หลังจากเลือกสิ่งของที่ต้องการ หานโม่ฉือและศิษย์พี่ทั้งสองก็ออกจากหอสมบัติและกลับไปยังหอชั้นนอกของนิกาย ในขณะเดียวกัน ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็กลับไปยังที่พักของตน
เนื่องจากมีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครองและเพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกวิชาให้กับตนเอง ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกฝนบ่มเพาะพลังอยู่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวและไม่ออกไปข้างนอกมากนัก
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คู่ควรแก่การเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาอย่างแท้จริง เมื่อถูกวางไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัว สภาวะพลังข้างในคฤหาสน์เฟิงหัวก็พัฒนาขึ้นมาจนหนาแน่นยิ่งกว่าโลกภายนอกถึงห้าสิบเท่า ฉินอวี้โม่ก็สั่งการให้มารยาจัดวางข่ายอาคมหลายชนิดเพื่อช่วยสนับสนุนในการบ่มเพาะพลังของพวกนางเช่นกัน เพราะเหตุนั้น เหมียวเจินเจินและจางซือถงจึงสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างรวดเร็ว
อวิ๋นซื่อเทียนก็นำวัสดุหลากหลายชนิดที่ได้ครอบครองจากดินแดนต้องห้ามมาพัฒนาเป็นระเบิดพลังมายาโฉมใหม่ที่มีพลังมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่รีบร้อนฝึกวิชานักและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านตำราหลายเล่มที่บันทึกสถานการณ์เกี่ยวกับดินแดนมหาเทพซึ่งยืมมาจากหอสมบัติก่อนหน้านี้
ในเวลานี้ วัตถุดิบสำหรับการพัฒนาปรับโฉมคฤหาสน์เฟิงหัวยังไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือไข่มุกเลี่ยงวารีซึ่งถือเป็นสมบัติระดับเดียวกับไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และหายสาบสูญไปนานนับพันปีแล้ว
ข้อมูลที่นางมีในตอนนี้ก็บ่งบอกเพียงแค่ว่าโดยปกติแล้วไข่มุกเลี่ยงวารีจะปรากฏในท้องทะเลลึกและไม่มีเบาะแสอื่นใดที่เป็นประโยชน์อีก
แม้ความสามารถของคฤหาสน์เฟิงหัวในปัจจุบันจะถือว่าไม่ธรรมดา ทว่ามันก็ไม่สามารถแสดงบทบาทได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้า ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างฮวาฟางเฟยสามารถตรวจจับการล่องหนของมันได้อย่างง่ายดาย นั่นคือสาเหตุที่นางไม่สามารถบุกไปที่เรือนของฮวาฟางเฟยเพื่อสืบข่าวด้วยตัวเอง
หากคฤหาสน์เฟิงหัวได้รับการพัฒนาปรับปรุงมากกว่านี้ นางจะสามารถเข้าไปในเรือนของฮวาฟางเฟยโดยที่ไม่ถูกค้นพบอย่างแน่นอน
นิกายหมื่นบุปผาก็สมกับที่เป็นหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายอย่างแท้จริง ตำราที่มีในหอสมบัติล้วนอยู่ในระดับสูงทั้งสิ้นและบันทึกเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดทุกอย่างในดินแดนอย่างละเอียด รวมถึงมีข้อมูลของขุมกำลังอื่น ๆ ในดินแดนอย่างชัดเจนเช่นกัน
ท่ามกลางตำราหลายเล่มที่ฉินอวี้โม่ยืมมาจากหอสมบัติ หนึ่งในนั้นคือแผนที่ของดินแดนมหาเทพซึ่งระบุรายละเอียดการกระจายตัวของอสูรมายาระดับสูง โอสถระดับสูงและแร่ระดับสูงของทั่วทั้งดินแดน แม้แต่สมบัติพลังฟ้าดินที่ล้ำค่าจำนวนมากก็ถูกบันทึกไว้พร้อมด้วยรายละเอียดที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ได้ไล่อ่านตำราเหล่านั้นอย่างละเอียดและยังไม่พบเบาะแสของไข่มุกเลี่ยงวารีแม้แต่น้อย
ในตำราเหล่านั้นมีระบุไว้เพียงว่าไข่มุกเลี่ยงวารีมักจะปรากฏในท้องทะเลลึกและอยู่ภายใต้การคุ้มกันของอสูรที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งซึ่งผู้ที่ต้องการครอบครองมันจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม มันไม่มีระบุรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงอื่น ๆ และอาจเป็นเพราะผู้ที่เขียนบันทึกเหล่านี้ก็ไม่ทราบรายละเอียดของมันเช่นกัน
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าทราบข้อมูลเกี่ยวกับไข่มุกเลี่ยงวารีบ้างรึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่เรียกไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเอ่ยถาม
สมบัติพลังฟ้าดินย่อมมีการเชื่อมโยงถึงกันและกัน อีกทั้งไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และไข่มุกเลี่ยงวารีก็จัดเป็นสมบัติที่อยู่ในประเภทเดียวกัน บางทีมันอาจมีความเชื่อมโยงถึงกันก็เป็นได้
“นายหญิงกำลังตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีเพื่อพัฒนาคฤหาสน์เฟิงหัวใช่รึไม่ ?”
เสียงใสของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และคาดเดาความต้องการของผู้เป็นนายได้ทันที
“ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนใต้หน้าผานั่นมาตลอด พลังมายาของข้าก็สูญหายไปมากและความแข็งแกร่งก็ไม่มากเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป ข้าไม่สามารถระบุพิกัดที่เฉพาะเจาะจงของไข่มุกเลี่ยงวารีได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ในความทรงจำของข้า ไข่มุกเลี่ยงวารีเคยปรากฏตัวขึ้นมาในบริเวณนี้ก่อนหายสาบสูญไป”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่ขณะพยายามนึกถึงจุดที่ไข่มุกเลี่ยงวารีปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นตอนที่ความแข็งแกร่งของมันยังอยู่ในระดับสูงสุด
ในตอนนั้น ไข่มุกเลี่ยงวารีปรากฏขึ้นและดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมาย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าไม่มีผู้ใดครอบครองมันได้สำเร็จและมันก็หายสาบสูญไปอีกครั้ง
ฉินอวี้โม่มองตามไปยังจุดที่หลิงเอ๋อร์ชี้ตรงไป จุดดังกล่าวคือเขตมหาสมุทรทางเหนือซึ่งเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในดินแดนมหาเทพ กล่าวกันว่าที่แห่งนั้นไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยอสูรมายาทรงพลังนับไม่ถ้วนเท่านั้น ทว่ายังเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มจอมยุทธ์ลับ ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นเหนือชั้นกว่ายอดฝีมือของสามสำนักและเก้านิกายเสียอีกซึ่งกล่าวได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง เพียงแต่โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่ออกไปจากเขตมหาสมุทรทางเหนือ เพราะเหตุนั้นจึงมีเพียงน้อยคนที่ทราบเกี่ยวกับตัวตนของพวกเขาและแทบไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นด้วยตัวเอง
“ดูเหมือนว่าหลังจากการประชันฝีมือภายใน ข้าจะต้องหาเวลาเดินทางไปที่มหาสมุทรทางเหนือสักหน่อย”
หลังจากเก็บแผนที่และจดจำพิกัดที่ไข่มุกเลี่ยงวารีเคยปรากฏ ฉินอวี้โม่ก็วางแผนว่าหลังจากการแข่งขันประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผาสิ้นสุดลง นางจะหาข้ออ้างเพื่อเดินทางออกจากนิกายสักระยะ ทว่าเป้าหมายที่แท้จริงก็คือการตามหาไข่มุกเลี่ยงวารี
จากนั้นเวลาก็ผ่านไปวันแล้ววันเล่าและภายในชั่วพริบตา วันแห่งการประชันฝีมือของนิกายหมื่นบุปผาก็มาถึง
เช้าตรู่ของวันนี้ ฉินอวี้โม่และสหายออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวและเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลานประลอง
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ศิษย์น้องซื่อเทียน ไม่ได้พบกันเสียนาน”
สี่ยอดสตรีงามก็มองเห็นฉินอวี้โม่และคณะจากระยะไกลก่อนเดินเข้ามาทักทายพวกนางพร้อมรอยยิ้ม
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้ล้วนเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในเรือนและไม่คิดต้อนรับแขกแต่อย่างใด นอกเหนือจากเมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อนที่ออกไปพบกับผู้คุมกฎฝั่งซ้ายครั้งหนึ่ง พวกนางก็ไม่เคยออกไปที่ใดอีกเลย กล่าวได้ว่าศิษย์พี่ทั้งสี่เพิ่งพบหน้าพวกนางเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองเดือน
“สวัสดีเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ทั้งสี่”
ฉินอวี้โม่และสหายทั้งสามก็กล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มก่อนทุกคนเดินมุ่งหน้าไปที่ลานประลองด้วยกัน
“เฮ้ ไม่ได้พบหน้ากันหลายวัน ความแข็งแกร่งของศิษย์น้องเจินเจินและศิษย์น้องซือถงพัฒนาขึ้นมากทีเดียว !”
เหมยเซียงหันไปมองเหมียวเจินเจินและจางซือถงซึ่งอยู่ข้างฉินอวี้โม่อย่างพินิจพิจารณาก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
คราก่อนที่พบกัน ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์สตรีทั้งสองคนยังไม่อยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นกลางด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม หลังจากการฝึกวิชาอย่างจริงจังมากกว่าหนึ่งเดือน พลังของทั้งสองก็พัฒนาขึ้นมากและบรรลุขอบเขตราชาเซียนขั้นกลางอย่างสมบูรณ์ซึ่งถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งไม่น้อย ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ เหมยเซียงเกรงว่าอีกไม่นานทั้งสองจะเหนือกว่าพวกตนเป็นแน่
“ฮ่า ๆ ๆ เรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่อวี้โม่ ไม่เช่นนั้นพวกเราก็คงจะไม่มีทางพัฒนาได้เร็วเช่นนี้”
เหมียวเจินเจินและจางซือถงหัวเราะเบา ๆ โดยที่ไม่อธิบายสิ่งใดมากนัก คฤหาสน์เฟิงหัวยังคงเป็นความลับต่อคนภายนอกซึ่งมีคนทราบเกี่ยวกับมันเพียงไม่มากนักและพวกนางก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยให้ผู้ใดทราบในตอนนี้
สี่ยอดสตรีงามก็พยักศีรษะและเข้าใจไปเองว่าเหมียวเจินเจินกำลังกล่าวถึงไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พวกนางจึงไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้พวกนางก็ได้สืบข้อมูลของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาแล้วและทราบถึงบทบาทของมันเป็นอย่างดี ถึงอย่างไรสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาก็จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ในเมื่อฉินอวี้โม่ครอบครองไข่มุกวิเศษดังกล่าวอยู่ เหมียวเจินเจินและจางซือถงที่อยู่กับนางตลอดก็จะต้องได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
ในขณะที่พูดคุยและหัวเราะกันอยู่นั้น ทุกคนก็มาถึงหน้าลานประลองพอดิบพอดี
บริเวณหน้าลานประลองในตอนนี้มีศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาหลายคนมารวมตัวกันแล้ว เนื่องจากนี่เป็นการประชันฝีมือของนิกาย ศิษย์นอกจึงได้รับอนุญาตให้เข้ามายังหอชั้นในเป็นกรณีพิเศษและมีสิทธิ์รับชมการแข่งขันครานี้
เมื่อมองดูจากระยะไกล พวกนางก็สังเกตเห็นหานโม่ฉือผู้โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน
ในเวลานี้ หานโม่ฉือก็มองเห็นฉินอวี้โม่แล้ว เขาจึงเดินตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว เฉียนจ้วงและเถียนเล่นซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับฉินอวี้โม่ก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน
ศิษย์นอกคนอื่น ๆ มองฉินอวี้โม่อย่างสงสัยใคร่รู้และมีผู้คนเพียงไม่มากเท่านั้นที่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่
เมื่อเดินเข้ามายืนข้างกายฉินอวี้โม่ เขาก็พยักศีรษะให้กับสหายทุกคนเป็นการทักทายก่อนจับมือฉินอวี้โม่ไว้แน่น
“นี่คือสามีของศิษย์น้องอวี้โม่ ศิษย์นอกที่ฝีมือดีที่สุดในตอนนี้…ศิษย์น้องหานโม่ฉือ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ศิษย์พี่ฝั่งซ้ายหลายคนได้พบกับหานโม่ฉือ พวกนางที่กำลังยืนอยู่ด้วยกันจึงอดซุบซิบนินทาไม่ได้ ทว่าเสียงของพวกนางก็ดังมากพอที่คนอื่น ๆ จะได้ยินอย่างชัดเจน