บทที่ 71: เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ตามที่อยู่ที่จิ้งจอกลับให้มา พิงกี้วิ่งไปถึงที่หน้าตึกๆ นึงที่มีสองชั้น
สภาพที่นี่ใช้คำว่าสกปรกโสโครก ยุ่งเหยิงและย่ำแย่ มาเปรียบเทียบได้
น้ำเสียที่อยู่ข้างทางมีแต่กลิ่นคาวปลา ทุกที่มีแต่ผัก เน่าเสียทิ้งเรี่ยราด
มีแมลงวันตัวใหญ่กำลังตอมกองขยะที่เหม็นเน่า
เสียงโรงๆๆๆๆๆทำให้คนฟังแล้วหงุดหงินและรังเกียจ พิงกี้รู้สึกสลดใจ
ที่นี่ยุ่งเหยิงขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามานพทนอยู่ได้ยังไง? ที่ ผ่านมาเขาเป็นรักความสะอาดมาก
ถึงเขาไม่ได้เป็นโรคกลัวความสกปรก แต่เวลาเสื้อมี คราบเปื้อนหน่อยเขาก็จะเปลี่ยน
แถมเขาก็ไม่ชอบที่ๆเสียงดังวุ่นวาย ตอนแรกยังคิดว่า สถานการณ์ของเขาน่าจะพอไปได้
แต่ตอนนี้เห็นสภาพแล้ว เขาหลบซ่อนที่นี่สภาพคง
ไม่ดีไปถึงไหนหรอก
ดูตึกที่ผุพังแล้ว พิงกี้กัดฟันแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน เธอเคาะประตูไปทีละห้องๆ
จนไม่รู้เคาะไปกี่ครั้งแล้ว แถมยังถูกสายตาที่แปลก ประหลาดดู สุดท้ายเดินมาถึงประตูบานสุดท้าย
“ ก๊อกๆๆ!” ในห้องมีเสียงที่หมดเรี่ยวแรงดังขึ้นมา
“ ใครครับ? ”
พี่มานพหนี่! พิงกี้ดีใจ และตะโกนเสียงสูง” พี่มานพ ฉันเอง!”
จู่ๆข้างในเงียบไป ผ่านไปตั้งนานเสียงเท้าเดินดัง
ขึ้น พอเปิดประตู
มานพที่ใบหน้าอิดโรยโผล่ตรงหน้าพิงกี้ ไม่เจอหน้า
กันแค่ไม่นาน
ผู้ชายที่สะอาดสะอ้านและอ่อนโยนคนนี้กลายเป็น หนวดเคราเต็มหน้า อิดโรยจนดูไม่ได้
เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เขาใส่ยับเยินและมีแต่กลิ่นเหงื่อ เสื้อ เชิ้ตสีขาวมีแต่คราบเลือดสีแดง
เห็นแล้วติดใจ ถึงแม้คราบเลือดแห้งสนิทแล้ว แต่ ยังสามารถได้กลิ่นคาวของเลือด
“ มานพ….” พิงก็ไม่ชอบร้องไห้ แต่วินาทีที่เห็น
สภาพของยานพ
น้าตาก็อดไหลพรากลงมาไม่ได้ เธอรู้สึกผิดต่อเขา ติดต่อน้ำหวาน และติดต่อกมลชนก
กมลชนกอบไปทีนึงยังรู้สึกเจ็บอยู่ แต่เธอรู้สึกนั้น คือสิ่งที่เธอควรได้รับ
* อย่าร้องสิมานพรู้สึกทำอะไรไม่ถูก สายตาเขา มองไปที่รอยฝ่ามือบนหน้าเธอ
เขาเกิดความสงสารขึ้นมา แม่พี่เป็นคนตบใช่ไหม? ท่านก็เป็นคนวามแบบนี้แหล่ะ
แต่ท่านไม่ใช่คนใจร้ายใจดำอะไร เธออย่าถือสาท่าน ได้ไหม….ยกโทษให้ท่านได้ไหม?”
