ร่างที่ปรากฏใหม่ทั้งสองมีลักษณะภายนอกเหมือนกับฉงฉีอย่างไม่มีผิดเพี้ยน พวกมันก็คือร่างอวตารที่ฉงฉีอัญเชิญมานั่นเอง
ร่างอวตารทั้งสองมีความแข็งแกร่งของร่างหลักมากถึงแปดในสิบส่วนซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูงพอสมควร
อสูรร้ายทั้งสามประจำตำแหน่งในลักษณะสามเหลี่ยมเพื่อล้อมรอบกลุ่มของฉินอวี้โม่ไว้และแผ่แรงกดดันที่รุนแรงจนสั่นสะท้านออกไป
“กิเลนอัคคี ข้าอยู่ในสมรภูมิรบเดนตายมานานนับพันปี ไม่มีทางที่ข้าจะไม่เรียนรู้ทักษะใหม่เพิ่มเติม ทักษะแยกร่างนี้เป็นสิ่งที่ข้าเรียนรู้ใหม่และถือเป็นเกียรติของเจ้ามากนักที่จะได้ลิ้มลองมัน !”
ฉงฉีกล่าวอย่างวางท่าราวกับถือไพ่เหนือกว่า ทักษะนี้ถือเป็นหนึ่งในไม้ตายของมันโดยที่สามารถเรียกร่างอวตารที่มีพลังมากถึงแปดในสิบส่วนของร่างจริงออกมาได้ แม้มันจะเป็นทักษะที่ดูดกลืนพลังมายาไปมาก มันก็เพียงพอที่จะพลิกผันสถานการณ์และทิศทางของการต่อสู้ในช่วงคับขัน
“แล้วอย่างไรกัน ?”
กิเลนอัคคีตอบกลับด้วยแววตาเฉยเมยและไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ
“ฉงฉี ข้าก็อยากรู้นักว่าร่างอวตารทั้งสองของเจ้าจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน ต่อให้เอาชนะเจ้าไม่ได้ การถ่วงเวลาและต้านทานไว้หลายชั่วยามก็มิใช่ปัญหา หากเจ้ามีฝีมือแค่นี้ คุกเข่ายอมจำนนและยอมให้ข้าตัดศีรษะสุนัขของเจ้าจะดีกว่า !”
แม้ในขณะที่กล่าววาจายั่วยุฉงฉี กิเลนอัคคีก็ยังคงคิดหาทางรับมือต่อไป
อันที่จริง ตอนนี้สถานการณ์ของฝ่ายฉินอวี้โม่ถือว่าตึงมือทีเดียว สำหรับฉงฉีอีกสองตัวที่ปรากฏขึ้นใหม่นี้ แม้มีความแข็งแกร่งเพียงแปดในสิบส่วนของร่างเดิม ทว่ามันก็มากพอที่จะเป็นภัยอันน่าหวาดหวั่นต่อพวกนางทุกคน
ถึงแม้ว่ากิเลนอัคคีจะไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อย รวมถึงกล่าววาจาอย่างเปิดเผยว่าสามารถรับมือกับมันได้นานหลายชั่วยามโดยที่ไม่เป็นปัญหา ทว่าแท้จริงแล้วด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่ามันและทุกคนจะรับมือได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น
“นายหญิงอวี้โม่ ซิวจะออกมาได้เมื่อใดรึ ?”
