ภายในคุกกักขังของจวนเจ้าเมือง จางฟางซิ่นทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไปแล้วและถูกกักขังไว้ในคุกแห่งนี้โดยที่มีคนคอยคุ้มกันอยู่ เรียกได้ว่าเขาไม่มีโอกาสหลบหนีแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ออกไปจากที่นี่ได้จริง ๆ ด้วยการที่จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไป เขาก็เป็นได้เพียงคนธรรมดา ๆ ที่ไร้ซึ่งพลังเท่านั้นและไม่มีทางกอบกู้อำนาจของตนเองกลับคืนมาได้อีก
ที่สำคัญเขารู้จักสมาชิกของตระกูลจางดีกว่าใคร เมื่อทราบว่าตนถูกกักขังไว้เช่นนี้ เพียงคนเหล่านั้นไม่จัดงานเฉลิมฉลองก็ถือว่าดีมากพอแล้ว นับประสาอะไรกับการหาทางมาช่วยเหลือตน
ในอนาคตข้างหน้า เขาก็ทำได้เพียงติดอยู่ที่นี่ตลอดไปและเฝ้ารอความตายอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
กึก !
ทันใดนั้น เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของจางฟางซิ่นในทันที เมื่อหันมองไปและเห็นจางซือถงและเมิ่งเยี่ยที่ปรากฏตัวขึ้นมา ประกายความหวังก็ฉายชัดในแววตาของเขาชั่วขณะ
บุตรสาวคนรองของเขาเป็นคนตรงไปตรงมาและเที่ยงธรรม อีกทั้งนางก็ยังเป็นคนใจอ่อนและชอบเห็นใจผู้อื่น หากเขาสามารถโกหกให้นางเชื่อได้และพาเขาออกไปจากที่นี่ ตราบใดที่ตามหาโอสถบางชนิดพบ จางฟางซิ่นก็อาจยังมีโอกาสฟื้นฟูพลังของตนเองกลับคืนมาได้
“ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?”
เมื่อเห็นสภาพอิดโรยของจางฟางซิ่น จางซือถงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกังวลใจขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำก่อนหน้านี้ นางก็พยายามทำใจแข็งเข้าไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถงเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้พ่อผิดไปแล้ว พ่อรักน้องสามของเจ้ามากเกินไปจนละเลยความรู้สึกของเจ้า ตอนนี้ที่พ่อกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไร้ความสามารถ หลายสิ่งหลายอย่างก็ชัดเจนมากขึ้น เจ้าจะให้อภัยพ่อที่ไม่เอาไหนของเจ้าได้หรือไม่ ?”
จางฟางซิ่นจับมือจางซือถงและแสร้งแสดงสีหน้าเศร้าเสียใจ ตอนนี้เขาเป็นเหมือนบิดาที่แก่เฒ่าคนหนึ่งซึ่งสำนึกผิดในช่วงเวลาที่สายเกินไปและต้องการขอให้บุตรสาวให้อภัย
“ข้า…”
ความสับสนปรากฏในสีหน้าแววตาของจางซือถงอย่างชัดเจน ถึงอย่างไรก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ตัดขาดกันไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สภาพของจางฟางซิ่นในตอนนี้ก็ดูย่ำแย่มากจนนางอดรู้สึกเห็นใจไม่ได้
“ถงเอ๋อร์ พ่อรู้ว่าเจ้าโกรธเคืองและไม่หวังว่าเจ้าจะให้อภัย หลังจากนี้ พ่อจะอยู่ที่นี่และสำนึกผิดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยกระทำลงไป”
จางฟางซิ่นบีบน้ำตาและกล่าวยืนยันด้วยท่าทางจริงใจ
“จางฟางซิ่น อย่าเสแสร้งแสดงละครอีกเลย อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ เจ้าตั้งใจแสดงละครตบตาเช่นนี้เพื่อให้จางซือถงใจอ่อนและหาทางพาเจ้าออกไปจากที่นี่”
เมิ่งเยี่ยทราบถึงจุดประสงค์ของจางฟางซิ่นได้ตั้งแต่แวบแรกและจับมือจางซือถงไว้พร้อมกล่าวอย่างเย็นชา
“ท่านพ่อ จนถึงตอนนี้แล้วท่านยังจะโกหกข้าอีกรึ ?!”
