ในเวลานี้ ภายในห้องพักของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ กลุ่มคนนับสิบกำลังเดินเข้ามาและหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ก็คือจางฟางซิ่น—ผู้นำตระกูลจางนั่นเอง
ในลานจัตุรัสก่อนหน้านี้ การยั่วยุของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือทำให้เขาเดือดดาลอย่างมาก และการที่จ้าวไห่ฉีกหน้าเขาต่อหน้าคนมากมายเช่นนั้นก็ทำให้เขารู้สึกถึงความขมขื่นภายในหัวใจ
ทว่าในตอนนั้นเขาไม่กล้าประกาศศึกกับจ้าวไห่อย่างซึ่ง ๆ หน้า เขาจึงเลือกใช้วิธีการที่สกปรกลับหลังเช่นนี้
“ท่านผู้นำขอรับ โอสถนั้นถูกใช้กับห้องอื่น ๆ แล้วและคนเหล่านั้นก็หลับใหลไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เราจะทำอย่างไรกันต่อไปขอรับ ?”
ศิษย์ตระกูลจางคนหนึ่งกล่าวด้วยความประหม่าและรู้สึกอยู่เสมอว่าแผนการนี้ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ทว่าเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของจางฟางซิ่น
“เหอะ เจ้าแก่จ้าวไห่นั่นหักหน้าข้า ทว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้าเมืองของเมืองเทียนยง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขา มันจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตอย่างแน่นอน เมื่อมีคนสืบสวนหาต้นเหตุ เราจะถูกจับได้แน่ เพราะฉะนั้นเราจะไว้ชีวิตเขาและจัดการกับเด็กเมื่อวานซืนสองคนนี้ก็พอ !”
จางฟางซิ่นไตร่ตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ในความคิดของเขา ต่อให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้าย ทั้งสองก็เป็นเพียงคนต่ำต้อยจากเมืองเทียนหยวนและไม่มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ใด ๆ ตราบใดที่กำจัดทั้งสองได้สำเร็จ ไม่ว่าสามสำนักและเก้านิกายจะมีปฏิกิริยาอย่างไร พวกเขาเหล่านั้นก็คงไม่คิดประกาศศึกเพื่อคนรุ่นเยาว์ทั้งสองและจะไม่มีเรื่องบาดหมางกับตระกูลจางอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การกำจัดจ้าวไห่นั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นเจ้าเมืองของเมืองเทียนยงมานานหลายร้อยปีและสามสำนักและเก้านิกายล้วนมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเขา หากจ้าวไห่ถูกสังหารไป จางฟางซิ่นและศิษย์ตระกูลจางเหล่านี้จะไม่มีทางรอดพ้นอย่างแน่นอน
“เราจะฆ่าพวกนางโดยตรงหรือจะจับตัวกลับไปทรมานดีขอรับ ?”
ศิษย์อีกคนที่ยืนอยู่ใกล้เตียงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจเมื่อเห็นว่าทั้งฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือหลับใหลไม่ได้สติตามแผนการ
“เหอะ เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืนทว่าริอาจเปิดศึกกับข้าต่อหน้าทุกคน ไม่รู้ซะแล้วว่าความตายสะกดอย่างไร !”
จางฟางซิ่นเดินเข้ามาใกล้เตียงนอนเช่นกัน เขามองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่หลับสนิทอยู่ตรงหน้าก่อนกล่าวต่อ “ฆ่าเขาซะและจับตัวนางกลับไป สตรีที่งดงามยิ่งกว่าฉีเอ๋อร์ไม่ควรต้องตายไปง่าย ๆ เราจะต้องจับตัวนางกลับไปและทรมานอย่างสาสม !”
ต้องยอมรับเลยว่าแม้สำหรับเขาที่เป็นผู้นำตระกูลจางและเห็นสตรีงามมามากมาย รูปลักษณ์งดงามดุจเทพธิดาของฉินอวี้โม่ก็ยังทำให้จางฟางซิ่นตกตะลึงอย่างมาก
“ท่านผู้นำขอรับ สตรีที่งดงามเช่นนี้ คงจะดีไม่น้อยหากเราทำลายรากฐานพลังของนางเสียและบีบบังคับให้นางเป็นนางสนมรับใช้ท่าน”
ศิษย์ของตระกูลจางแอบกลืนน้ำลายเบา ๆ และพยายามควบคุมหัวใจที่เต้นแรงเพราะความงามของสตรีตรงหน้าก่อนแสดงความคิดเห็นของตนเองออกไป
“เป็นความคิดที่ดี”
จางฟางซิ่นพยักศีรษะเบา ๆ ขณะเอื้อมมือออกไปหมายจะแตะตัวฉินอวี้โม่
“อ๊ากกก !”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังสนั่นลั่นห้องทันที ก่อนที่มือของเขาจะแตะถึงตัวฉินอวี้โม่ได้ แสงกระบี่ก็สว่างวาบอย่างรวดเร็วและมือข้างขวาของเขาก็ขาดออกจากแขนก่อนสลายกลายเป็นเถ้าถ่านหายไปในอากาศ
“ท่านผู้นำ !!!”
ศิษย์ตระกูลจางทั้งหมดต่างก็อุทานออกมาและตรงเข้าไปดูอาการของผู้นำตระกูลจางทันที
“บัดซบ เจ้ากล้าทำร้ายข้ารึ ?!”
จางฟางซิ่นใช้พลังมายาของตนเองในการปิดบาดแผลอย่างรวดเร็วและห้ามเลือดไว้ ใบหน้าของเขาในตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเกจนแทบดูไม่ได้
เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะเสแสร้งแกล้งหลับและซุ่มรอจังหวะโจมตีเช่นนี้ การที่มือขวาของเขาถูกตัดขาดไป มันจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาอย่างใหญ่หลวง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็ยังเชื่อว่าการกำจัดฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมิใช่เรื่องใหญ่แต่อย่างใด
“สำหรับเจ้าที่คิดจะทำลายรากฐานพลังของข้าและจับตัวข้ากลับไปเป็นนางสนม หัดตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาเสียบ้างเถอะ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวเยาะเย้ยและลุกขึ้นยืนโดยยังคงจับมือหานโม่ฉือไว้เช่นเดิม
หานโม่ฉือจ้องหน้าจางฟางซิ่นอย่างเยือกเย็นและจิตสังหารปรากฏชัดเจนในแววตา การที่คิดใช้แผนการสกปรกเช่นนี้ รวมถึงเอ่ยวาจาที่หยามเกียรติสตรีคนรักของเขา ความตายของจางฟางซิ่นก็มิใช่สิ่งที่ควรเห็นใจเลยสักนิด
“จับตัวพวกนางไว้ !”
สีหน้าของจางฟางซิ่นบิดเบี้ยวอย่างที่สุดขณะโบกมือออกคำสั่งและถอยหลังห่างออกไป
ครานี้เขามาพร้อมกับศิษย์ตระกูลจางนับสิบคนซึ่งทั้งหมดล้วนมีพลังในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูง การจัดการกับจอมยุทธ์หนุ่มสาวที่ต่ำต้อยจากเมืองรองสองคนไม่น่าจะเป็นปัญหาใดสำหรับพวกเขา
“นายท่าน นายหญิง ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง !”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะทำสิ่งใดต่อ เสียงของฉงฉี เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ ก็ดังขึ้นมาจากคฤหาสน์เฟิงหัว
ทันใดนั้น แสงสว่างก็ฉายวาบขึ้นมาและเจิดจ้าไปทั่วทั้งห้อง อึดใจต่อมา ฝ่ายตระกูลจางทุกคนก็ถูกเหล่าอสูรมายาจับตัวมัดไว้จนขยับเขยื้อนไม่ได้ทันที
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
สีหน้าของจางฟางซิ่นเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งและอุทานเสียงดังออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีอสูรมายาจำนวนมากเช่นนี้
“ก่อนที่คิดจะจัดการกับผู้ใด จงสืบหาข้อมูลของพวกเขาให้ชัดเจนเสียก่อน แม้โอสถของเจ้าจะทรงพลัง ทว่ามันก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและปรบมือเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณ อึดใจต่อมา จ้าวไห่และอีกหลายคนก็ปรากฏตัวหน้าประตูห้อง
“ข้าคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าจะต้องมาที่นี่ เพียงแต่คิดว่าอย่างเร็วที่สุดก็คงเป็นคืนวันพรุ่งนี้ ไม่คิดเลยว่าจะใจร้อนบุ่มบ่ามถึงเพียงนี้”
จ้าวไห่จ้องหน้าจางฟางซิ่นด้วยแววตาเยือกเย็นขณะกล่าวออกไปเบา ๆ
ระหว่างรับประทานอาหารร่วมกันก่อนหน้านี้ พวกเขาก็คาดเดากันไว้แล้วว่าจางฟางซิ่นคงจะไม่ยอมรามือง่าย ๆ และจะหาทางเล่นงานฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน
เดิมทีพวกเขาคาดเดากันไปว่าจางฟางซิ่นคงจะหาทางสืบข้อมูลเกี่ยวกับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อน จากนั้นก็วางแผนโจมตีอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเขาจะหยิ่งผยองจนถึงขั้นที่บุกมายังจวนเจ้าเมืองตั้งแต่คืนแรก
จ้าวไห่และทุกคนเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้วและฉินอวี้โม่ก็แจกจ่ายเมล็ดโพธิ์จำนวนหนึ่งให้กับพวกเขาซึ่งสามารถช่วยต้านพิษนับร้อยนับพันชนิดได้ แม้โอสถของจางฟางซิ่นจะทรงพลังมาก มันก็ไม่ส่งผลใดต่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ มากนัก
“นี่เป็นแผนการของพวกเจ้าตั้งแต่แรก !”
ในที่สุดจางฟางซิ่นก็เข้าใจว่าตนพาคนตระกูลจางเดินเข้ามาติดหลุมพรางที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ วางไว้
“ถูกต้อง พวกเราตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ ผู้นำจางบุกมาที่จวนเจ้าเมืองของข้ากลางดึกกลางดื่น หากข้าไม่ให้การต้อนรับก็คงจะเสียมารยาทเกินไป”
จ้าวไห่พยักศีรษะและตรงเข้าไปปรากฏตัวข้างจางฟางซิ่นอย่างรวดเร็ว พลังมายาจากทั้งร่างของเขาก็บรรจบรวมกันที่ปลายนิ้วมือและปิดผนึกพลังของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จางฟางซิ่นกลายเป็นเพียงบุรุษธรรมดาทั่วไปในทันที
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ? ข้าเป็นผู้นำของตระกูลจาง หากพวกเจ้าฆ่าข้า ตระกูลจางไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่ !”
สีหน้าของจางฟางซิ่นบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของตนเองถูกปิดผนึกไป เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก
จางฟางซิ่นไม่เคยคาดคิดถึงผลลัพธ์เช่นนี้แม้แต่น้อย เขาวางแผนที่จะจัดการกับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ ทว่ากลับเดินเข้ามาหากับดักที่พวกนางไว้วางเสียเอง ยากที่จะคาดเดาได้ว่าเขาจะเอาตัวรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้หรือไม่
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นอกมั่นใจมากเกินไป มีคนมากมายที่หมายปองตำแหน่งผู้นำตระกูลจาง เชื่อว่าคงมีหลายคนที่ปรารถนาให้เราฆ่าเจ้าไปทันที”
ฉินอวี้โม่ยิ้มเยาะและกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านต่อวาจาข่มขู่ของจางฟางซิ่น
ก่อนหน้านี้จ้าวไห่เล่าข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลจางให้พวกนางได้ทราบแล้วและสถานการณ์ภายในตระกูลจางก็ยุ่งเหยิงยิ่งกว่าตระกูลเมิ่งมากนัก ผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลจางไม่พอใจในความมั่นอกมั่นใจจนเกินเหตุของจางฟางซิ่น หากคนเหล่านั้นทราบว่าเขาตกเข้ามาในมือของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ พวกเขาก็คงจะปรารถนาให้พวกนางปลิดชีวิตจางฟางซิ่นไปเสียและไม่มีทางคิดช่วยเหลืออย่างแน่นอน
“เจ้า…”
จางฟางซิ่นชี้หน้าฉินอวี้โม่ทว่าไม่อาจสรรหาคำพูดใดออกมาได้เลย
“อย่าคิดแตะต้องโม่เอ๋อร์เด็ดขาดถ้าไม่อยากเสียมือไปอีกข้าง”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างเย็นชา จางฟางซิ่นจึงดึงแขนกลับอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่แสดงความหวาดหวั่น
“จ้าวไห่ ถึงอย่างไรข้าก็เป็นถึงผู้นำของตระกูลจาง ตราบใดที่เจ้าปล่อยข้าไป ข้าให้คำมั่นว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าอีกและจะขอโทษอย่างจริงใจ…”
เมื่อตระหนักแล้วว่าตอนนี้ตนเองตกอยู่ในที่นั่งลำบาก จางฟางซิ่งก็รีบคิดหาทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว
น้ำเสียงของเขาอ่อนลงมากขณะยอมก้มศีรษะเล็กน้อยและแสดงสีหน้าที่จริงใจออกมา