กิเลนอัคคีส่งกระแสจิตตรงไปหาฉินอวี้โม่เพื่อถามสิ่งที่สงสัย หากเผชิญหน้ากับซิว ฉงฉีไม่มีทางปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาได้อย่างแน่นอนและฝ่ายของฉินอวี้โม่ก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีซิวอยู่ด้วย มันก็สามารถรับมือกับฉงฉีทั้งสามตัวได้อย่างง่ายดาย
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ เพื่อยืนยันว่าตนไม่มั่นใจว่าซิวจะออกมาเมื่อใด
ในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้มีขีดจำกัดที่มากจนเกินไป มิฉะนั้น หากอสูรมายาทั้งหมดในคฤหาสน์เฟิงหัวออกมาได้ พวกนางก็จะรับมือกับอสูรร้ายตรงหน้าได้ง่ายดายยิ่งกว่านี้มาก
“ลืมมันไปเถอะ ตอนนี้เราต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น”
กิเลนอัคคีส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาและกล่าวต่อ “ข้าจะรับมือกับฉงฉีร่างหลักไว้ ส่วนพวกท่านก็จัดการกับร่างอวตารทั้งสองก็แล้วกัน”
หลังจากกล่าวจบ มันก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยและกลับคืนร่างกิเลนอัคคีอีกครั้งก่อนพุ่งตรงเข้าไปหาฉงฉี
แน่นอนว่ากิเลนอัคคีใช้ทักษะพิเศษบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังของตนเองเป็นการชั่วคราวเช่นกัน แม้ไม่สามารถเอาชนะฉงฉีได้ มันก็เพียงพอที่จะต่อกรกับฉงฉีได้ในระยะหนึ่ง
ฉินอวี้โม่เองก็ไม่กล้าประมาทใด ๆ ขณะนางและหานโม่ฉือรวมพลังกันโจมตีร่างอวตารตัวหนึ่ง และคนอื่น ๆ ทำหน้าที่โจมตีฉงฉีอวตารอีกตัวด้วยหวังว่าจะถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
จากนั้นเวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ และอีกหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงหนึ่งก้านธูปนี้ ระดับความอันตรายก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ของกิเลนอัคคีถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็เผชิญกับช่วงอันตรายเพียงไม่กี่ครั้งในขณะที่การต่อสู้ของอวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ ถือว่าดุเดือดกว่ามาก ภายในเวลาสองก้านธูป อวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ ก็ตกอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอม รวมถึงสูญเสียพลังมายาไปมาก ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของพวกนางจะไม่สู้ดีนัก
“ไม่ได้การล่ะ ขืนปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปคงยื้อได้ไม่นานแน่”
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสถานการณ์ของอีกฝั่ง
ความแข็งแกร่งของอวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวถือว่าไม่อ่อนแอนักในขณะที่เฝิงเยี่ยและคนอื่น ๆ ด้อยกว่าเล็กน้อย ทว่าร่างอวตารของฉงฉีก็ชาญฉลาดพอสมควร มันเลือกที่จะไม่โจมตีเข้าใส่อวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวโดยตรง หากแต่โจมตีอีกสี่คนที่อ่อนแอกว่าเพื่อกำจัดพวกเขาไปก่อน
อวิ๋นซื่อเทียนและเซิ่งเซียวก็พยายามขัดขวางการโจมตีให้กับคนทั้งสี่หลายครั้งหลายครา มิฉะนั้น พวกเขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกันแล้ว
อย่างไรก็ตาม พลังมายาในร่างของทั้งสองก็ลดน้อยลงอย่างต่อเนื่องและราวกับว่าในหุบเขาแห่งนี้มีขีดจำกัดบางอย่างที่ขัดขวางมิให้พวกเขาฟื้นฟูพลังมายาขึ้นมาได้ เมื่อใดที่สูญเสียพลังมายามากจนเกินไป ความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองก็จะได้รับผลกระทบอย่างมาก และในตอนนั้นพวกนางจะมิใช่คู่มือของฉงฉีอีกต่อไป
แน่นอนว่าฉงฉีไม่ทราบความคิดของคนเหล่านี้ มันเพียงรู้สึกได้ว่าฉินอวี้โม่และทุกคนฮึดสู้มากขึ้นเรื่อย ๆ และสีหน้าของมันก็กลายเป็นบิดเบี้ยวเหยเกขึ้นมา
“เหอะ ถือว่ามีฝีมือใช้ได้ ! อย่างไรก็ตาม ในเมื่อข้าบอกว่าหมดเล่นสนุกแล้ว ข้าก็จะไม่ให้โอกาสพวกเจ้าอีก !”
ฉงฉีแค่นเสียงเย็นชา จู่ ๆ ร่างอวตารทั้งสองก็มีปฏิกิริยาราวกับได้รับคำสั่งบางอย่างและเหาะตรงกลับมาอยู่ข้างฉงฉีอย่างรวดเร็ว
อึดใจต่อมา อสูรร้ายร่างมหึมาทั้งสามก็จ้องมองฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ด้วยแววตาดุร้ายพร้อมอ้าปากกว้างอย่างพร้อมเพรียงกัน
ทันใดนั้น แรงดึงดูดอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นมาราวกับว่าพวกมันต้องการจะกลืนกินทุกคนเข้าไปในท้อง !
สามารถจินตนาการได้ว่าแรงดึงดูดที่มาจากฉงฉีทั้งสามตัวจะทรงพลังเพียงใด ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่พยายามดึงร่างของตนเข้าไปส่งผลให้ร่างของพวกนางถูกดูดเข้าไปใกล้ฉงฉีทั้งสามตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“รีบปิดปากพวกมัน !”
