เมื่อเมิ่งเยี่ยและคนอื่น ๆ หนีไปได้ เนตรปีศาจก็ไม่ใส่ใจเท่าใดนัก
สำหรับเนตรปีศาจแล้วคนเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งเพียงระดับทั่วไปและไม่มีคุณสมบัติพอที่จะกระตุ้นความสนใจของมันได้ ต่อให้หนีไปในตอนนี้ ตราบใดที่พวกเขายังไม่ออกไปจากสมรภูมิรบเดนตาย เนตรปีศาจก็มั่นใจว่าจะตามล่าเอาชีวิตพวกเขาได้ในภายหลัง
ในทางตรงกันข้าม มันมีความสนใจในตัวของฉินอวี้โม่เป็นที่สุด
ด้วยพลังมายาที่บริสุทธิ์และเพลิงแห่งชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว การได้ดูดกลืนพลังทั้งหมดนั้นจะเป็นผลประโยชน์ที่มหาศาลต่อมัน
บางทีการได้ดูดกลืนฉินอวี้โม่ก็อาจทำให้พลังของมันฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างเต็มประสิทธิภาพและสามารถบ่มเพาะพลังจนจำแลงร่างมนุษย์ได้
ในเวลานี้ หนวดจำนวนนับไม่ถ้วนก็พันรอบ ๆ ร่างของฉินอวี้โม่ไว้อย่างแน่นหนาส่งผลให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางเหวี่ยงคมกระบี่ในมือออกไปเฉือนฟาดฟันหนวดเหล่านั้นและพยายามหลบหนีออกไปทางช่องว่างในม่านป้องกัน
“เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปได้ !”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากเนตรปีศาจและจู่ ๆ ลำแสงหลายเส้นก็ปรากฏขึ้นขวางทางฉินอวี้โม่ไว้
พลังที่แกร่งกล้าบางอย่างก็แผ่ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบและม่านป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าม่านป้องกันก่อนหน้านี้ก็ก่อตัวขึ้นมาเพื่อขัดขวางมิให้ฉินอวี้โม่หลบหนีออกไปได้
“ทำลายมันซะ !”
ฉินอวี้โม่แสดงสีหน้าเยือกเย็นออกมาและปลดปล่อยก้อนพลังมายาออกไปปะทะกับม่านป้องกันนั้น
ตูมมม !
เสียงปะทะดังสนั่นทว่าม่านดังกล่าวก็ยังไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายมันยังดูดกลืนพลังมายาของฉินอวี้โม่เข้าไปและเหมือนจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
“ม่านป้องกันที่ข้าสร้างไว้มิใช่สิ่งที่จะทำลายได้ง่าย ๆ ยอมจำนนและสังเวยจิตวิญญาณเจ้าให้ข้าเสียดีกว่า…เจ้าจะถือเป็นส่วนสำคัญสำหรับอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของข้า !”
ทันใดนั้น พลังวิญญาณที่ทรงอำนาจก็แผ่ออกมาและเจาะทะลุเข้าไปในจิตของฉินอวี้โม่
แม้สีหน้าของฉินอวี้โม่จะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย นางก็ไม่กังวลเท่าใดนัก นางทราบดีว่าในร่างกายของตนมีพลังลึกลับที่ยังไม่อาจหาคำตอบ ตราบใดที่เผชิญวิกฤตร้ายแรงที่เป็นภัยต่อชีวิต พลังนั้นจะปรากฏออกมาและปกป้องนางอย่างแน่นอน
แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามันคือพลังใด ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าเนตรปีศาจไม่มีทางเอาชนะพลังนั้นได้ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม
เมื่อพลังวิญญาณทะลุทะลวงเข้าโจมตีจิตของฉินอวี้โม่ นางก็ปล่อยพลังวิญญาณของตนออกไปเพื่อต้านทานการรุกรานของพลังแปลกปลอมนั้นอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“จิ๊จิ๊ ช่างเป็นจิตวิญญาณที่หอมหวานยิ่งนัก !”
เสียงของเนตรปีศาจดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่โดยตรงและพลังวิญญาณยังคงทะลุทะลวงโจมตีจิตของนางอย่างต่อเนื่องโดยที่พยายามทำลายการป้องกันทุกอย่างเพื่อเข้าครอบงำร่างกายของนาง
“เนตรปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายจริง ๆ !”
ฉินอวี้โม่ยังคงไม่หวาดหวั่นในขณะที่ต้านทานพลังวิญญาณของเนตรปีศาจต่อไปพร้อมกับเฝ้ารอให้พลังลึกลับในร่างของตนแสดงตัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พลังนั้นจะได้มีโอกาสแสดงอิทธิฤทธิ์ใด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“อ๊ากกก !”
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นพร้อมกันกับที่พลังวิญญาณของเนตรปีศาจล่าถอยกลับไป
ม่านป้องกันที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้ก็แหลกสลายไปอย่างกะทันหันก่อนที่ร่างหนึ่งจะเหาะลงมาจากข้างบนและหยุดยืนอยู่ข้างกายฉินอวี้โม่อย่างมั่นคง
“หากโม่เอ๋อร์เพียงคนเดียวมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า ถ้าเช่นนั้นก็เพิ่มข้าไปด้วย !”
‘เขา’ จับมือฉินอวี้โม่ไว้อย่างอบอุ่นและจ้องมองเนตรปีศาจด้วยแววตาเย็นชาขณะกล่าววาจาข่มขู่
“โม่ฉือ…”
เมื่อบุรุษคนรักปรากฏข้างกาย ฉินอวี้โม่ก็อดประหลาดใจไม่ได้
เมื่อมาถึงสมรภูมิรบเดนตายในตอนแรก นางก็ขาดการติดต่อกับหานโม่ฉือและคนอื่น ๆ ทั้งหมด แม้แต่อุปกรณ์สื่อสารที่หลอมไว้ด้วยตนเองก็ไม่สามารถใช้งานได้
ฉินอวี้โม่ไม่ทราบเลยว่าหานโม่ฉือปรากฏตัวอยู่ในจุดใดของมิติพิเศษแห่งนี้และไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขาแม้แต่น้อย เดิมทีนางเคยคิดว่าต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะได้พบกันอีกครั้ง คาดไม่ถึงเลยว่าหานโม่ฉือจะตามหานางได้เร็วเช่นนี้
“เจ้าเป็นใคร ?”
เนตรปีศาจจับจ้องตรงไปที่หานโม่ฉือ ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด ผู้มาใหม่ที่ดูจะไม่ได้แข็งแกร่งนักกลับมีคลื่นพลังที่ทำให้มันรู้สึกคุ้นเคยและหวาดกลัวอย่างประหลาด และนี่เป็นครั้งแรกที่เนตรปีศาจไม่กล้าเปิดฉากโจมตีก่อน
“ข้าคือคนที่จะสยบเจ้าอย่างไรล่ะ !”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นโดยที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและความเผด็จการ
แรกเริ่มเดิมทีที่เข้ามาในมิติพิเศษแห่งนี้ จุดที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาก็ห่างไกลไปจากสถานที่แห่งนี้มาก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา หานโม่ฉือก็พยายามตามหาเบาะแสของฉินอวี้โม่มาตลอดทว่าไม่พบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์
ทว่าเมื่อวานนี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดและคุ้นเคยบางอย่างจึงมุ่งหน้ามาในทิศทางนี้อย่างรวดเร็ว และทันทีที่มาถึงเมืองอู๋เริ่น เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉินอวี้โม่อีกครั้งและเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อตามกลิ่นอายของนางมาเรื่อย ๆ เขาก็พบกับเมิ่งเยี่ยและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่หน้าหลุมขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าท่าทางเป็นกังวล เมื่อเห็นเช่นนั้น หานโม่ฉือก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกและกระโดดลงไปในหลุมนั้นอย่างรวดเร็ว
และเขาก็มาถึงทันเวลาได้เห็นเนตรปีศาจที่กำลังต่อสู้กับสตรีคนรักของตน รวมถึงได้ยินคำข่มขู่จากมันเช่นกัน
“เหอะ เนตรปีศาจ…ตัวตนที่ชั่วร้ายและแกร่งกล้าของเผ่าปีศาจ หลังจากที่ผ่านมานานหลายพันปี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีพลังเหลืออยู่เพียงเท่านี้”
หานโม่ฉือไม่ตอบคำถามของเนตรปีศาจทว่าแสยะยิ้มเยือกเย็นและแผ่พลังออกไปปกคลุมอีกฝ่าย
ในเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็พัฒนาขึ้นมาก และตอนนี้พลังของเขาก็เข้าใกล้ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดแล้ว
“เหอะ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้ข้าจะต้องกลืนกินจิตวิญญาณของสตรีผู้นี้ให้จงได้ !”
