ภายในห้องโถงของจวนเจ้าเมือง จ้าวไห่ผายมือเชิญให้ทุกคนนั่งลงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ข้าไม่ทราบถึงรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมากนัก…”
เขานิ่งเงียบและครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อมากกว่ายี่สิบปีก่อน
ในตอนนั้นได้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในตระกูลจางซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าเกลียดและฉาวโฉ่โดยที่ทุกคนในเมืองเทียนยงต่างก็ได้ยินเกี่ยวกับมัน
ครานั้นฮูหยินของตระกูลจางซึ่งก็คือมารดาของจางซือถงถูกจับได้ขณะมีความสัมพันธ์กับบุรุษผู้อื่นบนเตียง และยังมีบุรุษมากกว่าหนึ่งคนเสียอีก
จางฟางซิ่นเดือดดาลอย่างที่สุด หากมิใช่เพราะมารดาของจางซือถงกำลังตั้งครรภ์ในตอนนั้น เกรงว่านางคงจะถูกเขาสังหารไปในทันที
“ถ้าเช่นนั้น มารดาของข้าก็เป็นฝ่ายที่กระทำผิดต่อเขารึเจ้าคะ ?”
จางซือถงรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาและสีหน้าเริ่มเหยเก หากเป็นเช่นนั้นจริง นางก็ไม่อาจกล่าวโทษจางฟางซิ่นที่จะปฏิบัติเช่นนี้ต่อตนมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“แน่นอนว่ามิใช่”
จ้าวไห่ส่ายศีรษะเบา ๆ และกล่าวต่อ “คนส่วนใหญ่รับรู้เพียงสิ่งที่เห็นภายนอก ทว่ามีเพียงน้อยคนที่ทราบความจริง ในตอนนั้นข้าได้ส่งคนออกไปสืบหาเบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนั้นและข้าบอกได้เลยว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการจัดฉากของจางฟางซิ่น”
แม้คนทั้งเมืองจะได้ทราบเรื่องฉาวโฉ่ของตระกูลจางในตอนนั้น ทว่ามีคนที่ทราบความจริงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น จ้าวไห่เองก็ได้ส่งคนไปสืบสวนหาข้อมูลจนได้ทราบความจริงในที่สุด
เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ตระกูลจางยังมิใช่หนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนยงและไม่สามารถเทียบชั้นกับตระกูลเมิ่งได้ มารดาของจางซือถงมีต้นกำเนิดที่ธรรมดาและมีความแข็งแกร่งในระดับทั่ว ๆ ไปเท่านั้น ทว่าเป็นเพราะสัญญาการแต่งงานที่บรรดาผู้อาวุโสได้ตกลงกันไว้ในอดีตจึงทำให้นางได้ตบแต่งกลายเป็นภรรยาของจางฟางซิ่น
หลังจากได้เป็นผู้นำตระกูลจาง จางฟางซิ่นก็ไม่พอใจและขุ่นเคืองที่ภรรยาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับตนได้เลย กอปรกับมิตรไมตรีและการเอาใจใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่มารดาของจางซือฉีมีต่อเขา จางฟางซิ่นจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
เขาวางแผนด้วยตัวเองและตั้งใจจัดฉากที่จะจับภรรยาของเขาขณะมีความสัมพันธ์กับคนอื่นบนเตียงได้อย่างคาหนังคาเขาโดยมีจุดประสงค์เพื่อกำจัดนางไปเสีย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดไว้คือในตอนนั้นมารดาของจางซือถงกำลังตั้งครรภ์อยู่
เพื่อรักษาชื่อเสียงของตน จางฟางซิ่นจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผนการทันทีและรอจนกว่านางจะให้กำเนิดจางซือถงออกมาจึงจะสังหารนางในภายหลัง
และการลงมือครานั้นก็เป็นไปตามแผนการที่จางฟางซิ่นวางไว้โดยไม่มีเรื่องไม่คาดคิดใดเกิดขึ้น ในตอนนั้นเขาเป็นคนลงมือสังหารภรรยาด้วยตัวเองก่อนแต่งงานใหม่กับมารดาของจางซือฉี
หลังจากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากมารดาของจางซือฉี ตระกูลจางก็ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนยง และนั่นเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้จางฟางซิ่นทั้งรักทั้งเอาใจใส่จางซือฉี ทว่าไม่สนใจจางซือถงแม้แต่น้อย
ปัง !
“ไม่มีความเป็นคนแม้แต่น้อย !”