กิเลนอัคคีในตอนนี้เดือดดาลอย่างที่สุดและส่งเสียงคำรามดังสนั่นพร้อมกับปล่อยก้อนพลังมายาเข้าใส่ฉงฉีร่างหนึ่ง
ฉงฉีตัวนั้นก็ต้านทานแรงโจมตีของกิเลนอัคคีไว้และไม่ได้ล่าถอยแม้แต่น้อย ร่างของมันเพียงสั่นสะเทือนครู่หนึ่งและแรงดึงดูดในปากยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อถูกดึงดูดโดยพลังดังกล่าว ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็แทบไม่สามารถต้านทานได้เลย
พืชพรรณต่าง ๆ และก้อนหินรอบตัวล้วนถูกฉงฉีกลืนกินไปทั้งหมดแล้วและร่างของพวกนางก็กำลังถูกดูดเข้าไปใกล้อสูรร้ายทั้งสามมากขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่ซื่อเทียน ยังมีระเบิดพลังมายาเหลืออีกหรือไม่ ?”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของฉินอวี้โม่และจู่ ๆ นางก็คิดหาวิธีที่จะรับมือกับฉงฉีได้ การป้องกันของฉงฉีทรงพลังมากเกินไปและยากที่จะทำลายได้ อย่างไรก็ตาม หากเป็นการโจมตีที่เกิดจากภายในร่างกาย มันก็อาจสร้างความเสียหายได้มากพอสมควร
สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีจุดที่อ่อนแอภายในร่างกายซึ่งแม้แต่เข็มเล่มเล็ก ๆ ก็ยังสร้างความเสียหายได้อย่างมหาศาล
“มีอยู่จำนวนหนึ่ง”
อวิ๋นซื่อเทียนก็ชาญฉลาดและมีไหวพริบที่ดีเช่นกัน นางจึงเข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่ได้ในทันที หลังจากค้นหาในแหวนมิติของตนครู่หนึ่ง ระเบิดพลังมายาจำนวนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
ระเบิดพลังมายาจำนวนหนึ่งก็ปรากฏในมือของฉินอวี้โม่เช่นกัน ซึ่งเป็นระเบิดที่นางได้รับจากอวิ๋นซื่อเทียนก่อนหน้านี้
เซิ่งเซียวและหานโม่ฉือก็ยังมีระเบิดพลังมายาหลงเหลืออีกส่วนหนึ่งเช่นกัน
“ถ้าอยากจะกินนักก็เชิญกินให้พอ !”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและพยายามยืนทรงตัวให้ได้ก่อนโยนระเบิดพลังมายาหลายลูกตรงไปที่ฉงฉี
ระเบิดพลังมายาจากหานโม่ฉือก็ถูกโยนเข้าปากฉงฉีร่างหลักเช่นกัน ระเบิดของเซิ่งเซียวและอวิ๋นซื่อเทียนก็ถูกโยนเข้าใส่ร่างอวตารทั้งสองตามลำดับ
ฉงฉีไม่ทราบว่าวัตถุประหลาดเหล่านั้นคือสิ่งใด ทว่าก่อนที่จะตอบสนองได้ มันก็ได้กลืนกินระเบิดเข้าไปหลายลูกแล้ว
เวลานี้ระยะห่างระหว่างฉินอวี้โม่และฉงฉีห่างกันเพียงสิบก้าวเท่านั้น
ในขณะเดียวกันนี้ สีหน้าของเฝิงเยี่ยและอีกสามคนก็แสดงความกังวลขึ้นมา พวกเขาพยายามเอาตัวรอดจากแรงดึงดูดของอสูรร้ายทว่าพลังนั้นก็แข็งแกร่งจนเกินไปและไม่สามารถต้านทานได้เลย
ในทางตรงกันข้าม กิเลนอัคคีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและคืนกลับร่างมนุษย์อีกครั้งพร้อมแสดงสีหน้าที่กำลังรอรับชมเรื่องสนุก ๆ
“ระเบิดซะ !”
หลายคนหันมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนฉินอวี้โม่จะตะโกนเสียงดังขึ้นมาและจุดชนวนระเบิดพลังมายาทั้งหมดพร้อม ๆ กัน
ตูมม ! ตูมมม ! ตูมมม !
เสียงระเบิดดังมาจากในร่างของฉงฉีและแรงดึงดูดทั้งหมดก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอยทันที จากนั้นร่างของฉงฉีก็ล้มลงบนพื้นอย่างน่าอนาถพร้อมส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด