์เนมให้เขา แต่เมื่อเขาออกมาทำงานหาเงิน ได้
กลับลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน มักจะออก ไปหาผู้หญิงข้างนอก
ทําร้ายจิตใจของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า”
“ครั้งนี้ เขาลงไม้ลงมือกับเธออีก ยังก่อ เรื่องจนน่าเกลียด
ฉันจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่บอกเลิกเขาไป เขาเองก็รับปากแล้ว
แต่ว่า ฉันยังไงก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกคน ทําร้ายจนเป็นพิการ
ชีวิตนี้เขาเป็นผู้ชายไม่ได้อีกแล้วในอนาคต ก็ไม่สามารถมีลูกได้
ทำให้ไม่อยากเลิกกับฉันขึ้นมา
อีก…..….”
“ตระกูลยืนยงศิลป์บังคับให้ฉันคลอดเด็ก คนนี้ออกมา บังคับให้แต่งกับประพันธ์
ไม่อย่างนั้นจะเอาเรื่องที่ฉันไม่บริสุทธิ์ แล้วไปบอกกับคนในหมู่บ้าน
จะทําให้พ่อกับแม่อยู่ที่หมู่บ้านต่อไม่ได้อีก คนแก่แถวบ้านยิ่งเป็นพวกหัวโบราณ
หากพวกเขาทำแบบนั้น ตระกูลของฉันจะ อยู่กันลำบาก ฉันไม่กล้าให้เขาพวกเขาทำแบบนั้น
จึงตอบรับไปว่าจะคลอดเด็กคนนี้ แต่ว่า แต่งงานด้วยไม่ได้.
“ในเวลานั้น คุณลิสาก็โผล่มา เธอบอกว่า จะให้ห้าล้านกับตระกูลยืนยงศิลป์
ให้พวกเขามาทําร้ายเธอ ใส่ร้ายเธอว่าเป็น ฝ่ายยั่วสวาทประพันธ์
และลงมือโหดกับเขาหลังจากที่เธอยั่ว สวาทไม่สำเร็จ คุณลิสายังบอกอีกว่า
หากตระกูลยืนยงศิลป์ต้มตุ๋นจากเธอได้ เท่าไหร่ นั่นก็เป็นความสามารถของพวกเขาเอง
พวกเขาสามารถเอาเงินก้อนนั้นไว้เอง นี่ก็ ถือว่าเป็นรายได้………..
“เพื่อเงินห้าล้านนี้ ตระกูลยืนยงศิลป์จึง ตอบตกลง เพื่อที่ฉันจะสามารถเอาเด็กออกจึงยอมร่วมมือด้วย กลับไม่คิดว่าเรื่องจะ บานปลายถึงขนาดนี้ คุณลิสาที่สลบไป
ไม่ยอมให้เงินห้าล้าน ตระกูลยืนยงศิลป์กี กลับมาหาฉันอีก ทำให้ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ
จึงได้แต่แอบไปทำแท้งที่คลินิกเล็กๆ
ปรากฏว่า……..
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำผึ้งเศร้าขึ้นมา มองพิงกี้ ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“พิงกี้ เธอรู้มั้ย ว่าคลินิกเถื่อนนั่นทำลาย ฉันไปตลอดชีวิต ฉัน…ต่อไปฉันเป็นแม่คนไม่ ได้อีกแล้ว
เธอว่า นี่เป็นเพราะกรรมตามสนองฉันหรือ เปล่า? นั่นคือลูกของฉันเชียวนะ ถ้าฉันไม่เอา ออก
ต่อไปก็จะสามารถได้ยินเขาเรียกฉันว่าแม่ ใช่มั้ย? แต่ตอนนี้ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจได้ยินอีกแล้ว!”
พิงกี้ที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร ได้ยินน้ำผึ้งที่ถามแบบ นี้
เธอก็ยังไม่ตอบ
“พิงกี้ เธออภัยให้ฉันได้มั้ย” น้ำผึ้งถามขึ้น
“บางทีคำถามของฉันอาจเห็นแก่ตัวไป แต่ ถ้าเธอพอจะอภัยให้ฉันได้
ฉันก็ลดความอึดอัดลงได้บ้าง จะได้ สบายใจขึ้นหน่อย
“ฉันยกโทษหรือไม่ยกโทษให้ มันสำคัญ
ขนาดเลยหรอ?” พิงกี้ถาม