ในฐานะผู้นำตระกูลจาง กล่าวได้ว่าจางฟางซิ่นมีปัญญาและไหวพริบที่ดีพอสมควร อย่างไรก็ตาม การได้ทราบข่าวการตายของจางซือฉีก่อนหน้านี้ทำให้เขาขาดสติไปชั่วขณะ กอปรกับการที่เชื่อว่าฉินอวี้โม่เป็นเพียงจอมยุทธ์รุ่นเยาว์จากเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งคงไม่มีฝีมืออะไรมากนัก เขาจึงรีบร้อนลงมือตามแผนการ
ตอนนี้ในเมื่อตกมาอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายแล้ว หากต้องการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ การยอมอ่อนข้อเป็นการชั่วคราวก็มิใช่สิ่งที่หนักหนาจนเกินไปสำหรับเขา
“ต่อให้ฆ่าเจ้าเสีย ตระกูลจางก็จะไม่กล้ามาหาเรื่องกวนใจพวกเราอีกในอนาคต บางทีในตอนนั้นตระกูลจางก็อาจจะให้การต้อนรับเราในฐานะแขกคนสำคัญก็เป็นได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ และไม่มีความคิดที่จะปล่อยจางฟางซิ่นไป
ก่อนหน้านี้นางไม่มีความคิดที่จะสร้างปัญหาให้กับตระกูลจาง หากจางฟางซิ่นไม่คิดหาเรื่องพวกตนก่อน เขาก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายต่อไป
ทว่าตอนนี้จางฟางซิ่นพาพวกบุกมาหาเรื่องพวกนางถึงที่โดยหมายจะสังหารหานโม่ฉือและจับตัวนางกลับไป เป็นไปได้อย่างไรที่พวกนางจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ?
สีหน้าท่าทางของจางฟางซิ่นเจื่อนลงเล็กน้อย สิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าวนั้นถูกต้องทุกประการ หากเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจางที่หมายปองตำแหน่งผู้นำตระกูลทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ พวกเขาจะต้องให้การสนับสนุนฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือในฐานะแขกคนพิเศษของตระกูล
“เอาล่ะ เรามาพูดคุยเจรจากันก่อนเถอะ ต้องทำอย่างไรเจ้าจึงจะยอมปล่อยข้าไป ?”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จางฟางซิ่นก็เงยหน้าสบตาฉินอวี้โม่และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจนปัญญาเล็กน้อย
“เหอะ ในเมื่อกล้าบุกมาถึงที่นี่ เจ้าก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นอย่างดี เรามิใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา หากปล่อยให้เจ้าได้กลับไปดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลจางเช่นเดิม ในอนาคตเจ้าจะต้องหาทางเล่นงานพวกเราอีกแน่”
ฉินอวี้โม่หัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันและประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่คิดจะปล่อยจางฟางซิ่นไป
“เจ้า…”
สีหน้าของจางฟางซิ่นในตอนนี้ดูสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีทัศนคติที่หนักแน่นเช่นนี้
“ทว่าถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นบิดาของจางซือถง เราจะไม่คร่าชีวิตของเจ้า หลังจากนี้…เจ้าจะต้องอาศัยอยู่ในจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ไปตลอดกาล!”
เมื่อนึกถึงใบหน้าของจางซือถงซึ่งตอนนี้ญาติดีกับนางแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดที่จะสังหารจางฟางซิ่นให้ถึงตาย ทว่าการตัดมือข้างหนึ่งของเขาก็ถือเป็นบทลงโทษที่ยังน้อยเกินไป
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่มีทางปล่อยเสือกลับเข้าป่าไปอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น ทางที่ดีที่สุดคือการทำลายรากฐานพลังของจางฟางซิ่นและจับตัวเขาขังไว้ในคุกของจวนเจ้าเมืองโดยจะมีการสั่งให้คนคอยเฝ้าดูสถานการณ์ของเขาอยู่ตลอดเวลา วิธีการนี้จะช่วยป้องกันมิให้เขาออกไปสร้างปัญหาให้กับผู้ใดอีก
หานโม่ฉือก็เข้าใจถึงการตัดสินใจดังกล่าวเป็นอย่างดีและพลังมายาส่องประกายที่ปลายนิ้วมือของเขาก่อนจะทำลายจุดตันเถียนของจางฟางซิ่นไปอย่างสมบูรณ์
จางฟางซิ่นไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดด้วยซ้ำและรู้สึกได้เพียงว่าพลังมายาทั้งหมดในร่างกายของตนหายวับไป เวลานี้เขากลายเป็นเหมือนบุรุษชราธรรมดาคนหนึ่งที่ไร้ซึ่งพลัง
เดิมทีเขาเคยมีพลังที่บรรลุขอบเขตราชาเซียนซึ่งทำให้มีชีวิตยาวนานไร้ที่สิ้นสุด ทว่าเมื่อจุดตันเถียนถูกทำลายและสูญเสียพลังมายาทั้งหมดไป จางฟางซิ่นก็กลับกลายเป็นเหมือนคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง หลังจากนี้ เขาจะมีชีวิตอยู่ได้นานเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาเท่านั้น
“ท่านเจ้าเมือง เชิญท่านจัดการกับเขาได้เลย !”
