ฉินอวี้โม่ก็ทำการสำรวจอย่างใกล้ชิดและตั้งข้อสันนิษฐานในใจทว่ายังมิอาจมั่นใจได้ในตอนนี้
สิ่งที่พวกนางติดอยู่เมื่อครู่คือข่ายอาคมมายาที่วางไว้ข้างนอกทางเข้าของสมรภูมิรบใต้ดินของเมืองเทียนหยวน เมื่อก้าวเข้าไปในขอบเขตของมัน คนผู้นั้นจะไม่สามารถหลุดพ้นได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ในตอนนี้นางก็มั่นใจได้แล้วว่ามันเป็นข่ายอาคมที่นางและมารยาวางไว้จริง ไม่มีทางที่จะผิดพลาดอย่างแน่นอน
เดิมทีข่ายอาคมมายาดังกล่าวถูกวางไว้นอกสมรภูมิรบใต้ดิน ทว่าตอนนี้มันกลับปรากฏในสมรภูมิรบเดนตาย และภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าคือภาพเดียวกันกับที่นางได้เห็นจากใต้ดินของเมืองเทียนหยวนไม่มีผิดเพี้ยน
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ ข้อสันนิษฐานหนึ่งก็ผุดขึ้นในความคิดของนาง
“เจ้าหมายความว่าทางเข้าของสมรภูมิรบโบราณสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้…”
หานโม่ฉือกล่าวออกมาโดยตรงและเข้าใจความหมายที่ฉินอวี้โม่พยายามจะสื่อ
“หากข้าเดาไม่ผิด มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น สมรภูมิรบเดนตายที่เราอยู่ในตอนนี้ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสมรภูมิรบโบราณระหว่างเทพและปีศาจ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและกล่าวต่อ
สมรภูมิรบเดนตายน่าจะเชื่อมโยงกับสมรภูมิรบระหว่างเทพและปีศาจอย่างไม่อาจแยกจากกันได้ ข้อสันนิษฐานของฉินอวี้โม่ในตอนนี้คือสมรภูมิรบเดนตายเป็นส่วนหนึ่งของสมรภูมิรบโบราณระหว่างเทพและปีศาจ และส่วนที่ถูกปิดผนึกไว้คืออีกส่วนหนึ่งของสมรภูมิรบดังกล่าว
หลังจากระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านไป ปัจจัยบางอย่างก็ทำให้มิติทั้งสองแยกจากกัน ทว่าพวกมันก็ยังคงเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ยิ่งไปกว่านั้น ทางเข้าของสมรภูมิรบโบราณก็ไม่ได้ประจำอยู่ที่เดิมตลอดเวลา เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ทางเข้าดังกล่าวก็จะเคลื่อนย้ายตามเช่นกัน
การปรากฏของสมรภูมิรบเดนตายในครานี้คงจะส่งอิทธิพลต่อทางเข้าใต้ดินของเมืองเทียนหยวนและทำให้ทางเข้านั้นปรากฏขึ้นมาที่สมรภูมิรบเดนตายเป็นการชั่วคราว
“หากเป็นจริงดังที่นายหญิงว่า มันควรจะมีข่ายอาคมอื่นที่เราวางไว้อยู่ไม่ไกล”
มารยาก็กล่าวขึ้นและเริ่มสำรวจรอบตัว อึดใจต่อมา มันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ข่ายอาคมอีกหลายชนิดที่ฉินอวี้โม่และมารยาวางไว้ก็ถูกค้นพบในบริเวณรอบ ๆ เช่นกัน
“โอ้ สมรภูมิรบโบราณแห่งนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ !”
หลังจากยืนยันข้อสันนิษฐานได้ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวพร้อมหัวเราะเบา ๆ
ไม่แปลกใจเลยที่ต่อให้จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นจะพยายามหาทางเข้าไปในสมรภูมิรบโบราณเป็นระยะเวลาหลายปี พวกเขาก็ยังเข้าไปไม่ได้ ที่แห่งนี้ประหลาดเกินคาดเดาอย่างแท้จริง ทว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ การที่ก่อนหน้านี้พวกนางใช้ระยะเวลานานในจัดวางข่ายอาคมในสมรภูมิรบใต้ดินก็ดูจะเป็นการกระทำที่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ตอนนี้นางทราบแล้วว่าทางเข้าดังกล่าวเคลื่อนย้ายตัวเองได้และจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นอาจไม่มีทางตามหามันได้พบด้วยซ้ำ ต่อให้ลงไปใต้ดินของเมืองเทียนหยวนอีกครา นางก็ยังไม่ทราบว่ามันจะอยู่ในสภาพอย่างไร
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปที่สามสำนักและเก้านิกายได้โดยที่ไม่ต้องกังวล”
หานโม่ฉือเขย่ามือฉินอวี้โม่เบา ๆ จอมยุทธ์ปีศาจต้องการไขปริศนาของสมรภูมิรบโบราณระหว่างเทพและปีศาจ ทว่าพวกเขายังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่จะทำสำเร็จได้
หลังจากใช้เวลาอยู่ตรงหน้าสมรภูมิรบโบราณพักใหญ่ ฉินอวี้โม่และมารยาก็ร่วมกันวางข่ายอาคมอีกจำนวนหนึ่ง ข่ายอาคมของพวกนางจะเคลื่อนย้ายไปกับทางเข้าของสมรภูมิรบ ไม่ว่าจะย้ายไปที่ใด ต่อให้มีคนพบทางเข้าของมัน คนเหล่านั้นก็จะติดอยู่ในข่ายอาคมเป็นเวลานานและไม่สามารถฝ่าทะลวงออกมาได้ง่าย ๆ
หลังจากนั้นสภาพแวดล้อมตรงหน้าก็กลับคืนเป็นที่ราบโล่งอีกคราก่อนที่ฉินอวี้โม่และคณะจะหันหลังและเดินทางอ้อมผ่านทางเข้าสมรภูมิรบโดยมุ่งหน้าไปในอีกทิศทางหนึ่ง
“อวี้โม่ จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ของดินแดนจะค้นพบทางเข้าของสมรภูมิรบนี้รึไม่ ?”
ซ่างจู๋มู่อดเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้ แม้เขาทราบดีว่าฉินอวี้โม่จะไม่มีทางปล่อยให้เกิดความผิดพลาดเช่นนั้นขึ้นมา เขาก็ยังอดสงสัยในประเด็นนี้ไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง ผู้ที่เข้ามาในสมรภูมิรบเดนตายจะพบเพียงหุบเหวลึกตรงหน้าและไม่กล้าวู่วามกระโดดลงไปแน่”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและได้คำนึงถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว
ผู้ใดก็ตามที่ผ่านมาทางนี้จะพบเพียงหุบเหวลึกซึ่งเป็นเส้นทางที่ผ่านไปไม่ได้ คนส่วนใหญ่จะเลือกเปลี่ยนไปเส้นทางอื่น สำหรับผู้ที่ไม่เกรงกลัวความตาย ฉินอวี้โม่ก็ไม่กังวลว่าพวกเขาเหล่านั้นจะกระโดดลงเหว ถึงอย่างไรแล้วเมื่อกระโดดลงไป คนผู้นั้นก็จะติดอยู่ในข่ายอาคมของพวกนางและจะต้องตายในที่สุด หากเอาตัวรอดออกมาได้ นางก็จะรู้สึกชื่นชมนับถือคนผู้นั้นเป็นอย่างมาก
“สมรภูมิรบโบราณระหว่างเทพและปีศาจคืออะไรกันแน่ ?”
เฝิงเยี่ยขมวดคิ้วมุ่นและรู้สึกมาตลอดว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ค้นพบล้วนอยู่เหนือจินตนาการของเขาไปมาก ไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิรบเดนตายหรือสมรภูมิรบโบราณระหว่างเทพและปีศาจที่ถูกปิดผนึกไว้ ดูเหมือนว่ามันจะมีแผนการสมคบคิดบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ราวกับว่ามีหมอกหนาทึบปกคลุมเส้นทางข้างหน้าและพวกเขาไม่อาจมองเห็นความจริงของมันได้เลย…
“มันเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งอาจเป็นภัยร้ายต่อดินแดนมหาเทพของเราได้”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งและกล่าวได้เพียงสั้น ๆ
ทุกคนก็นิ่งเงียบครู่ใหญ่ก่อนเดินจากไปในทิศทางหนึ่งโดยที่ไม่มีใครเอ่ยปากขึ้นมา…
สามวันต่อมาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลอดสามวันนี้เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบอย่างที่สุด ฉินอวี้โม่และคณะยังคงไม่พบผู้ใดหรือวิกฤตใดระหว่างทาง พวกนางเพียงเดินทางผ่านผืนป่าและปรากฏตัวตรงหน้าทะเลสาบแห่งหนึ่ง
การคัดเลือกรอบสุดท้ายดำเนินมาเป็นเวลายี่สิบห้าวันแล้วและตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงห้าวันเท่านั้น
ตราบใดที่ทุกคนยืนหยัดอดทนต่อไปตลอดไม่กี่วันที่เหลือ พวกนางก็จะผ่านการคัดเลือกนี้ไปโดยปริยายและมีโอกาสเข้าร่วมกับสามสำนักและเก้านิกายโดยกลายเป็นศิษย์ของขุมกำลังอันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพ
“การคัดเลือกในรอบนี้ไม่เรียบง่ายเกินไปรึ ?”