หลังจากได้ยินเรื่องเล่าจากจ้าวไห่ อวิ๋นซื่อเทียนก็เดือดดาลขึ้นมาทันทีและยืนขึ้นพร้อมตบโต๊ะอย่างแรง
“มีบุคคลที่ชั่วช้าและน่ารังเกียจเช่นนั้นอยู่บนโลกนี้จริง ๆ รึ !”
เมิ่งเยี่ยเองก็ฉุนเฉียวไม่แพ้กัน คิดไม่ถึงเลยว่าชีวิตของจางซือถงจะน่าเห็นใจมากเพียงนี้
“ข้าจะฆ่าเขาเอง !”
แววตาของจางซือถงในตอนนี้แสดงจิตสังหารอย่างแรงกล้าขณะลุกขึ้นยืนและมุ่งหน้าไปทางประตู ตอนนี้นางบันดาลโทสะจนไม่หลงเหลือเหตุผลอีกต่อไป
“ซือถง คนอย่างเขา…การมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าความตายเสียอีก เหตุใดจะต้องทำให้มือของเจ้าแปดเปื้อนด้วยเล่า ?”
ฉินอวี้โม่ก้าวออกไปรั้งจางซือถงไว้และกล่าวเพื่อให้นางใจเย็นลง
“ข้าไม่เคยรู้และไม่เคยมีผู้ใดบอกอะไรกับข้าเลย ข้าคิดมาตลอดว่าเขาไม่ชอบข้าเพราะพรสวรรค์ของข้าต่ำต้อยจนเกินไป ข้าจึงพยายามฝึกฝนอย่างสุดความสามารถรวมถึงวางท่าทะนงตนและมั่นใจเพื่อให้เขาสนใจ คนตระกูลจางกล่าวกันว่าท่านแม่ของข้าตายไปเพราะสภาวะคลอดที่ผิดปกติและข้าไม่เคยสงสัยมันมาก่อน ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว ข้าคงเป็นตัวตลกมาทั้งชีวิตจริง ๆ”
จางซือถงเอนกายพิงไหล่ฉินอวี้โม่เบา ๆ และน้ำตาไหลรินอย่างไม่อาจควบคุม
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางหมั่นเพียรอดทนฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเองและผูกมิตรกับทุกคนในตระกูลจางด้วยหวังเพียงว่าจางฟางซิ่นจะสนใจตน นางทำทุกอย่างเพียงเพื่อความรักของผู้เป็นบิดา
ไม่คิดเลยว่าจางฟางซิ่นจะเป็นฆาตกรที่สังหารมารดาของนางและไม่ต้องการมีนางเป็นบุตรสาวด้วยซ้ำ ไม่ว่าจางซือถงจะแสดงฝีมือได้ดีเพียงใดก็ไม่มีความหมาย หากมารดาของนางได้รับรู้ถึงความพยายามของนางตลอดเวลาที่ผ่านมา มารดาของนางก็คงจะหัวเราะเยาะนางเป็นแน่
“มิใช่ความผิดของเจ้าหรอก เขาต่างหากที่ชั่วร้ายและน่ารังเกียจเกินไป เกรงว่าในตอนนั้นแม่ของเจ้าคงจะทราบความจริงมานานแล้ว ทว่านางยังคงอดทนอยู่เพื่อเจ้า เจ้าคือความภาคภูมิใจของนางและนางต้องการเพียงได้เห็นเจ้ามีชีวิตที่เป็นสุข อย่าทำอะไรที่โง่เขลาเพียงเพราะความเกลียดชังเลย”
ฉินอวี้โม่ตบไหล่จางซือถงเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมและกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจ
นางรู้สึกชื่นชมมารดาของจางซือถงอยู่ไม่น้อย การที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนั้นและทราบความจริงเกี่ยวกับสามีของตนทว่ายังอดทนจนกระทั่งให้กำเนิดจางซือถงท่ามกลางความกดดันที่รุมเร้า ความรักของมารดาช่างน่าชื่นชมและซาบซึ้งใจอย่างที่สุด
“อวี้โม่ ขอบคุณมาก”
หลังจากร่ำไห้พักใหญ่ หัวใจของจางซือถงก็สงบลง นางสวมกอดฉินอวี้โม่และกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
แม้ก่อนหน้านี้นางจะเคยปฏิบัติตัวไม่ดีต่อฉินอวี้โม่ ทว่าฉินอวี้โม่ก็ลืมเลือนความบาดหมางที่ผ่านมาทั้งหมดและกล่าวปลอบใจนาง ซ้ำร้ายบิดาของนางก็ยังต้องการสังหารฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่กลับไม่คิดแค้นนางและยังพยายามเตือนสตินางอีก ในเวลานี้ จางซือถงจึงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุด
“เอาล่ะ ถึงอย่างไรเจ้าและตระกูลจางก็แตกหักกันแล้ว จางซือฉีก็ตายไปแล้วและจางฟางซิ่นก็มีชีวิตอยู่เหมือนตายทั้งเป็น อย่าคิดกังวลสิ่งใดอีกเลย เมื่อสามสำนักและเก้านิกายมาถึง เจ้าเพียงต้องมั่นใจเข้าไว้และฝึกฝนอย่างตั้งใจเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เจ้าจะได้แข็งแกร่งขึ้นและในอนาคตจะไม่มีผู้ใดที่กล้าดูหมิ่นเจ้าอีก !”
