เวลานี้ผู้อาวุโสทั้งสี่กำลังนั่งรวมตัวและหารือกันอย่างพร้อมหน้าภายในห้องโถง
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของทั้งสี่ไม่สู้ดีนักและแสดงให้เห็นว่ามีการโต้แย้งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่เดินเข้ามา ฮวาลั่วก็ยิ้มให้และกล่าวขึ้นทันที “อวี้โม่ นั่งลงก่อนสิ”
นางกล่าวพลางผายมือไปยังที่ว่างถัดจากผู้อาวุโสสี่ฮวาปี้เพื่อเชิญให้ฉินอวี้โม่นั่งลง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ และนั่งลงถัดจากฮวาปี้ทันที
“ผู้อาวุโสใหญ่ บอกเหตุผลข้ามาเถิดว่าเหตุใดฉินอวี้โม่จึงรับภารกิจนี้ไม่ได้ ?”
ผู้อาวุโสรองฮวาเฉินมองตรงไปที่ฮวาลั่วและกล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อครู่นี้พวกนางกำลังตัดสินใจที่จะมอบภารกิจบางอย่างให้กับฉินอวี้โม่ ทว่าฮวาลั่วกลับปฏิเสธเสียงแข็งทันที ถึงอย่างไรภารกิจจากหอผู้อาวุโสก็ไม่สามารถมอบหมายให้ผู้ใดได้หากผู้อาวุโสทั้งหมดไม่เห็นพ้องตรงกัน
การที่ผู้คุมกฎฝั่งขวาเสนอให้ฉินอวี้โม่รับภารกิจดังกล่าว ทว่าหากฮวาลั่วและฮวาปี้ไม่เห็นด้วย มันก็ยากที่สมหวังได้
“นั่นสิ ฉินอวี้โม่ก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของนิกายหมื่นบุปผา แม้นางเพิ่งเริ่มต้นฝึกฝนที่นี่ได้เพียงประมาณเดือนเดียว นางก็มีคุณสมบัติที่จะรับภารกิจจากหอผู้อาวุโสได้ ศิษย์หลายคนก็เคยลองทำภารกิจนั้นมาก่อนและมันก็ไม่ได้มีภัยร้ายแรงถึงชีวิต แล้วเหตุใดนางจะทำภารกิจนี้ไม่ได้ ?”
ผู้อาวุโสสามฮวาอวี่กล่าวอย่างเห็นด้วยกับฮวาเฉินและพยายามกดดันฮวาลั่วให้ตอบตกลง
“จริงอยู่ว่ามันไม่มีภัยร้ายแรงถึงชีวิต ทว่ามันก็เต็มไปด้วยภยันตรายมากมายนัก ความแข็งแกร่งของอวี้โม่ในตอนนี้ยังไม่ถึงระดับที่จะทำภารกิจนั้นให้สำเร็จได้”
ฮวาลั่วกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา แม้ผู้อาวุโสทั้งสองพยายามกล่าวว่าไม่มีภัยร้าย ทว่าความเป็นจริงแล้วภารกิจดังกล่าวยังเต็มไปด้วยภยันตรายไม่น้อย
สี่ยอดสตรีงามก็เคยรับภารกิจนั้นมาก่อน ทว่าพวกนางล้วนเผชิญกับความล้มเหลว หากมิใช่เพราะผู้คุมกฎฝั่งซ้ายเข้าไปช่วยไว้ เกรงว่าทั้งสี่คงได้รับบาดเจ็บสาหัสกันไปแล้ว
ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ก็ไม่มากเท่าศิษย์พี่ทั้งสี่ด้วยซ้ำ เพราะเหตุนั้นฮวาลั่วจึงคิดว่าภารกิจนี้อันตรายเกินไปสำหรับฉินอวี้โม่
“ผู้อาวุโสใหญ่ดูถูกความสามารถของฉินอวี้โม่มากเกินไปแล้ว การที่นางเอาชนะเหลียนซวงได้ การที่จะกล่าวว่านางเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายหมื่นบุปผาของเราก็ไม่ถือว่าเป็นการกล่าวเกินจริงเลย ไม่มีเหตุผลเลยที่นางจะไม่เหมาะสมกับภารกิจนี้”
ฮวาเฉินจงใจยกยอปอปั้นฉินอวี้โม่โดยการกล่าวถึงเรื่องที่นางเอาชนะเหลียนซวงได้
“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย รบกวนบอกข้าได้รึไม่ว่ามันคือภารกิจประเภทใด ?”