จางซือถงตาสว่างขึ้นมาทันทีและนางทราบดีที่สุดว่าบิดาของตนเป็นคนเช่นไร หากเขารู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปจริง ๆ ดวงตะวันก็คงจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว เขาเพียงแสดงละครเพื่อให้นางหลงกลและหาทางพาเขาออกไปจากที่นี่ก็เท่านั้น
“เดิมทีข้าก็ยังคิดลังเลว่าจะพาท่านออกไปดีหรือไม่ ทว่าในเมื่อท่านต้องการสำนึกผิดอยู่ที่นี่ ท่านก็ควรอยู่และชดใช้ความผิดทั้งหมด ข้าจะขอให้ท่านเจ้าเมืองส่งอาหารมาให้และมิให้ท่านพ่อต้องหิวโซจนตายไป !”
หลังจากกล่าววาจาอย่างเย็นชา ความห่วงใยที่บุตรสาวมีต่อบิดาก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไป
“นังลูกไม่รักดี กล้าพูดกับข้าเช่นนี้รึ !”
ในตอนแรก จางฟางซิ่นแอบดีใจอยู่ลึก ๆ ทว่าเมื่อได้ยินประโยคต่อมา เขาก็ไม่อาจเสแสร้งแสดงตีหน้าเศร้าได้อีกต่อไปและง้างมือขึ้นสูงหมายจะตบสั่งสอนจางซือถงเพื่อระบายความโกรธแค้น
“ท่านพ่อ ท่านทำร้ายข้ามาหลายครั้งหลายครา ครานี้ข้าจะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไปแล้ว !”
จางซือถงคว้ามือของจางฟางซิ่นไว้ทันที แน่นอนว่าจางฟางซิ่นในตอนนี้มิใช่คู่ต่อสู้ของนางแม้แต่น้อย
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยเข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านจึงลำเอียงอย่างออกนอกหน้าทั้งที่ข้าและน้องสามก็เป็นลูกของท่านเหมือนกัน ? การที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะอยากจะถาม โปรดบอกข้ามาเถอะ…ข้าใช่ลูกแท้ ๆ ของท่านหรือไม่ ?”
จางซือถงมองจางฟางซิ่นด้วยแววตาเย็นชาและเอ่ยถามสิ่งที่นางสงสัยและเก็บงำมานาน
จางซือถงไม่เคยพบหน้ามารดามาก่อน และตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน จางฟางซิ่นก็ไม่เคยแสดงความรักต่อนาง นอกเหนือจากสถานะ ‘คุณหนูแห่งตระกูลจาง’ จางซือถงก็ไม่เคยได้รับสิ่งใดจากเขา การที่นางวางท่าทะนงตนมาตลอดส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการปกป้องตัวเองและทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้ามารังแกตน
อันที่จริงจางซือถงมิใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใด ก่อนหน้านี้เป็นเพราะจางซือฉีเสแสร้งแสดงละคร จางซือถงจึงยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาว หากมิใช่เพราะจางซือฉีถูกสังหารในสมรภูมิรบเดนตาย จางซือถงก็คงไม่ได้ทวงคืนความเป็นตัวเองและประกาศจุดยืนที่ชัดเจนเช่นนี้
สำหรับสาเหตุที่นางมาพบจางฟางซิ่นในวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อต้องการเห็นสภาพของเขาด้วยตัวเองและอีกประการหนึ่งก็คือหาคำตอบในสิ่งที่นางสงสัยมาตลอดทั้งชีวิต
นางไม่เชื่อว่าจะมีบิดาคนใดที่ปฏิบัติต่อบุตรสาวแท้ ๆ เช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาไม่มีความรักความเป็นห่วงแม้แต่น้อยเท่านั้น ทว่านางกลับถูกตำหนิดุด่าและถูกมองข้ามอย่างไม่เห็นหัวมาตลอด
“การที่เกิดมาจากสตรีสกปรกนั่น การได้มีสถานะเป็นถึงคุณหนูรองของตระกูลจางก็ถือเป็นเกียรติสำหรับเจ้ามากแล้ว คิดจะให้ข้ารักและห่วงใยเจ้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !”
ตอนนี้จางฟางซิ่นทราบดีว่าจางซือถงไม่มีทางพาตนออกไปจากที่นี่ เขาจึงไม่เสแสร้งแสดงละครใด ๆ อีกต่อไปและกล่าวตอบโต้ด้วยสีหน้าดุดันอย่างที่สุด เพียงนึกถึงมารดาของจางซือถงก็ทำให้เขารู้สึกรังเกียจขึ้นมาแล้ว
“รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่เคยพบหน้าแม่ของเจ้าเลย ? นั่นเป็นเพราะเมื่อนางให้กำเนิดเจ้าออกมา ข้าก็เป็นคนบีบคอนางจนตายไปเอง การดำรงอยู่ของนางเป็นความอับอายและความอัปยศอดสูสำหรับข้า !”
