ณ ที่ราบว่างเปล่า การต่อสู้ก็เริ่มที่จะรุนแรงและตึงเครียดมากขึ้น
ในฐานะนายน้อยของตระกูลหลาน แม้หลานเผิงจะยังเป็นบุรุษหนุ่มเยาว์วัย เขาก็มีไพ่ตายสำหรับเอาตัวรอดมากมายหลายรูปแบบ
เขาหยิบสมบัติมากมายจากแหวนมิติและโยนตรงไปที่คู่ต่อสู้อย่างไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด
จอมยุทธ์ปีศาจชะงักไปเล็กน้อยขณะสิ่งของเหล่านั้นถูกโยนลงมาตรงหน้าตนแล้ว
จากนั้นเสียงดัง ‘ตูม’ ก็ดังขึ้นและจุดที่เป็นตำแหน่งของจอมยุทธ์ปีศาจก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้น
“บัดซบ !”
เสียงสบถด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้นและบุรุษชุดดำก็ปรากฏตัวกลางอากาศอีกครั้ง เพียงแต่ ‘สภาพ’ ภายนอกของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาขาดวิ่นและเส้นผมชี้ตั้ง หน้ากากบดบังบนใบหน้าของเขาก็แตกไปจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ใบหน้าส่วนที่ถูกเผยให้เห็นก็ยังคงดำทะมึนและยากที่จะมองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้อย่างแน่ชัด
“อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าสังหารคนของตระกูลหลาน ! ตราบใดที่ข้ากำจัดทุกคนที่นี่ก็จะไม่มีผู้ใดรู้ความจริงที่เกิดขึ้น ต่อให้ตระกูลหลานมีอิทธิพลและความแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีทางตามหาข้าได้พบ !”
เมื่อโทสะเข้าครอบงำจนแทบระเบิด ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ปีศาจก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ฉินอวี้โม่และทุกคนแทบไม่สามารถต้านทานแรงกดดันที่แรงกล้าของอีกฝ่ายได้เลย
“เป็นเพียงแค่จอมยุทธ์ปีศาจที่ชั่วร้าย หากอยากจะฆ่าพวกเราละก็…มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีฝีมือมากพอรึไม่ !”
ฉินอวี้โม่กระโจนออกไปข้างหน้าและปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่จอมยุทธ์ปีศาจอย่างไม่ลังเล
ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้ผู้นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักและนางทำได้เพียงหาวิธีที่จะทำให้เขาบาดเจ็บอย่างสาหัสที่สุดจนเขาต้องยอมล่าถอยกลับไปเอง มิฉะนั้น วันนี้ฝ่ายของนางจะต้องมีความสูญเสียเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เหอะ ฉินอวี้โม่ หากเจ้ามีเวลาพัฒนาตนเองอีกสักสองสามปี บางทีเจ้าก็อาจจะมีพลังเพียงพอที่จะต่อกรกับข้าได้ ทว่าตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป !”
จอมยุทธ์ปีศาจแค่นเสียงในลำคอและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็โบกมือเพื่อปลดปล่อยก้อนพลังออกไปโต้ตอบการโจมตีของฉินอวี้โม่อย่างสบาย ๆ
ซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ก็รวมพลังกันโจมตีจอมยุทธ์ปีศาจเช่นกัน ทว่าพวกเขายังไม่สามารถสร้างผลกระทบใด ๆ ขึ้นมาได้
ลุงติงและหลานเผิงก็หยิบอาวุธของตนออกมาพร้อมทั้งเรียกอสูรพันธสัญญาและปลดปล่อยการโจมตีใส่จอมยุทธ์ปีศาจอย่างไม่ยั้งมือเช่นกัน
พวกเขาทราบดีว่าตราบใดที่ยังกำจัดศัตรูผู้นี้ไม่ได้ โอกาสในการเอาตัวรอดในวันนี้ก็คงจะไม่มากนัก
จอมยุทธ์มากกว่าสิบคนเข้าล้อมรอบจอมยุทธ์ปีศาจและกระหน่ำโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ศักยภาพของทุกคนถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มที่ และแน่นอนว่าจอมยุทธ์ปีศาจก็ทำได้เพียงแค่ป้องกันพวกเขาไว้ชั่วคราวโดยที่ยังตอบโต้กลับไปไม่ได้
แม้ยังคงวางท่ายโสโอหังไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าจอมยุทธ์ปีศาจก็เริ่มหวาดหวั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความสามารถในการต่อสู้ของฉินอวี้โม่ซึ่งเหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริง
ด้วยรูปแบบการโจมตีที่ประหลาดเกินคาดเดา ความเร็วในการฟื้นฟูพลังมายาที่น่าอัศจรรย์ รวมถึงกระบวนท่าที่ยากเกินจะรับมือ หากมิใช่เพราะระดับพลังของเขาที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ เป็นอย่างยิ่ง เกรงว่าเขาคงจะเพลี่ยงพล้ำไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยิ่งต่อสู้ประจันหน้ากันนานเพียงใด ซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ทุ่มเทโจมตีอย่างสุดฝีมือ พวกเขาก็ยังไม่สามารถฝ่าทะลวงการป้องกันที่แกร่งกล้าของจอมยุทธ์ปีศาจได้สำเร็จ แม้ทำให้คู่ต่อสู้สับสนวุ่นวายพอสมควร มันก็ยังไม่เกิดผลที่น่าพอใจ หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอีกไม่นานพวกเขาคงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เนื่องจากทุ่มเทพลังงานไปมากจนเกินไป
“นายหญิง ให้พวกเราออกไปช่วยเถอะ”
เสียงของมารยาดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ซึ่งแสดงถึงความกระตือรือร้นอย่างมาก
ตูมมม !
