“ไม่มีหลักฐาน ใครจะรู้ว่านายพูดมั่ว เปล่า?” พายุหัวเราะเย้ยหยันฟัง
เขาโยนแส้ชุ่มน้ำที่อยู่ในมือลงพื้น จากนั้น เดินก้าวเท้าใหญ่ไปที่ตรงหน้าณรงค์กร แล้วดึง ผมเขาขึ้นมาอย่างโหด “นายณรงค์กร ฉันขอ เตือนนายดีที่สุดอย่าพูดเรื่อยเปื่อย อย่าคิดว่า แบบนี้ก็จะสามารถพลิกเปลี่ยนเป้าหมายให้ฉัน ออมมือกับนายได้นะ!”
ปกติตอนที่พายุตามหลังเควิน จัดการเรื่อง ทุกอย่างในบริษัท ดูแล้วสุภาพเรียบร้อยและ พูดจาง่ายๆ แต่ภายใต้จิตวิญญาณของเขายังมี ความแข็งกร้าวที่หน่วยสืบลับปลูกฝังมา!
เขาไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ ไม่ใช่คนที่ ใครๆก็จะสามารถหลอกได้!
การสอบสวนเฆี่ยนตีมาหลายวันนี้ทำให้เขา หมดความอดทน ถ้าณรงค์กรยังอยากปั่นหัว เขาเล่น งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ดีมีสุขเลย!
ณรงค์กรก็ร้องนี้ดี
ตั้งแต่พายุตัดนิ้วมือของณรงค์เดชไปหนึ่ง นิ้วอย่างใจเด็ด เขาก็รู้เลยว่าตนเองรู้จักผู้ช่วย ส่วนตัวคนนี้น้อยเกินไปแล้ว
“เชื่อหรือไม่ พวกคุณไปตรวจสอบกล้อง วงจรปิดของถนนเส้นนั้นก็สามารถแน่ใจได้แล้ว ไม่ใช่หรอ?” ณรงค์กรพูดอย่างสงบนิ่ง “ผู้หญิง คนนั้นขับรถปอร์เช่สีขาว ดูยังสาวอยู่ แต่ว่าใส่ แว่นกันแดดบังไว้ทำให้ผมเห็นหน้าเธอไม่ชัด
“ถนนเส้นไหน?”
“ผมคิดดูก่อน……….. นึกคิดไปครู่นึง ณรงค์บอกที่อยู่มาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “นาย แน่ใจ?”
“คุณสามารถตรวจจากถนนเส้นนั้น ผม แน่ใจว่าอยู่ระแวกนั้น ความคลาดเคลื่อนน่าจะ ไม่เกินห้าร้อยเมตร
..ได้” มองณรงค์ไปทีนึง พายุคลาย มือออก “ตอนนี้ฉันจะปล่อยนายไว้ก่อน!
เทลุกขึ้นจัดความเรียบร้อยของเสื้อผ้า แล้วกลับคืนมาสู่ภาพลักษณ์ผู้ช่วย ถ่อมตน
ณรงค์กรเงยหน้าด้วยความยากลำบาก “น้องชายผม…….
“ถ้าฉันสามารถปล่อยไปคนนึง ให้นาย เลือกระหว่างนายกับน้อชาย นายจะเลือกปล่อย ใครไป?” จู่ๆพายุเกิดความสงสัย
ณรงค์กร “ …………….” ผ่านไปตั้งนานเขาก็ไม่
ได้ตอบ
มีเบาะแสที่ได้มาจาก
ณรงค์กร พายุเริ่มตรวจสอบอย่างหามรุ่งหาม
ไม่ตรวจไม่รู้ พอตรวจแล้วเขาก็ขมวดคิ้วตึง ตลอด ยิ่งอยู่ยิ่งมีความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
ตอนแรก เขานึกว่าผู้หญิง ณรงค์กรบอก ว่าใกล้ชิดกับลิขิตก็คือลิสา ในเมืองหลวงก็มีแต่ลิสาที่จะลงมือกับพิงกี้ ส่วนเขาก็แค่หาหลักฐาน เจอแล้วเอาให้เควินก็พอ
แบบนั้นการกิจก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว
แต่ว่า ตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มไล่ตามกล้อง วงจรปิดที่หน้าถนน เขากลับพบเห็นผู้หญิงคน นั้นมีการสอดแนมที่เก่งกาจมาก แม้กระทั่งไม่ แพ้คนที่ถูกฝึกฝนมาจากหน่วยสืบลับเลย
เธอไม่เพียงแต่ไม่เคยให้กล้องวงจรปิด จับโดนหน้าเต็มๆ แถมยังรู้จุดที่ติดตั้งกล้อง วงจรปิดในเมืองหลวงดีด้วย อาจจะคาดเดาได้ ตั้งนานว่าจะมีคนใช้วิธีนี้สะกดตามรอย เธอ เธอ ขับรถไปยังที่ๆไม่มีกล้องวงจรปิดอย่างใจเย็น ทำให้พายุไม่สามารถตามรอยได้อีก
พอรถขับออกจากช่วงระยะทางที่ไม่มี กล้องวงจรปิด พายุถึงได้เห็นร่างเงาของผู้หญิง คนนั้นหายสาบสูญไปแล้ว คนขับรถคันนั้นได้ เปลี่ยนเป็นคนอื่นไปแล้ว
พายุตรวจสอบป้ายทะเบียนรถของปอร์เช่ ค้นสีขาว พบเห็นว่ารถคันนี้เป็นรถของบริษัทที่ ให้เช่าแต่งงานบริษัทนึง ปกติเอามาใช้เป็นรถ เช่างานแต่ง แต่ก็สามารถเช่าส่วนตัวได้ เป็นไป ได้ที่รถอาจจะถูกยืมไปใช้ชั่วคราว
เขาโทรไปหาเบอร์ของบริษัทรถเช่างาน แต่งนี้ เขาคิดอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทรถเช่า งานแต่งจะไม่แจ้งความ เขาจึงแกล้งแสดงตน เป็นคนทําคดีเพื่อถามเรื่องเกี่ยวกับรถคันนี้ ปรากฏว่าได้ผลตอบรับที่ชัดเจนมาก
วันนั้นมีผู้หญิงแต่งตัวดูดีไปเช่ารถแต่งงาน ที่บริษัทจริงๆ และรถที่เช่าก็คือปอร์เช่คันสีขาว นี้
อย่างไรก็ตาม คนขับรถถูกวางยาสลบ หลังจากที่รถขับออกไปไม่ได้ไม่นาน จากนั้น ก็ถูกโยนไปที่ท้ายรถอย่างไม่รู้สึกตัวเลย ตอน ที่เขาตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองถูกขังอยู่ที่ท้ายรถ หลังจากที่ออกมาจากในรถด้วยความกลัวและ สะเทือนขวัญ เขาพบเห็นรถจอดอยู่ตรงถนนที่ไม่ติดกล้องวงจรปิด ดีที่สุดท้ายไม่ได้เกิดเหตุ น่ากลัวอะไร เขาจึงได้ขับรถกลับบริษัทอย่าง ปลอดภัย
หลังจากวางสาย สีหน้าของพายุยิ่ง เคร่งขรึมเข้าไปใหญ่
……….จะเป็นไปได้ไง?!
ที่จริงวิธีที่ทำนี้ก็ไม่ได้ถือว่ายาก แต่ยากก็ ยากตรงจุดที่หลบหลีกกล้องวงจรปิดได้อย่าง ราบรื่นนี่แหล่ะ ถึงเป็นอาชญากรที่ฉลาดมาก แต่ถ้าอยากรู้ชัดว่ากล้องวงจรปิดตัวไหนใช้งาน ได้ปกติ กล้องตัวไหนเสียก็ยากมาก นอกเสีย จากว่า………พวกเขาจะสามารถเข้าถึงภายใน ของระบบ…….
คิดถึงตรงนี้ ในใจของพายุโผล่มาชื่อนึง: หน่วยสืบหมาป่าแดง!
ตัดหน่วยสืบลับออก ก็มีแต่คนของหน่วย สืบหมาป่าแดงถึงจะมีความสามารถในการสอดแนมเก่งกาจและทำเรื่องได้แนบเนียบ
ขนาดนี้
ทำไมเขาถึงลืมไปเลย นอกจากลิสา เกลียดและอยากทําลายพิงกี้แล้ว ยังมีอีกคนที่ จ้องเขมือบพิงกี้ เพียงแต่ว่าคนๆนี้มีเป้าหมายคือ อยากได้ตัวเธอ!
เตชิต!
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของคุณเตชิต หมด งั้นก็สามารถอธิบายได้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ อย่างกระจ่างแล้ว รวมถึงทำไมถึงรู้ว่าเบอร์หนึ่ง กับเบอร์สองจะไปไหนมาไหน และเรื่องที่ถูกคน วางยาโดยไม่ชอบมาพากลแบบนี้
ได้ข้อสรุปแบบนี้ พายุเร่งรีบจัดการเตรียม จะไปรายงานให้เควินทราบ
——–พระอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้า มาจากนอกกระจก ส่องผ่านผ้าม่านสีน้ำเงิน พิง กี้บิดขี้เกียจไปทีนึง กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงหลายทีถึงลุกขึ้นจากเตียง
คนจนไม่มีความบันเทิงก็อย่างนี้แหล่ะน้า!
วันนี้ก็ยังนัดเตชิตคุยเรื่องงานที่ห้างส ตาร์ไลท์เหมือนเดิม เธอจะไปสายไม่ได้ ถ้าไม่ ขยันหาเงินมาเยอะๆ ก็ไม่รู้ว่าค่ารักษาพยาบาล ของยายสมศรีเมื่อไหร่จะหามาครบ
ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาปุ๊บ คิดถึงคำพูดที่คุย กับยายเมื่อวานนี้ ดวงตาที่ใสสะอาดของพิงกี้ก็ มืดลงมาอีก
ช่างเถอะ ไม่ต้องคิดแล้ว!
ใช้ชีวิตทุกวันนี้ให้ที่สุดก่อนเถอะ!
พิงกี้ตบที่แก้มเบาๆเพื่อให้ตนเองฮึดสู้ขึ้นมา
แต่งตัวสบายๆออกจากบ้าน ก่อนออกจาก ห้องเธอโทรหาเตชิตก่อน “ท่านชายเตชิตคะ ท่านตื่นรึยังคะ? ไม่ใช่ว่าฉันถึงร้านกาแฟแล้วท่านยังนอนเอาแรงอยู่บนเตียงนะคะ!”
“วันนี้มีนัดกับเธอ ไม่ว่ายังไงคุณชายอย่าง ฉันก็สายไม่ได้ไม่ใช่หรอ? ให้ผู้หญิงคนอื่นรอ ฉันไม่รู้สึกมีความกดดัน แต่ถ้าให้เธอรอฉันคง ทําไม่ลงคอหรอก”
“ไสหัวไปไกลๆเลย! พูดจาให้มันดีๆหน่อย ไม่ได้รีไง ภาษาคนน่ะพูดเป็นมั้ย?
“ฉันออกจากบ้านแล้ว เธออย่าเร่งๆๆได้ มั้ย เร่งวิญญาณอยู่รึยังไง? !” พริบตาเดียว เตชิตกลับมาปกติ “ใช่แล้ว รปภ.ของห้างส ตาร์ไลท์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ที่สำคัญทุกคนต่าง ก็เคยเห็นรูปเธอ เธอแค่โชว์หน้าก็สามารถเรียก รปภ. ได้แล้ว ถ้าเกิดเจอเรื่องอะไรก็อย่ากลัว ได้ ยินรึยัง?”
“ขอบคุณมากนะคะ แต่ฉันไม่อยากเจอ เรื่องใดๆทั้นสิ้น เพราะฉะนั้นคุณรีบมาหาฉัน เถอะ!”พิงกี้ทําตาขาวทีนึง จากนั้นก็วางสายทิ้ง และปรับมือถือเป็นระบบเงียบ และบล็อกเตชิต ที่กำลังโมโหอยู่
ครั้งนี้เตชิตตรงตามเวลามาก
พอเธอถึงหน้าประตูร้านกาแฟ แค่เหลียว มองก็เห็นเตชิตนั่งอยู่ริมหน้าต่าง