ฉินอวี้โม่ขัดจังหวะการโต้แย้งของบรรดาผู้อาวุโสและเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
ดูเหมือนว่าหอผู้อาวุโสจะมีภารกิจบางอย่างที่ต้องการมอบหมายให้กับนาง เพียงแต่ฮวาลั่วและฮวาปี้ไม่เห็นด้วยโดยคิดว่าจะเป็นภัยร้ายต่อฉินอวี้โม่ ทั้งสองจึงปฏิเสธออกไปอย่างไม่ลังเล
“ฮ่า ๆ ๆ มิใช่ภารกิจที่ยากเกินไปหรอก สมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาของเราสูญหายไปในดินแดนต้องห้ามและเราต้องการมอบหมายภารกิจให้ศิษย์เข้าไปตามหามัน แม้ดินแดนต้องห้ามจะมีอันตรายหลากหลายอย่าง แต่เราก็มั่นใจว่าความแข็งแกร่งในระดับของอวี้โม่น่าจะจัดการได้ไม่ยาก บังเอิญว่าตอนนี้พลังของเจ้าดูจะติดอยู่ในสภาวะชะงักงันแล้ว เราเชื่อว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเจ้าและหวังว่าเจ้าจะทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ”
ฮวาอวี่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและน้ำเสียงเป็นมิตร หากฉินอวี้โม่ไม่ทราบถึงความขัดแย้งระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวามาก่อน เกรงว่านางก็อาจหลงกลเชื่อไปว่าผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสามไม่ได้คิดร้ายกับตน
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ และเมื่อได้ฟังรายละเอียดของ ‘ภารกิจ’ นางก็รู้สึกสนใจขึ้นมา
‘สมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผา’ ฉินอวี้โม่ไม่อาจทราบได้เลยว่ามันคือสิ่งใดและจะมีส่วนช่วยตนได้หรือไม่หลังจากที่ได้มันมาครอง
“ท่านผู้อาวุโส ภารกิจที่ว่านี้มีรางวัลด้วยหรือไม่เจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามออกไปโดยที่ไม่รีบตกปากรับคำ
“แน่นอนว่ามีรางวัลตอบแทนอย่างงาม หากเจ้าทำภารกิจได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่จะได้แต้มหนึ่งพันแต้มเท่านั้น ทว่าสมบัติดังกล่าวก็จะตกเป็นของเจ้าไปโดยปริยาย สมบัติของนิกายหมื่นบุปผาทรงพลังมากและมันจะช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน”
ฮวาเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มและพยายามโน้มน้าวใจฉินอวี้โม่อย่างเห็นได้ชัด
“อวี้โม่ ไม่ต้องไปฟังพวกนางหรอก ภายในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผามีอสูรมายาทรงพลังมากมายและมีข่ายอาคมที่วางไว้โดยบรรพบุรุษมากมายนับไม่ถ้วน ก่อนหน้านี้สี่ยอดสตรีงามก็เคยเข้าไปแล้วและเผชิญกับอันตรายที่มีหนทางรอดเพียงริบหรี่ หากมิใช่เพราะท่านผู้คุมกฎเข้าไปช่วยไว้ เกรงว่าพวกนางคงไม่ได้รอดออกมาแน่ เราไม่เห็นด้วยหากเจ้าจะรับภารกิจนี้ไป”
ฮวาปี้เขย่ามือฉินอวี้โม่เบา ๆ เพื่อโน้มน้าวใจให้นางปฏิเสธภารกิจนี้และเป็นกังวลว่านางจะตอบตกลงเพราะถูกล่อใจด้วยรางวัล
“ใช่ ท่านผู้คุมกฎไม่มีทางเห็นด้วยแน่”
ฮวาลั่วพยักศีรษะและกล่าวต่อ หลังจากคำนวณเวลา นางก็มั่นใจว่าฮวาเยว่น่าจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า
“อย่าตัดสินใจแทนอวี้โม่เลย หากนางยินดีที่จะรับภารกิจนี้ คนอื่น ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ขัดขวางนาง”
ฮวาเฉินตวัดสายตามองฮวาลั่วและฮวาปี้ด้วยแววตาท่าทางที่ทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล บางทีภารกิจนี้อาจเป็นแผนการสมคบคิดของฮวาหรงและอาจมีวิกฤตร้ายรอนางอยู่เบื้องหน้าก็เป็นได้
เพียงแต่ฮวาหรงและคนอื่น ๆ ไม่ทราบถึงไพ่ตายที่แท้จริงของนาง แม้จะเผชิญภยันตรายในดินแดนต้องห้ามมากมายเพียงใด ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าจะรับมือได้อย่างไม่เป็นปัญหา
สำหรับข่ายอาคมที่บรรพบุรุษวางไว้ก็ยิ่งเป็นปัญหาที่แก้ง่ายสำหรับนาง ถึงอย่างไรนางก็เป็นถึงผู้วางข่ายอาคมระดับสูง
อย่างไรก็ตาม หากต้องการรับภารกิจนี้ นางต้องเสนอเงื่อนไขของตนออกไปเสียก่อน
“ข้าสามารถรับภารกิจนี้ได้ เพียงแต่มีเงื่อนไขบางอย่าง”
ฉินอวี้โม่แสร้งทำท่าทางลังเลก่อนกล่าวออกไป
ฮวาเยว่ผู้ซึ่งมาถึงหน้าประตูพอดิบพอดีได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่และเอ่ยถามทันที “เงื่อนไขอะไรรึ ?”
