หากต้องชดใช้ให้ คงต้องใช้หลายหมื่นเลย
หากพิงกี้ยังอยู่ที่ตระกูลดำรงกูล เมื่อเทียบ กันแล้วเงินไม่กี่แสนก็ไม่นับว่ามากอะไร
อย่างไรก็ตามเธอเป็นเพียงคุณหนูรองของ ตระกูลเท่านั้น ในทุกเดือนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอยู่ แล้ว
แต่ตอนนี้ ทุกบาททุกสตางค์ล้วนแลกมา ด้วยหยาดเหงื่อของเธอเอง ยังไม่กล้าซื้อเสื้อ ให้ตัวเองเลย แล้วจะไปยอมเสียเงินให้กับเรื่อง แบบนี้ได้ยังไงกัน อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ดูน่าสงสัย เกินไป
เมื่อพิงกี้รู้สึกถึงความแปลกใจ ตั้งแต่เริ่ม แรกก็รู้ถึงความผิดปกติแล้ว
เมื่อกลับมองเห็นร่างอันเพรียวบางของลิ สาอยู่ในร้าน ดังนั้นดวงตาคู่กลมจึงพิจาณาถึง ความผิดปกตินี้
ว่าต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ หรือว่า นี่เป็นหลุมพราง ลิสาวางไว้?
“คุณผู้หญิงท่านนี้ หากฉันจำไม่ผิด เหมือน ว่าคุณจะเข้าใกล้ฉันมากเกินไปจึงทำให้ชนกับ
ฉัน
หากคุณถามฉันว่าต้องทำอย่างไร ฉันเองก็ อยากถามกลับเหมือนกันว่าต้องทำอย่างไร
พิงกี้เปลี่ยนใจถามกลับอย่างเย็นชา
“อะไรที่บอกว่าฉันเข้าใกล้เธอ นี่ต้องการ จะโทษฉันงั้นเหรอ
ใบหน้าที่ล้วนผ่านมีหมอมาของตีรญาทั้งตึง และแดงขึ้น เต็มไปด้วยความรังเกียจ
“นี่ หล่อนดูการแต่งตัวของตัวเองก่อนชิ เสื้อผ้าทั้งตัวของหล่อนยังไม่ถึงสองพันห้าเลย
ยังจะกล้ามาเดินดูเสื้อผ้าราคาแพงของที่ นี่อีก อ๋อ ฉันรู้ละ คงกลัวว่าจะต้องชดใช้จนไม่มีเงินซื้อข้าวกิน
เลยคิดจะปัดความความผิดมา ฉันสินะ ไม่มีทางหรอกย่ะ
“งั้นคุณบอกฉันมา ว่าเมื่อกี้นี้คุณยืนอยู่ ตรงจุดไหน”
“ก็อยู่ด้านหลังของหล่อนไง สมองมีปัญหา แล้วรีไง หรือความจําเสื่อม
“ด้านซ้าย หรือด้านขวา
“ไร้สาระ ก็ต้องอยู่ทางด้านซ้ายสิ” ตีรญา ที่พยายามคุมตัวเองให้สงบกลับเกิดความรู้สึก ไม่ดี
ถามขึ้นด้วยเสียงอันแหลมคม
“ถามไปถามมา หมายความว่ายังไง คิดว่า
ฉันจงใจงั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้บอกว่าคุณจงใจ เพียงแค่อยาก ถามให้ชัดเจนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันคง ไม่ยากอะไรใช่มั้ยคะ”
พิงกี้มองด้วยสายตาที่เย็นชาเล็กน้อย ถาม ต่อด้วยความสงบ
“ดีค่ะ เมื่อกี้คุณอยู่ทางซ้ายมือด้านหลังฉัน งั้น คุณใช้มือข้างไหนถือน้ำผลไม้
“ซ้ายมือ….ไม่สิ ขวามือ ไม่ไม่ไม่ ซ้ายมือ
“ไม่ว่าจะซ้ายมือหรือขวามือ กรุณานึกให้ดี ด้วย เพราะจุดนี้สำคัญ ฉันคิดว่า
เมื่อกี้คุณไม่ได้ถูกประตูหนีบเข้าที่สมอง คงไม่ใช่ว่าความจําเสื่อมหรอกนะ”
“ฉัน….ฉัน…”
ตีรญาพูดจาตะกุกตะกัก เกิดความรู้สึก
ประหม่า
ปกติเธอที่เป็นคนไม่ฉลาด พบเจอกับพิง ที่มีความสงบนิ่งตั้งแต่ต้น กลับถามเธอ แล้ว ค่าเล่า
เธอกลับตอบมันทั้งหมด นั่นก็พิสูจน์ได้ว่า เธอตั้งใจที่จะเทน้ำผลไม้ลงบนตัวเอง
ยไปหมด ทําตัวเองจนเกิดวุ่นวายไป
เธอไม่กล้าตอบอะไรอีก รอเพียงความช่วย เหลือจากรอบๆ
เมื่อหันหลังมองดู เห็นลิสาที่ยืนอยู่ด้าน หลังไม่ไกล เมื่อเห็นว่ามีผู้ช่วย
สายตาจึงมองด้วยความประกายเดินตรง ไปยังลิสา เธอเดินไปพร้อมกับตะโกนพูดขึ้น
“ลิสา เธอรีบมาดูเร็ว เห็นๆกันอยู่ว่าน้อง สาวเธอเป็นคนทำให้น้ำผลไม้ในมือของฉันหก
ตอนนี้เธอคิดจะโยนความผิดทั้งหมดมาที่ฉัน เธอต้องเรียกความเป็นธรรมให้ฉันนะ”
สารู้สึกถึงความอับอาย จนใบหน้าแทบ เปลี่ยนสี
การโต้เถียงกันที่นี่ แรกเริ่มยังถือว่าเสียง เบาอยู่ แต่ตอนนี้เสียงยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ
พนักงานภายในร้านต่างก็เริ่มรู้กันแล้ว ต่าง รีบออกมาดูกันให้ควัก
เมื่อพนักงานเห็นรอยเปื้อนที่เสื้อบนไม้ แขวน ถึงกับหน้าซีด
รีบโทรตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เป็นอันดับแรก
“ฮัลโหล จากห้องเสื้อณภาโรยชั้นสามนะ
รบกวนช่วยส่งเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัยจำนวนสามคนขึ้นมาที่นี่ด้วย เกิดเรื่อง
คะทะเลาะวิวาทกันขึ้นค่ะ”
จากนั้น พนักงานจึงเดินเข้าไปถามพิงกี้ที่
ยังยืนอยู่
“อะไรกันคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ
คะ? ”
“เพราะเธอ” ตีรญาพูดเสียงดัง ขึ้นจนเป็น ที่สนใจของผู้คนขึ้นมา ชี้นิ้วไปยังพิงกี้แล้วพูด
“เสื้อพวกนี้เป็นเธอที่ทำมันสกปรก เธอคือ คุณหนูรองจากตระกูลดำรงกูล ครอบครัวธุรกิจ ใหญ่
กับแค่เสื้อไม่กี่ตัวในร้านเธอมีปัญญาจ่าย อยู่แล้ว คิดบัญชีกับเธอได้เลย”
“งั้น คุณบอกฉันได้มั้ยว่าใช้มือข้างไหนถือ น้ำผลไม้”พิงกี้ยังคงถามต่อ
“พิงกี้ ทําไมเธอถึงเอาแต่ถามคำถามนี้เมื่อเห็นการกระทำที่ไม่ได้เรื่องของตีรญา ลิสา ดึงเธอให้เข้ามา
ถามพิงกี้อย่างแผ่วเบา
“ฟังพี่นะ เรื่องในครั้งนี้ก็ช่างมันเถอะ ใน เมื่อเธอไม่ได้ตั้งใจทำให้เสื้อพวกนี้เปื้อน ชดใช้ ไปก็จบแล้ว
อย่าเอาเรื่องราวทั้งหมดมาลงที่มีรญาเลย มาทะเลาะกันข้างนอกแบบนี้ ทำให้อับอายกัน
เปล่าๆ”
ลิสามองไปยังพนักงาน พูดอย่างใจกว้างว่า
“เธอไปตรวจเช็คดูนะว่า ค่าเสียหายเท่า ไหร่ แล้วออกบิลมา
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ” แค่มีคนยอมรับผิดชอบก็