หลังจากโบกมือเพื่อฉกชิงแหวนมิติของจางฟางซิ่นมา ฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง
จ้าวไห่พยักศีรษะตอบรับก่อนสั่งให้คนนำตัวจางฟางซิ่นไปขังไว้ในคุกของจวนเจ้าเมือง
จางฟางซิ่นในตอนนี้ทั้งสิ้นหวังและเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป หากทราบมาก่อนว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะแข็งแกร่งและเด็ดขาดกันเช่นนี้ เขาก็คงไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม
“เอาล่ะ ผู้นำของพวกเจ้าถูกจับไว้แล้ว พวกเจ้าจงกลับไปซะและบอกกับผู้อาวุโสของตระกูลจางด้วยว่าหากต้องการมาที่นี่เพื่อล้างแค้น ข้าจะรอพวกเขาอยู่ที่จวนเจ้าเมืองแห่งนี้ !”
ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองศิษย์ตระกูลจางทุกคนที่ยังคงตกตะลึงไม่หายและโบกมือออกไปเพื่อผลักให้ร่างของพวกเขากระเด็นออกไปในลานด้านนอก
หลังจากมองฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ด้วยแววตาหวาดหวั่น คนเหล่านั้นก็รีบคลานออกจากจวนเจ้าเมืองอย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้น่าสะพรึงกลัวจนเกินไป ต่อให้ผู้อาวุโสของตระกูลจางทราบเรื่องนี้ พวกเขาก็คงเลือกที่จะรักษาความปลอดภัยของตัวเองและไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว พวกเขาจะกล้ามีเรื่องกับฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้ได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้น การที่จางฟางซิ่นถูกจับขังไว้แล้ว บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลจางก็น่าจะแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลกันอีกพักใหญ่ซึ่งส่งผลให้ไม่มีเวลาจัดการเรื่องความบาดหมางกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม ฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้ก็อาจจะได้รับของขวัญของกำนัลเพื่อผูกมิตรไมตรีจากผู้อาวุโสของตระกูลจางด้วยซ้ำ
“เอาล่ะ ปัญหาถูกคลี่คลายแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับจ้าวไห่และคนอื่น ๆ ขณะบอกให้พวกเขากลับไปพักผ่อนต่อ
ทุกคนกล่าวอำลาฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อนออกจากห้องพักของทั้งสองไปตาม ๆ กัน
ตลอดค่ำคืนนั้นก็ไม่มีเรื่องวุ่นวายใดเกิดขึ้นอีก ทว่าเมื่อฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตื่นลืมตาขึ้นมาในเช้าตรู่วันต่อมา จ้าวไห่ก็ส่งคนมาตามทั้งสองไปพบ
“อวี้โม่ โม่ฉือ ของพวกนี้คือของที่บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลจางส่งมา พวกเจ้าเก็บมันไปเถอะ”
ในตอนนี้มีวัตถุสิ่งของจำนวนมากวางกองอยู่บนโต๊ะในห้องโถง ไม่ว่าจะเป็นโอสถระดับสูง แร่คุณภาพดีและวัตถุอื่น ๆ พวกมันล้วนแต่เป็นของล้ำค่าทั้งสิ้น
“บรรดาผู้อาวุโสของตระกูลจางฉลาดดีทีเดียว”
ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองสิ่งของเหล่านั้นโดยไม่รีบร้อนเก็บพวกมันทว่ากล่าวชมพร้อมรอยยิ้ม
“ในช่วงเวลาที่จางฟางซิ่นเป็นผู้นำตระกูลจาง ผู้อาวุโสหลายคนก็ไม่ถูกกับเขานัก ตอนนี้การที่เขาถูกขังในจวนเจ้าเมืองและรากฐานพลังถูกทำลายไปทั้งหมด ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ไม่พลาดที่จะตอกย้ำซ้ำเติมเมื่อผู้อื่นพลาดท่าเสียทีและไม่มีทางปกป้องเขาแน่ สิ่งของเหล่านี้ถือเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของพวกเขา”
จ้าวไห่ทราบสถานการณ์ของตระกูลจางเป็นอย่างดีและยิ้มอย่างสบาย ๆ เขาไม่กังวลว่าคนของตระกูลจางจะพยายามเล่นงานฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อีกในอนาคต