เฉินหยางชั่วอดกล่าวแสดงความคิดเห็นของตนไม่ได้ พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่นานยี่สิบห้าวันแล้ว คู่ต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดที่เผชิญหน้าคือกลุ่มคนชุดดำที่ต้องการจับตัวฉินเหยียน หลังจากนั้นก็มีเพียงอสูรมายาไร้สติควบคุมตัวเองไม่กี่ตัวและไม่เคยประจันหน้ากับวิกฤตร้ายแรงใด ๆ อีกเลย
ทว่าสถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่เหมือนกับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ดุเดือดมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับอสูรยักษ์บนยอดเขาของภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงประสบการณ์ในเมืองอู๋เริ่นที่ต้องรับมือกับผีดิบเหล่านั้นและเนตรปีศาจที่เกือบทำให้ฉินอวี้โม่บาดเจ็บสาหัส ทุกสิ่งล้วนเป็นภัยที่อันตรายอย่างยิ่ง
หากคนอื่นเผชิญกับสถานการณ์เหล่านั้นแทนทั้งสอง เกรงว่าต้องมีการล้มตายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน มีเพียงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเท่านั้นที่สามารถเอาตัวรอดไปได้อย่างปลอดภัย ทว่าพวกมันก็ถือเป็นสถานการณ์ที่อันตรายสำหรับทั้งสองเช่นกัน
“ข้าสังหรณ์ใจว่าช่วงที่ผ่านมานี้มันเงียบอย่างผิดปกติ ยิ่งไปกว่านั้น เราเดินทางผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ของสมรภูมิรบเดนตายแล้วทว่ากลับไม่พบจอมยุทธ์คนอื่น ๆ เลย มันเป็นเรื่องแปลกอย่างแท้จริง”
โหรวรั่วขมวดคิ้วและกล่าวข้อสงสัยของตน
“เป็นจริงอย่างที่ว่า เสี่ยวยวี่ยวี่และหวังอวิ๋นเย่ที่แยกตัวไปก่อนหน้านี้ เราก็ไม่เห็นวี่แววของพวกเขาอีกเลย สองพี่น้องตระกูลจางที่อวี้โม่กล่าวถึงก็ไม่ปรากฏให้เราเห็นเช่นกัน ถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็ยังออกไปจากสมรภูมิรบเดนตายไม่ได้และไม่ควรที่จะตายไปทั้งหมดเช่นกัน”
อวิ๋นซื่อเทียนก็กล่าวเสริมขึ้นมาและคิดว่าการที่ไม่พบกับจอมยุทธ์คนใดตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติจริง ๆ
แม้สมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้จะกว้างใหญ่พอสมควร จอมยุทธ์ที่เข้าร่วมในการคัดเลือกครานี้ก็มีอย่างน้อยนับพันคน การที่พวกนางไม่เห็นวี่แววของผู้อื่นนับตั้งแต่ลงจากภูเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องที่แปลกพิลึกมาก
“ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณห้าวัน หากมีแผนการร้ายใดซ่อนอยู่ มันคงจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้”
หานโม่ฉือกล่าวขึ้นเบา ๆ ในที่แห่งนี้จะต้องมีวิกฤตบางอย่างซ่อนไว้อย่างแน่นอนและมันควรจะปรากฏในอีกไม่นาน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วยยย !”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหานโม่ฉือ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
“ไปดูกันเถอะ !”
ร่างของฉินอวี้โม่พุ่งตรงไปอย่างไม่รีรอและมุ่งหน้าไปยังทิศทางของต้นเสียงดังกล่าว หานโม่ฉือก็ตามไปอย่างใกล้ชิดและปรากฏตัวตรงหน้าสตรีผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่คิดเลยว่าเจ้าของเสียงร้องขอความช่วยเหลือจะเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาอีกคนหนึ่ง นางก็คือจางซือถงผู้ที่เคยมีความขัดแย้งกันในเมืองอู๋เริ่นก่อนหน้านี้ทว่าญาติดีกับฉินอวี้โม่ในภายหลังนั่นเอง…