ถึงแม้ว่าร่างกายของหานโม่ฉือจะมีคลื่นพลังที่ทำให้มันหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย เนตรปีศาจก็ไม่มีทางล้มเลิกตัดใจไปง่าย ๆ อึดใจต่อมา มันก็ปลดปล่อยการโจมตีออกไปเพื่อโต้ตอบหานโม่ฉือเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพลังของมันสัมผัสเข้ากับพลังของหานโม่ฉือ พลังของมันกลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย พลังของมันไม่มีทางเข้าไปใกล้ตัวของคู่ต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับทำร้ายให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ
“ฮะ ?”
ดวงตาของเนตรปีศาจเบิกกว้างและเห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้เหนือความคาดหมายของมันไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับบุรุษหนุ่มที่มีพลังเข้าใกล้ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดเพียงเท่านั้น เหตุใดจึงทรงอำนาจจนถึงขั้นที่ขัดขวางการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ?
“ยอมจำนนเสีย และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า !”
น้ำเสียงราบเรียบทว่าเผด็จการดังขึ้นในโสตประสาทของเนตรปีศาจโดนตรงจนความหวาดกลัวก่อตัวในหัวใจของมัน
ทันใดนั้น แรงกดดันที่แรงกล้าบางอย่างก็ครอบงำร่างของเนตรปีศาจและทำให้พลังทั้งหมดของมันไร้ผล
“นี่มัน…”
เมื่อพลังดังกล่าวเข้าครอบงำ เนตรปีศาจก็ตกตะลึงไปในทันที ความรู้สึกคุ้นเคยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนแรกเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และภาพของใครคนหนึ่งก็ปรากฏในความคิดของมัน ทว่าสิ่งที่เห็นในตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่มันแทบจะไม่อยากเชื่อ
“ดับสลายไปอย่างสมบูรณ์หรือจะคอยรับใช้ข้า ข้าจะให้เจ้าเลือกภายในสามวินาที !”
หานโม่ฉือไม่คิดอธิบายสิ่งใดขณะกล่าวอย่างเย็นชาและข่มขู่อีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“ข้าเต็มใจที่จะยอมจำนน”
เนตรปีศาจลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจในที่สุด
มันรู้สึกได้ว่าหานโม่ฉือไม่ได้กำลังหยั่งเชิงหรือพูดจาเหลวไหล และหากกล้าขัดขืนจริง เนตรปีศาจจะกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายไปในอากาศอย่างแน่นอน
ในร่างของหานโม่ฉือมีพลังบางอย่างที่คล้ายคลึงกับมันทว่าแกร่งกล้ากว่ามันหลายเท่าตัวนัก ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีแรงกดดันทางสายเลือดที่รุนแรงบางอย่างซึ่งทำให้เนตรปีศาจรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก
ข้อสันนิษฐานในใจของมันชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ หากหานโม่ฉือใช่ ‘คนผู้นั้น’ จริง การต่อต้านหรือขัดขืนคำสั่งของเขาก็ไม่มีความหมายใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น การที่ ‘คนผู้นั้น’ กลับมา หรือจะหมายความว่าบางสิ่งบางอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป…
“ถอนพลังของเจ้าและปล่อยสตรีผู้นั้นไป ข้ารู้ว่านางยังไม่ตาย”
หานโม่ฉือโบกมือเล็กน้อยและพลังทั้งหมดก็กลับคืนสู่ร่างกายของเขา จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งออกไปเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจางซือถง
“ขอรับ นายท่าน”
เนตรปีศาจรับคำสั่งอย่างว่าง่ายและดูจะยอมจำนนอย่างเต็มใจ
ฉินอวี้โม่ก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อยทว่ายังไม่คิดเอ่ยถามสิ่งใด