ในเวลานี้ จอมยุทธ์ปีศาจก็ปล่อยฝ่ามือวายุฟาดโจวปิ่งฮุยจนกระเด็นออกไปและทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปทันที
คนอื่น ๆ ที่มีพลังในระดับที่อ่อนแอกว่าอีกหลายคนก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของจอมยุทธ์ปีศาจเช่นกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกเขาลดน้อยลงไปมาก
มีเพียงฉินอวี้โม่ ซ่างสี่ซานและผู้นำคนอื่น ๆ เท่านั้นที่ยังคงต่อสู้ต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ก็น่าสะพรึงกลัวยิ่งนักและมีพลังมายาที่แปลกประหลาดจนรู้สึกได้ พวกเขาสัมผัสได้ว่าพลังมายาในร่างของตนกำลังลดลงไปอย่างต่อเนื่องและคงจะยื้อตนเองไว้ได้อีกไม่นาน
“เข้าใจแล้ว พวกเจ้าออกมาเถอะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและสื่อสารกับมารยา ถึงอย่างไรตอนนี้ก็มิใช่เวลาที่จะยั้งมือหรือซ่อนไพ่ตายใด ๆ อีก
ทั้งหานอวี้และซิวยังคงอยู่ในช่วงเก็บตัวจำศีลและมีเพียงกองทัพอสูรมายาเท่านั้นที่จะสร้างความเสียหายต่อจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ได้
แสงประกายสว่างวาบขึ้นทันทีและอสูรมายาจำนวนมากของฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวถัดจากนางทีละตัว
“แสดงฝีมือของพวกเจ้าให้เขาได้ประจักษ์ !”
ฉินอวี้โม่ชี้ตรงไปที่จอมยุทธ์ปีศาจและยิงก้อนพลังมายาออกไปสู่อีกฝ่ายเช่นกัน
“ลุย !”
เสี่ยวเฮยตะโกนขึ้นมาอย่างฮึกเหิมและเหล่าอสูรมายาก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่นาน อสูรมายามากกว่าสองร้อยตัวก็รวมตัวกันจนกลายเป็นอสูรขนาดมหึมาและแผ่แรงกดดันที่น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง
ในดินแดนเทพมายาก่อนหน้านี้ เมื่ออสูรมายาเหล่านี้รวมร่างกัน พวกมันก็มีพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวมากแล้ว ทว่าตอนนี้เมื่อพลังของฉินอวี้โม่พัฒนาขึ้นมาก ความแข็งแกร่งของเหล่าอสูรก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากเช่นกัน และด้วยการที่ครานี้มีอสูรมายาที่รวมร่างกันมากกว่าสองร้อยตัว แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของพวกมันจึงพัฒนามากขึ้นถึงหลายเท่าตัว
“เพลงกระบี่สะท้านเวหา !”
เสียงคำรามดังขึ้นจากอสูรยักษ์และกระบี่เล่มยาวเป็นประกายปรากฏขึ้นตรงหน้าก่อนฟาดฟันตรงเข้าไปที่จอมยุทธ์ปีศาจอย่างสุดแรง
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะเรียกกองทัพอสูรมากกว่าสองร้อยตัวออกมา คนอื่น ๆ ก็หวาดหวั่นต่อพลังของนางมากแล้ว ตอนนี้เมื่อได้เห็นการรวมพลังของกองทัพอสูรและกระบี่เล่มใหญ่ พวกเขาก็อดที่จะสั่นเทิ้มไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้พลังของฉินอวี้โม่จะน่าหวาดหวั่น ทว่าจอมยุทธ์ปีศาจตรงหน้านี้ก็ทรงพลังจนเกินไป ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ากระบี่เล่มนั้นจะทำให้เขาบาดเจ็บได้หรือไม่
จอมยุทธ์ปีศาจก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยและร่ายมือสร้างผนึกอย่างรวดเร็วก่อนที่โล่ป้องกันขนาดใหญ่ที่ส่องประกายแสงสีดำจะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา
“ปราการทมิฬ!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น โล่ประกายแสงสีดำก็เปลี่ยนกลายเป็นสีที่หม่นมืดยิ่งกว่าเดิมและดูแข็งแกร่งทนทานจนยากที่จะทำลาย
โครมมม !
กระบี่ยาวฟาดเข้าที่โล่ป้องกันจนเกิดเสียงปะทะดังสนั่น พลังของทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันอย่างสูสีและยากจะบอกผู้ชนะได้ในเวลาสั้น ๆ
แม้พลังที่รวมกันของเหล่าอสูรจะทรงพลังมาก ทว่าความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ปีศาจก็เหนือชั้นกว่าฉินอวี้โม่มากเกินไป แม้หลังจากการรวมร่างประสานพลังกัน มันก็ยังยากที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ผู้นี้ได้
ซ่างสี่ซานสบตากับคนอื่น ๆ และเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องใช้วาจา พวกเขาไม่มีทางพลาดโอกาสทองเช่นนี้และพุ่งตรงเข้าโจมตีจอมยุทธ์ปีศาจโดยการแสดงกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตนเอง
บุรุษชุดดำต้านทานแรงฟาดฟันจากอสูรยักษ์ไว้ได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ จะฉวยโอกาสนี้ในการกระหน่ำโจมตีตนอีกครั้ง
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีทว่ายังไม่แสดงความตื่นตระหนกใด ๆ เขาเพียงโบกมือเบา ๆ เพื่อปล่อยก้อนพลังมายาออกไปโจมตีคนเหล่านั้นซึ่งพุ่งตัวเข้ามาใกล้
ตูมมม !
ซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ก็ไม่ถือว่าอ่อนแอเช่นกัน พวกเขาสามารถขัดขวางพลังโจมตีของจอมยุทธ์ปีศาจได้ทันท่วงทีในขณะที่ยังคงพุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่ายต่อไป
อย่างไรก็ตาม จอมยุทธ์ปีศาจไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขายังคงยืนอยู่กับที่เช่นเดิม ทว่าจู่ ๆ ก็มีเกราะสีทองอร่ามปรากฏขึ้นบนร่างของเขาและป้องกันการโจมตีเหล่านั้นได้โดยสมบูรณ์
“คิดจะทำร้ายข้างั้นรึ ? เชิญฝันต่อไปเถอะ !”
ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น จู่ ๆ พลังของปราการทมิฬก็ระเบิดออกทันที
“ทุกคนหลบไป!”
ฉินอวี้โม่กล่าวเตือนทุกคนทันทีเนื่องจากทราบดีว่าการระเบิดร่วมกันของปราการทมิฬและเพลงกระบี่สะท้านเวหาจะรุนแรงเพียงใด และมันมิใช่ระดับที่จอมยุทธ์ทั่วไปจะต้านทานได้
ทุกคนไม่กล้าประมาทและหลบหลีกออกไปด้วยสีหน้ากังวลทันที
พลังของทั้งสองฝ่ายน่าสะพรึงกลัวจนเกินไปและเหนือกว่าระดับที่ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้านทานได้ในตอนนี้
ตูมมม !
พลังมหาศาลที่กวาดออกไปทำให้ต้นไม้พืชพรรณทั้งหมดในระยะสิบลี้สลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่ล่อจอมยุทธ์ปีศาจออกมานอกเมือง เกรงว่าทั้งเมืองเทียนหยวนก็คงจะเผชิญกับความเสียหายอย่างหนัก
“นายหญิง ระวัง !”
เสียงของมารยาดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่ทันทีและมันฟังดูแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อครู่ที่เกิดแรงระเบิด จอมยุทธ์ปีศาจก็ฉวยโอกาสนั้นปรากฏตัวถัดจากฉินอวี้โม่ในขณะที่นางไม่ทันระวังตัว กล่าวได้ว่าเขาชาญฉลาดไม่น้อย เขาทราบว่าหากสังหารฉินอวี้โม่ได้สำเร็จ อสูรทั้งหมดก็จะหายไปเช่นกันและไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องกังวลอีกต่อไป
“ตายไปซะเถอะ !”
ด้วยเสียงตะโกนดัง กระบี่เล่มยาวก็พุ่งตรงเข้ามาหมายจะแทงทะลุหัวใจของฉินอวี้โม่