เขากล่าวต่อพร้อมด้วยแววตาเยือกเย็นและไม่ปิดบังอีกต่อไป
เพี๊ยะ !
“หุบปาก !”
จางซือถงฟาดฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าของจางฟางซิ่นอย่างเต็มแรง
นางไม่ได้เตรียมใจไว้เลยว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ หากจางฟางซิ่นรังเกียจมารดาของนางถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดเขาจึงมีความสัมพันธ์กับมารดาของนางจนให้กำเนิดนางมาได้ ?
“จางซือถง อย่าหลงเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวมา สำหรับเรื่องราวในอดีต เราสามารถออกไปสืบหาความจริงได้และจะได้ทราบทุกอย่างอย่างชัดเจน จางฟางซิ่นมิใช่คนดี เขาจะต้องโกหกเจ้าเพื่อพยายามยั่วยุให้เจ้าโมโหเป็นแน่ !”
เมิ่งเยี่ยจับมือจางซือถงอีกครั้งพร้อมกล่าวปลอบใจและทำให้สติอารมณ์ของนางสงบลง
“ใช่ ออกไปถามท่านเจ้าเมืองกันเถอะ เขาจะต้องทราบถึงความจริงที่เกิดขึ้นแน่”
จางซือถงเรียกสติกลับคืนมาและสีหน้าก็กลับคืนสู่ปกติเช่นกัน
“ท่านพ่อ เชิญท่านอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ นับจากวันนี้ไป อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากที่นี่อีก หากวันใดวันหนึ่งข้ามีอารมณ์ที่ดีขึ้นมา ข้าก็อาจจะมาเยี่ยมท่านสักครั้ง”
หลังจากกล่าวทิ้งท้าย จางซือถงก็เดินจากไปและมุ่งหน้าออกจากคุกอย่างรวดเร็ว
“นังเด็กชั่ว นังเด็กเหลือขอ ! ข้าควรจะบีบคอเจ้าให้ตายตั้งแต่ตอนนั้น…”
เสียงของจางฟางซิ่นดังไปถึงหูของจางซือถงผู้ซึ่งกำลังเดินจากไปและทำให้เข่าของนางแทบทรุดลงไปกับพื้นทันที
“หุบปาก ส่งเสียงดังน่ารำคาญชะมัด !”
ผู้คุมเฝ้าคุกก็เดินเข้ามาและฟาดตบใบหน้าของจางฟางซิ่นอย่างแรง
“ถ้ายังส่งเสียงดังแม้แต่แอะเดียว ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย !”
หลังจากทิ้งท้ายด้วยคำข่มขู่ ประตูห้องขังก็ถูกปิดลงอีกครั้ง
จางฟางซิ่นนิ่งเงียบไปทันทีและไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดอีก เขาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงเช่นเดิมพร้อมกับแววตาที่ว่างเปล่า ไม่อาจทราบได้เลยว่าตอนนี้เขากำลังคิดสิ่งใด
ณ ห้องโถงของจวนเจ้าเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นในคุกเมื่อครู่ก็ถูกรายงานให้ฉินอวี้โม่และทุกคนได้ทราบอย่างรวดเร็ว
“เหอะ เทียบกับจางฟางซิ่นแล้ว ฉินเทียนตัวปลอมในตอนนั้นก็แทบจะกลายเป็นคนดีไปเลย”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเจือความเย้ยหยัน หากจางฟางซิ่นเป็นบิดาแท้ ๆ ของจางซือถงจริง คุณหนูรองผู้นั้นก็น่าสงสารจนเกินไป…
“เจ้าจางฟางซิ่นนั่นไม่มีความเป็นคนอยู่แม้แต่น้อย !”
เฉินหยางชั่วรู้สึกโกรธเกรี้ยวขึ้นมาและนึกอยากจะสั่งสอนจางฟางซิ่นอย่างสาสม
“ท่านเจ้าเมือง ท่านทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมากเพียงใดรึเจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่หันไปมองจ้าวไห่ผู้ซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดและต้องการทราบความจริงที่เกิดขึ้นในปีนั้น
เวลานี้จางซือถงก็เดินเข้ามาในห้องโถงแล้วเช่นกันและสายตาเลื่อนไปที่จ้าวไห่เพื่อรอคำตอบจากเขา