“ลองดูเถอะว่ามีสิ่งใดที่ท่านต้องการหรือไม่ ข้าจะแบ่งของพวกนี้กับทุกคน เมื่อวานนี้ข้าได้แหวนมิติจากจางฟางซิ่นแล้วและมันมีสมบัติดี ๆ อยู่ข้างในมากพอสมควร”
ฉินอวี้โม่ไม่สนใจสิ่งของเหล่านี้อีกต่อไปและตัดสินใจทันทีว่าจะแบ่งสรรสิ่งของทั้งหมดกับจ้าวเหลียง อวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ตกลง”
เมื่อเห็นสีหน้าแววตาแน่วแน่ของฉินอวี้โม่ จ้าวไห่ก็ไม่คิดโน้มน้าวใจอีกต่อไปขณะสั่งให้คนไปเรียกจ้าวเหลียงและคนอื่น ๆ มาที่นี่
ไม่นานนัก จ้าวเหลียงและทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องโถง หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากจ้าวไห่ พวกเขาก็เลือกหยิบสิ่งของบางอย่างที่ถูกใจตนเอง ทว่าพวกเขาก็ไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
สิ่งของส่วนที่เหลือซึ่งไม่มีใครเลือกจะถูกมอบให้กับจ้าวไห่เพื่อเก็บไว้ในคลังสมบัติของจวนเจ้าเมืองและใช้เป็นรางวัลให้แก่ผู้ที่ทำคุณงามความดีเพื่อจวนเจ้าเมือง
จากนั้นทุกคนก็รับประทานอาหารเช้าร่วมกันในขณะที่จางซือถงและเมิ่งเยี่ยวิ่งหน้าตั้งเข้ามา
“เขาล่ะ ?”
จางซือถงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้ากังวล
ก่อนหน้านี้จ้าวไห่ส่งคนไปที่จวนตระกูลเมิ่งเพื่อแจ้งข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ทันทีที่ทราบว่าบิดาของตนพยายามลอบโจมตีฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ จางซือถงจึงเป็นกังวลและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อทราบว่าแผนการของจางฟางซิ่นล้มเหลวไป นางก็โล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางและเมิ่งเยี่ยยังตัดสินใจเดินทางมาที่จวนเจ้าเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงอย่างไรก็ยังมีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ตัดขาดไม่ได้ จางซือถงจึงไม่อาจเพิกเฉยต่อชะตากรรมของบิดาในเวลานี้
“ข้าทำลายรากฐานพลังของเขาแล้ว และตอนนี้เขาก็ถูกขังอยู่ในคุกของจวนเจ้าเมือง”
ฉินอวี้โม่ไม่คิดปิดบังสิ่งใดและบอกความจริงกับจางซือถงในทันที
“นั่นเป็นเรื่องที่ดี !”
สีหน้าของจางซือถงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและไม่แสดงท่าทีไม่พอใจต่อฉินอวี้โม่แม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรบิดาของนางก็เป็นฝ่ายที่คิดร้ายและบุกมาหาเรื่องฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อน ตอนนี้การที่รากฐานพลังของเขาถูกทำลายไปและถูกกักขังไว้ในคุกของจวนเจ้าเมืองก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีมากแล้ว สาเหตุที่ทั้งสองไว้ชีวิตเขาก็เพราะเห็นแก่จางซือถงซึ่งเป็นบุตรสาวของเขานั่นเอง
“ข้าขอพบเขาได้รึไม่ ?”
แม้จะสิ้นหวังในตัวบิดาเต็มที จางซือถงก็ยังมีคำถามบางอย่างที่สงสัยมาตลอดและต้องการจะถามด้วยตัวเอง
“ข้าจะให้คนพาเจ้าไปที่นั่น”
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่คัดค้าน จ้าวไห่ก็พยักศีรษะตอบตกลงก่อนสั่งให้พ่อบ้านของจวนเจ้าเมืองนำทางจางซือถงไปพบกับจางฟางซิ่น
“ข้าจะไปกับเจ้า”
เมิ่งเยี่ยก็ใช้เวลาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนกล่าวออกไป
ถึงแม้จางฟางซิ่นจะสูญเสียพลังทั้งหมดไปแล้ว นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีแผนการใดอยู่ในใจ จางซือถงมิใช่คนใจแข็งจนเกินไป เพราะเหตุนั้นคงจะไม่ดีนักหากนางหลงกลบิดาและถูกผู้เป็นบิดาหลอกใช้