ทันทีที่อสูรยักษ์ยกแขนขึ้นสูง ฉินอวี้โม่ก็กระโดดขึ้นไปที่ไหล่ของมันอย่างรวดเร็ว และเมื่อหันไปเห็นข้างในหูขนาดใหญ่ของอสูร นางก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย
รูหูของอสูรยักษ์มีขนาดใหญ่ราวกับกำปั้นและมันปกคลุมไปด้วยขนหนาที่ดูสกปรกอย่างที่สุด
อึดใจต่อมา แสงสว่างฉายวาบในมือของนางและกริชเพลิงปรากฏขึ้นทันทีก่อนจ้วงแทงตรงเข้าที่แก้วหูขนาดใหญ่ตรงหน้า
ในอีกฝั่งหนึ่ง หานโม่ฉือก็เคลื่อนไหวออกไปเช่นกันและแสงกระบี่จำนวนมากที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลก็โจมตีเข้าที่รักแร้ของอสูรยักษ์
“วู้…”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นทันที ซึ่งก็เป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานของทั้งสองได้อย่างชัดเจน จุดอ่อนของอสูรยักษ์คือภายในร่างกายและบริเวณใต้แขนอย่างแท้จริง
แขนที่อสูรยักษ์ง้างจะโจมตีก่อนหน้านี้หยุดชะงักไปและหลังจากร่างกายกระตุกด้วยความเจ็บปวดหลายครา ร่างมหึมาก็ค่อย ๆ เอนล้มลง
“ล้มลงมาแล้ว !”
สีหน้าของอวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก่อนพุ่งตัวหลบออกไปด้านข้าง
หานโม่ฉือก็เหาะไปหาฉินอวี้โม่และจับเอวบางของนางไว้ก่อนเหาะหนีออกไปในอีกฝั่งหนึ่งเช่นกัน
โครมมม !
ด้วยเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นผงนับไม่ถ้วนก็ฟุ้งกระจายขึ้นมาและร่างของอสูรยักษ์ก็ล้มตึงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ราวกับว่าในเวลานี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส
“รีบฆ่ามันเถอะ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย อสูรยักษ์ตนนี้ไม่เหลือสติสัมปชัญญะแม้แต่น้อยและไม่มีทางที่จะสยบมันได้ ในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะมีจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ผ่านมาที่ยอดเขาของภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อีกไม่น้อย นางจึงต้องการกำจัดภยันตรายออกไปเป็นการล่วงหน้าและมิให้จอมยุทธ์คนใดต้องมาตายเพราะฝีมือของอสูรยักษ์ตนนี้อีก
“เข้าใจแล้ว”
หานโม่ฉือพยักศีรษะพร้อมส่งเสียงตอบรับเบา ๆ ก่อนก้อนพลังที่ทรงอำนาจจะพุ่งออกไปโจมตีหูและจมูกของอสูรยักษ์
ตูมมม !
หลังจากสิ้นเสียงโจมตี ร่างของอสูรตรงหน้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป และภายในชั่วพริบตา อสูรยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ราวกับตึกสามสิบชั้นก็หดตัวกลับคืนสู่ขนาดเดิมและเผยให้เห็นใบหน้ารูปลักษณ์ที่แท้จริง
อสูรยักษ์ใหญ่ตนนี้แท้จริงแล้วเป็นมนุษย์วัยกลางคน ทว่าในเวลานี้อีกฝ่ายก็ตกอยู่ในสภาพที่ดูน่าสงสารและไร้ซึ่งพลังชีวิตใด ๆ
คลื่นพลังประหลาดก็แผ่ออกมารอบตัว ทว่าเนตรปีศาจเหมือนจะสัมผัสได้ถึงแหล่งพลังงานชั้นยอดบางอย่างและเริ่มดูดซับพลังงานปีศาจรอบตัวอย่างรวดเร็ว
เซิ่งเซียวและอวิ๋นซื่อเทียนก็เดินเข้าไปหาฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือพลางมองดูบุรุษที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นด้วยแววตาสงสัย
“จอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งหลาย ขอบคุณมาก”
ทันใดนั้น น้ำเสียงอ่อนโยนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างวิญญาณที่ปรากฏกลางอากาศ ร่างนั้นคือร่างวิญญาณของบุรุษที่นอนอยู่บนพื้นซึ่งล่วงลับไปนานหลายพันปีแล้ว
“นี่คือเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้าที่ยังหลงเหลืออยู่และมีความทรงจำของข้าอยู่บางส่วน ข้าคาดการณ์ถึงสถานการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าและผนึกมันไว้ในร่างกาย ตราบใดที่ผู้ใดสามารถทำลายพลังงานปีศาจที่ครอบงำข้าได้สำเร็จ คนผู้นั้นก็จะได้เห็นความทรงจำที่ถูกเก็บไว้ในร่างนี้”
เขากล่าวอธิบาย ทว่าประโยคเหล่านี้ต่างก็พิสูจน์ให้เห็นว่าในอดีตบุรุษผู้นี้จะต้องเป็นยอดฝีมือที่แกร่งกล้าทีเดียว
ท่ามกลางอากาศว่างเปล่าตรงหน้า จู่ๆ ก็มีภาพเหตุการณ์มากมายปรากฏขึ้นมา
ในภาพเหล่านั้นคือการต่อสู้อย่างดุเดือดรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นอสูรมายาทรงพลัง จอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้ามากมายนับไม่ถ้วนและกลุ่มผู้ทรงพลังในเสื้อคลุมสีดำ
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือดรุนแรงและความแข็งแกร่งของกลุ่มคนชุดดำก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง อีกทั้งพลังมายาที่พวกเขาฝึกฝนก็ประหลาดเกินเข้าใจและทำให้ฝ่ายจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าหวาดหวั่นกันเป็นอย่างมาก
ในภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้า ฝ่ายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายจอมยุทธ์ของดินแดนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็วและจำต้องล่าถอยมาจนถึงเชิงเขาของภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
หนึ่งในจอมยุทธ์ผู้กล้าที่ร่างกายเปื้อนเลือดไปทั่วและแม้แต่ใบหน้าก็มีเลือดสดไหลซึมให้เห็น เขามองไปที่ยอดเขาของภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยแววตาที่เผยให้เห็นถึงความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างก่อนมุ่งหน้าขึ้นไปบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว
จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ก็ตามไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่ฝ่ายกลุ่มคนเสื้อคลุมสีดำไล่ล่าตามไปหมายจะสังหารคนเหล่านั้นให้สิ้นซาก
ทว่าในเวลานี้ จู่ ๆ บุรุษชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวบนยอดเขาของภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เขาดูเหมือนเทพที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดและหนวดเครายาวบดบังใบหน้าโดยเผยให้เห็นเพียงดวงตาที่ดูล้ำลึกเกินหยั่งถึง เขาโบกมือเล็กน้อยและพลังมหาศาลก็แผ่ออกไปกดข่มกลุ่มคนชุดดำไว้ทำให้พวกเขาขยับเขยื้อนไม่ได้อีก
“เหตุใดจึงบุกรุกเข้ามาในภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ?”
น้ำเสียงเป็นมิตรดังขึ้นในหูของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ทว่าเสียงดังกล่าวก็ซ่อนแรงกดดันอันทรงพลังไว้ซึ่งทำให้ทุกคนอยากจะคุกเข่าลงยอมจำนนอย่างไม่รู้ตัว
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ…คนของโลกปีศาจแข็งแกร่งเกินไปและเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนีเข้ามาในภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ โปรดอภัยให้พวกเราด้วยขอรับ !”
บุรุษคนแรกที่มุ่งหน้าขึ้นบนภูเขากล่าวออกไป และเขาก็คือบุรุษเจ้าของความทรงจำเหล่านี้นั่นเอง
“คนของโลกปีศาจปรากฏตัวขึ้นแล้วรึ ?!”
บุรุษชรากล่าวราวกับคาดการณ์สถานการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาเงยหน้ากวาดสายตามองคนชุดดำเหล่านั้นและกล่าวขึ้นเบา ๆ “ข้าผู้นี้เฝ้ารออยู่ที่ภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มานานนับพันปีเพื่อรอให้พวกเจ้าคนจากโลกปีศาจย่างกรายเข้ามา ตอนนี้ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้รอดออกไปจากที่นี่อีก !”
ทันทีที่บุรุษชราโบกมืออีกครั้ง สมาชิกฝ่ายเสื้อคลุมสีดำทั้งหมดก็เข่าทรุดล้มลงบนพื้นตาม ๆ กันและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปอย่างสิ้นเชิง
“เกรงว่าความแข็งแกร่งของท่านผู้เฒ่าผู้นี้คงจะอยู่เหนือจินตนาการของพวกเราไปมาก”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมถอนหายใจเบา ๆ ให้กับพลังที่ได้เห็น คาดว่าแม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนมหาเทพก็คงมิใช่คู่มือของบุรุษชราผู้นี้ด้วยซ้ำ
“ความแข็งแกร่งของคนชุดดำก็อยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดเป็นอย่างต่ำ”
หานโม่ฉือกล่าวเสริม เขาสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
“เหอะ หากคิดจะสังหารพวกข้า มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีฝีมือมากพอรึไม่ !”
หนึ่งในคนชุดดำแค่นเสียงเย็นชาและหยิบลูกปัดสีดำออกมาทำลายก่อนปรากฏเป็นอีกร่างของใครคนหนึ่ง
บุรุษผู้นั้นลอยตัวกลางอากาศและประจันหน้ากับบุรุษชรา ความแข็งแกร่งของผู้มาใหม่นี้ก็ล้ำลึกเกินกว่าจะจินตนาการได้
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือขมวดคิ้วมุ่นทันที ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใดบุรุษผู้นั้นจึงมีพลังบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าทั้งสองรู้จักบุรุษผู้นั้นเป็นอย่างดี
“เจ้าหยุดพวกข้าไม่ได้หรอก !”
เขากล่าวด้วยวาจาเรียบเฉยและไม่เห็นบุรุษชราอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“หากเจ้าแห่งโลกปีศาจยังอยู่ละก็ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นมา !”
บุรุษชรายังคงดูสงบนิ่งใจเย็นขณะกล่าววาจาที่ทำให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ สับสนงุนงง
เวลานี้ เนตรปีศาจก็กำลังดูดกลืนพลังงานปีศาจโดยรอบในขณะที่มองดูภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าเช่นกัน เมื่อได้ยินคำว่า ‘เจ้าแห่งโลกปีศาจ’ มันก็เหลือบมองมาที่หานโม่ฉือเล็กน้อยก่อนเลื่อนสายตากลับไปอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ไม่ได้สนใจนักทว่าหานโม่ฉือรับรู้ได้ถึงสายตาของเนตรปีศาจและมีข้อสันนิษฐานบางอย่างอยู่ในใจแล้ว
“ช่วยไม่ได้ ชายแก่ผู้นี้จะขุดหลุมฝังพวกเจ้าให้อยู่ที่ภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไปตลอดกาล !”
บุรุษชราไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไปขณะพลังมหาศาลกระจายไปทั่วอากาศอย่างรวดเร็ว แม้แต่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่เฝ้าดูอยู่ก็สัมผัสถึงมันได้ลาง ๆ
บุรุษของฝ่ายโลกปีศาจก็ไม่อยู่เฉยเช่นกันและพลังงานปีศาจสีดำทะมึนแผ่ปกคลุมทั้งภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก่อนล้อมรอบทุกคนในนั้นทันที
ภาพต่อมากลายเป็นภาพพร่ามัวและเห็นเพียงว่าทุกคนที่นั่นล้มตายกลายเป็นซากศพไปแล้ว ทว่าบุรุษชราและบุรุษจากฝ่ายโลกปีศาจที่ต่อสู้กันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่อาจทราบได้ว่าพวกเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
หลังจากนั้น ซากศพอื่น ๆ จำนวนมากก็ค่อย ๆ เสื่อมสลายและหายไป ทว่าศพของบุรุษคนแรกเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากดูดซับพลังงานปีศาจเข้ามามากเกินไปและค่อย ๆ กลายเป็นอสูรยักษ์อย่างที่เห็นก่อนหน้านี้
“จอมยุทธ์รุ่นเยาว์ทั้งหลาย การที่พวกเจ้าเดินทางมาที่ภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ได้ นั่นหมายความว่าโลกปีศาจกำลังจะปรากฏตัวในโลกของเราอีกครา พวกเจ้าจะต้องระวังตัวไว้ให้ดี !”
บุรุษร่างวิญญาณนั้นกล่าวเตือนฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จากนั้นภาพเบื้องหน้าก็หายไปและศพของเขาที่นอนอยู่บนพื้นก็เปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่องหายไปในอากาศ
ฉินอวี้โม่และทุกคนก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ขณะครุ่นคิดบางอย่างในหัวใจ บรรยากาศรอบตัวทุกคนตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดเป็นพักใหญ่