ยังพูดคำว่าขอโทษอะไรอีก นี่เป็นความผิดของฉัน
พิงกี้ถาม” ฉันเข้าไปได้ไหม? ” ทั้งสองยังยืนอยู่ที่ประตู
“เข้ามาเถอะคนก็มายืนอยู่หน้าประตูแล้ว มานพระ
ไล่ก็คงไม่ดี
พิงกี้เดินเข้าไปที่ห้อง เธอมองดูรอบนึงสังเกตุเห็น
ข้างในค่อนข้างทรุดโทรม
ในห้องไม่มีแอร์ อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ มีแค่
พัดลมเพดานที่หมุนอยู่
ลมที่พัดมีแต่ลมร้อน มาม่าหลายกล่องทิ้งไว้บนโต๊ะ
ดูออกหลายวันนี้มานพไม่ค่อยได้กินข้าวอย่างจริงจัง
นึกถึงสภาพตอนนี้ของมานพ
เธอยื่นมือไปที่เขา” เอากุญแจให้ฉัน
“เธอจะเอากุญแจทำไม?
“ พี่เอาให้ฉันก็พอหน่ะ! ฉันจะออกไปซื้อของหน่อย
พี่ไม่สบาย
พี่ไปนอนพักที่เตียงเถอะ”
ยืนแข็งทื่อไปสักพัก มานพก็หลบหน้าพิงกี้ไม่พ้น เลยเอากุญแจให้เธอ
พิงกี้เอากุญแจเสร็จก็เดินจากไป มองดูเงาที่เดินจาก
ไป
มานพที่ยืนดูอยู่หน้าประตูมีรอยยิ้มที่จนปัญญา สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
หลบอยู่ดีๆก็ถูกเธอหาจนเจอ เธอดีขนาดนี้ เขาจะไม่
จมปักอยู่กับเธอได้ยังไง?
ไม่นานพิงกี้ก็หิ้วถุงใบใหญ่มา เธอซื้อเสื้อใหม่
กะละมังกับผ้าเช็ตตัวและกล่องยามา
แถมซื้อข้าวกล่องที่ดูแล้วรสชาติไม่เลวมา…..เธอ
ทำความสะอาดที่โต๊ะน้ำชา
และเปิดข้าวกล่องหลายอย่างออกมา แล้วไปพยุง
มานพ “พี่มานพ พี่ไปกินข้าวเถอะ”
อาหารมีกลิ่นหอมที่น่ายั่วยวนโชยออกมา มานพไม่
ได้ปฏิเสธ
แต่เขาไม่ให้พิงกี้ถูกเนื้อต้องตัวเขา พี่ไม่ได้อาบน้ำมาสองวันแล้ว เธอไม่ต้องพยุงพี่หรอก
พี่เดินเองได้ ” พิงกี้ไม่สนใจเขาเธอก็พยุงเขาขึ้นมา
เลย
ตอนที่มานพเริ่มกินข้าว เธอเอาผ้าเช็ดตัวและ กะละมังเข้าไปที่ห้องน้ำ ที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น
ดีที่เธอเห็นมุมนึงมีที่ก่อไฟ เธอจึงได้เอาน้ำใส่หม้อ
แล้วต้มให้ร้อน
ระหว่างรอน้ำเดือดเธอก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เอาเสื้อผ้า
ที่ซื้อมาใหม่ซักแล้วไปตัก
จากนั้นก็เช็ดทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย พิงกี้
เหมือนผึ้งที่ขยันทำงาน
ห้องที่คับแคบและสกปรก แป๊บเดียวก็ถูกพิงกี้จัดเก็บ
จนสะอาดสะอ้าน
มานพกินข้าวไปและดูพิงกี้ยุ่งกับการทำความสะอาด
ห้องไปด้วย
เขารู้สึกช่องว่างของหัวใจเหมือนมีสำลีมาอุดจนเต็ม
ความสุขและความอบอุ่นที่แสนธรรมดานี้
ทาเหเขารสกทําอะไรไม่ถูก เขาเพงวางตะเกยบลง
พิงกี้ก็ยกน้ำอุ่นมากะละมังนึง
” พี่มานพ พี่ถอดเสื้อออกเร็ว ฉันช่วยพี่เช็ดทำความ
สะอาดร่างกาย
และเปลี่ยนชุดใหม่นะ” พิงกี้พูดอย่างเป็นธรรมชาติ
“ ฉันรู้ว่าร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ แผลโดนน้ำไม่ได้ เพราะฉะนั้นพี่ห้ามปฏิเสธฉัน
มานพ
……” อยากปฏิเสธจริงๆ แต่พอสบตากับ
ดวงตาที่กลมโตและแวววาวของเธอ
ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก “ งั้นก็รบกวนเธอแล้วนะ”
“ พี่อย่าพูดแบบนี้อีกนะ” พิงกี้ยิ้ม สามารถทำอะไร
เพื่อมานพหน่อยเธอก็รู้สึกสบายใจหน่อย
ตอนที่ถอดเสื้อผ้าให้มานพ เธอถึงสังเกตุเห็นแผลที่
ร่างกายของเขาไม่ได้ล้างแผลทายาเลย
แผลที่มองไม่ออกว่าเป็นเลือดหรือเนื้อติดอยู่ที่เสื้อ
แผลบางที่ก็เริ่มอักเสบแล้ว
ตอนที่ถอดเสื้อฉีกโดนแผล เจ็บจนมานพหน้าซีดเขาทนความเจ็บไม่ร้องออกมาสักคำ
แต่พิงกี้ยิ่งอยู่ยิ่งเบามือ ถอดเสื้อออกมาชิ้นนึง หน้า ผากมานพก็มีเหงื่อซึมออกมา
เสื้อของพิงกี้ก็เริ่มมีเหงื่อซึมออกมา เธอเซ็ต ทำความสะอาดช่วงบนอย่างระวัง
และใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์ล้างแผล จากนั้นก็มอง
ไปที่เอวและเข็มขัดเขา
ใบหน้าที่ขาวใสเริ่มแดงขึ้นมา เออ….พี่มานพ พ
ถอดกางเกงออกก่อนเถอะ
มานพ
“ อ๋อ..ใช่แล้ว ฉันซื้อกางเกงในใหม่มาด้วย เอา
อย่างนี้
พี่ไปชำระล้างที่ห้องน้ำแล้วเปลี่ยนกางเกงในที่สะ อาดโอเคไหม?”พิงกี้ค่อยๆธรรมชาติขึ้นมา
เธอเอากางเกงในใหม่ออกมาจากถุงพลาสติกแล้ว
ยื่นให้มานพ
“ รอให้พี่ล้างออกมา เดี๋ยวฉันค่อยทำแผลให้พี่นะ”
มานพพยักหนา “พี่จัดการเอง”
“งั้นจะได้ยังไงหล่ะ?”พิงกี้ผลักเขาเข้าไปที่ห้องน้ำ
* ช่างเถอะ ฉันว่าฉันช่วยพี่ถอดกางเกงเองเถอะ ไม่
งั้นเดี๋ยวพี่ฉีกโดนแผลอีก
เดี๋ยวพี่เปลี่ยนกางเกงในสะอาดเสร็จก็ออกมานะ เออ…ผ้าเช็ดตัวอยู่ที่นี่
ล้างสะอาดและบีบให้แห้งแล้ว” มานพปฏิเสธไม่ได้
ก็ได้แต่ให้พิงกี้ถอดเข็มขัดและถอดกางเกงสีดำออก
อย่างระมัดระวัง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกโชคดีก็คือท่อนล่าง เขามีแผลไม่เยอะ ถึงแม้ส่วนมากจะมีแผลที่ขาหลัง
ต้องให้พิงกี้ช่วยถึงจะล้างแผลทายาได้ แต่แผลไม่
ใหญ่ไม่นานก็น่าจะจัดการเสร็จ
แต่ว่า ตอนที่พิงกี้นั่งลงที่ตรงหน้าเขา ตอนที่เช็ต
ทําความสะอาดให้เขา
มานพรู้สึกเกิดเรื่องใหญ่แล้ว