นางไม่ห้ามปรามฉินอวี้โม่แต่อย่างใด ในเมื่อฉินอวี้โม่ตอบรับเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่านางมั่นใจแล้ว นอกจากนี้นางยังมีไพ่ตายซ่อนไว้อีกมากมายและฮวาเยว่เข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดี
“คงจะไม่มีขีดจำกัดสำหรับจำนวนคนที่เข้าร่วมภารกิจนี้ เพราะเหตุนั้นข้าวางแผนที่จะพาพี่ซื่อเทียน ซือถงและเจินเจินไปด้วย รวมถึงศิษย์นอกอีกสองสามคน”
ฉินอวี้โม่กล่าวเงื่อนไขของตน แต้มหนึ่งพันแต้มซึ่งเป็นรางวัลของภารกิจครั้งนี้ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย สิ่งสำคัญคือนางมีคฤหาสน์เฟิงหัวอยู่กับตัว ต่อให้จางซือถงและเหมียวเจินเจินจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก พวกนางก็จะไม่เป็นอันตรายใดและสามารถเอาตัวรอดออกมาได้อย่างไม่เป็นปัญหา
สำหรับศิษย์นอก แน่นอนว่านางก็คิดที่จะพาหานโม่ฉือไปด้วย
ในเมื่อไม่ทราบเลยว่าสถานการณ์ข้างในดินแดนต้องห้ามเป็นอย่างไร การมีหานโม่ฉืออยู่ข้างกายก็ช่วยให้ฉินอวี้โม่มีความมั่นใจมากขึ้นและโอกาสที่จะทำภารกิจได้สำเร็จก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน
“ไม่มีปัญหา ตราบใดที่คนเหล่านั้นยินยอม เจ้าจะพาคนไปมากเพียงใดก็ได้”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่เสนอเงื่อนไขเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ฮวาเฉินก็ไม่ลังเลและตอบตกลงในทันที
ฮวาเยว่ก็เข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดี หากมีหานโม่ฉืออยู่ด้วย ภารกิจนี้ก็มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จสูง
“ข้ายังมีเงื่อนไขอีกประการ ข้าขอเวลาเตรียมความพร้อมสามวันก่อนที่จะเดินทางเข้าไปในดินแดนต้องห้าม”
ฉินอวี้โม่กล่าวต่อว่าตนยังต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เป็นเวลาสามวัน
“ตกลง”
ฮวาเฉินและฮวาอวี่มองหน้ากันเล็กน้อยก่อนตอบตกลงอีกครั้ง
ภายในเวลาเพียงสามวัน พวกนางไม่คิดว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นได้
ฮวาลั่วและฮวาปี้ก็ต้องการที่จะกล่าวบางอย่างออกมา ทว่าถูกฮวาเยว่ปรามไว้ด้วยสายตา
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปเตรียมความพร้อมก่อนนะเจ้าคะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและหันหลังมุ่งหน้าออกจากหอผู้อาวุโส
ฮวาเฉินและฮวาอวี่ก็เพียงถอนหายใจยาวและมุ่งหน้าไปหาฮวาหรง
“ท่านผู้คุมกฎ เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามอวี้โม่ไว้ ?”
ฮวาปี้เอ่ยถามด้วยความงุนงงและสับสนอย่างที่สุด ในเมื่อทราบถึงภยันตรายข้างในนั้น แล้วเหตุใดฮวาเยว่จึงไม่คิดขัดขวางนางไว้ ?
“ฮ่า ๆ ๆ เชื่อมั่นในตัวอวี้โม่เถอะ นางจะทำให้เราต้องประหลาดใจแน่”
ฮวาเยว่ยิ้มบาง ๆ และมั่นใจในฝีมือของฉินอวี้โม่อย่างเต็มเปี่ยม