ไม่มีปัญหาแล้ว
เมื่อพนักงานเห็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยมาแล้ว จึงกล่าวสองสามประโยค จึงเดินไปออก
ปลต่อ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้เธอจะต้องได้ค่า เสื้อที่เสียหายนี้มา ไม่อย่างนั้นต้องเป็นเธอที่ชุด
เอง
หรืออาจจะต้องเสียงานนี้ไปเลย
“เดี๋ยวก่อน” พิงกี้ตะโกนมาทางเธอ
“มีอะไรหรือคะ” พนักงานหยุดเดิน เริ่มรู้
สลดใจ
“คุณผู้หญิงคะ เมื่อคุณทำให้เสื้อผ้าเกิด ความเสียหาย ตามหลักแล้วคุณต้องชดใช้ค่ะ
ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น พิงกี้พยัก
หน้ารับ
“คูณบอกว่าคนที่ทําเสื้อเปื้อน ต้องชดใช้ ค่าเสียหาย ความจริงแล้ว ฉันมีบางอย่างที่จะอธิบาย”
“อะไรคะ”
“ง่ายมาก ฉันเองก็อยากให้คุณอยู่เป็น พยานที่นี่ เมื่อกี้ฉันถามคุณตีรญาแล้วว่าใช้มือ ข้างไหนจับน้ำผลไม้ไว้
นี่ก็คือเหตุผล เธอหลีกเลี่ยงที่จะตอบ คําถาม จนเห็นได้ชัดว่ามีความจงใจ ฉันจึงคิด
ว่า
เธอมีความจงใจที่จะทำให้เสื้อพวกนี้
สกปรก
พิงกี้ในตอนแรกที่เกิดความไม่แน่ใจ แต่ ตอนนี้ ร้อยทั้งร้อยก็รู้ว่านี่ต้องมีอะไรแอบแฝง
แน่นอน
เธอจึงมองไปทางตีรญา
“คุณตีรญา เมื่อกี้คุณบอกว่ายืนอยู่ด้านหลังทางซ้ายมือของฉัน ฉันหันกลับไปทางซ้าย
หากคุณที่ถือน้ำอยู่ในมือขวา งั้นเวลาที่เรา เดินชนกัน น้ำในมือของคุณจะต้องหกออกไป ด้านนอก
และไม่เปื้อนโดนเสื้อด้วย
“อีกลักษณะหนึ่ง หากคุณถือน้ำไว้ด้วยมือ ซ้าย ในระหว่างพวกเรา น้ำก็ต้องหกไปทางด้าน หน้า
แต่…..เรื่องนี้เราทั้งสองควรรับผิดชอบ ร่วมกันไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้แก้ได้ง่ายมาก
เพียงแค่ขอดูกล้องวงจรของร้านก็สิ้น
เรื่อง”
ในความเป็นจริง แขนซ้ายของเธอที่เปียก
กลับทำให้เรื่องราวชัดเจนมากขึ้นจนเธอ รู้สึกได้ว่าเรื่องราวเป็นไปตามคาด
อีกอย่าง เพียงแค่ดูกล้องวงจรก็กระจ่าง
แล้ว
“ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ เป็นเธอที่ชนฉันต่างหาก ทําไมฉันจะต้องเสียเงินด้วย
เธอไม่มีปัญญาจ่ายแล้วยังทำเป็นมาขู่ฉัน
หน้าไม่อาย
เป็นเพราะเธอนอนกับผู้ชายมากหน้าหลาย ตาจนเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สมองมี ปัญหาถึงจะถูก”
ตีรญาไม่หลงเหลือความอายกลับเต็มไป ด้วยความโกรธ พูดด้วยเสียงที่ดังชัดเจน
ไม่เพียงแค่ด่า กลับยกมือขึ้นอย่าง กะทันหัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง มองดูน้ำที่เหลือในแก้ว
สาดไปยังพิงกี้