ฉินอวี้โม่ปาดน้ำตาจากพวงแก้มของจางซือถงอย่างแผ่วเบาก่อนเดินกลับไปหาหานโม่ฉือ
หานโม่ฉือสบตาฉินอวี้โม่ด้วยความรักและความหลงใหลเช่นเดิมขณะเขย่ามือนางเบา ๆ
เขาทราบดีว่าตอนนี้ฉินอวี้โม่คงกำลังนึกถึงมารดาของตนเอง ตอนนี้พวกเขายังไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นนอกเหนือจากการที่นางเคยปรากฏตัวในนิกายหมื่นบุปผาเท่านั้น และการตามหานางให้พบมิใช่เรื่องง่ายเลย
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และกำลังคิดถึงมารดาของตนจริง บิดามารดาส่วนใหญ่สามารถแลกชีวิตของตนเองได้เพื่อปกป้องบุตร เรื่องนี้เป็นสิ่งที่แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย…
หลังจากปรับอารมณ์พักหนึ่ง ความปั่นป่วนในหัวใจของทุกคนก็สงบลง หลังจากสั่งให้ผู้คุมของคุกจับตาดูจางฟางซิ่นไว้ให้ดี ทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่ลานจัตุรัสอีกครั้ง
ในวันนี้เวลาก็ผ่านมาถึงครึ่งค่อนวันแล้ว ทว่ายังคงไม่มีจอมยุทธ์คนใดออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายเช่นเดิม
คนส่วนใหญ่มีข้อสันนิษฐานในหัวใจแล้ว เกรงว่าการคัดเลือกรอบสุดท้ายนี้จะมีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่สิบคนที่ออกมาในเมื่อวานเท่านั้น
ทันทีที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ปรากฏตัวในลานจัตุรัส พวกนางก็ดึงดูดความสนใจของคนมากมาย
ถึงอย่างไรนางและสหายอีกหลายคนก็เป็นจอมยุทธ์ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกรอบสุดท้ายและเอาตัวรอดออกมาได้โดยไม่ได้รับอันตราย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนล้วนมีรูปลักษณ์งดงามชวนมองและมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ที่เพียงปรากฏตัวก็โดดเด่นมากพอที่จะดึงดูดสายตาทุกคู่จนไม่อาจหันมองไปทางอื่นได้ ราวกับว่าที่แห่งนี้คือเวทีสำหรับทั้งสอง
หลังจากทักทายทุกคน ฉินอวี้โม่และทุกคนก็เดินไปนั่งลงในตำแหน่งหนึ่ง จางซือถงและเมิ่งเยี่ยก็นั่งลงใกล้นางเช่นกันและพูดคุยหัวเราะกันอย่างสบาย ๆ
เนื่องจากรากฐานพลังของจางฟางซิ่นถูกทำลายไปแล้วและถูกกักขังไว้ในคุกของจวนเจ้าเมือง ตระกูลจางจึงตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายและไม่มีตัวแทนคนใดจากตระกูลจางปรากฏตัวอยู่ที่ลานจัตุรัสในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากสามสำนักและเก้านิกายบางส่วนก็ปรากฏตัวที่นี่แล้ว
คนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้นำหรือบุคคลสำคัญของสามสำนักและเก้านิกายและมีความแข็งแกร่งที่โดดเด่นอย่างมาก ฉินอวี้โม่แผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจพลังของพวกเขาและพบว่าจอมยุทธ์หลายคนมีพลังในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุด แม้แต่บางคนฉินอวี้โม่ก็มิอาจสัมผัสถึงพลังของพวกเขาได้ด้วยซ้ำ
“ดูเหมือนว่าตัวแทนจากสามสำนักและเก้านิกายจะใกล้มากันพร้อมหน้าแล้ว”
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนปรับเปลี่ยนกลิ่นอายของตนซึ่งทำให้ยากที่ผู้อื่นจะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของนาง