ณ นิกายเมฆาล่องลอย จ้าวนิกายทุกคนกำลังหารือถึงปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นในชายฝั่งทางเหนือ หลังจากการหารือนี้สิ้นสุดก็ได้ข้อสรุปว่าแต่ละนิกายจะส่งศิษย์ฝีมือดีที่สุดจำนวนหนึ่งไปยังชายฝั่งทางเหนือเพื่อร่วมกันแก้ไขสถานการณ์ที่นั่น
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของฮวาฟางเฟยทันที ศิษย์ฝีมือดีที่สุดของนิกายหมื่นบุปผาในปัจจุบันนี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนนั่นเอง การเดินทางไปยังชายฝั่งทางเหนือในครานี้จึงเป็นหน้าที่ที่พวกนางจะได้รับมอบหมาย ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ต้องการทราบว่าแท้ที่จริงแล้วฉินอวี้โม่แข็งแกร่งมากเพียงใด…
อีกฟากหนึ่งของดินแดน การแข่งขันประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผาดำเนินมาถึงวันสุดท้ายแล้ว
หลังจากการประชันฝีมืออย่างดุเดือดเมื่อวานนี้และตัดสินสิบคนสุดท้ายได้ ถัดไปทั้งสิบคนนั้นก็เพียงต้องเลือกคู่ต่อสู้และท้าดวลกับคนเหล่านั้น และการประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผาในครานี้ก็จะถือเป็นอันสิ้นสุดลง
ลานประลองในวันนี้คึกคักเป็นอย่างยิ่ง บรรดาศิษย์ที่ตกรอบก่อนหน้านี้ทั้งหมดมารวมตัวกันทั่วบริเวณลานประลองอย่างเนืองแน่นอีกครั้ง
ทุกคนทราบดีว่าการประชันฝีมือในวันสุดท้ายนี้คือวันที่ดุเดือดมากที่สุดและทราบว่าฉินอวี้โม่จะท้าดวลกับเหลียนซวงอีกครา
ความบาดหมางระหว่างทั้งสองเป็นสิ่งที่ทราบกันโดยทั่วไปและแน่นอนว่าการประชันฝีมือของพวกนางจะดึงดูดความสนใจของทุกคน
“พวกเจ้าคิดว่าใครจะได้อันดับหนึ่งของการประชันฝีมือครานี้ไปครอง ?”
บรรดาศิษย์จับตัวกันเป็นกลุ่มสองถึงสามคนขณะกระซิบกระซาบกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของการแข่งขันในครานี้
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าศิษย์น้องอวี้โม่จะเอาชนะเหลียนซวงได้หรือไม่ หากนางเป็นฝ่ายชนะ อันดับหนึ่งของการประชันฝีมือครานี้ก็จะตกเป็นของนางอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าหากนางพ่ายแพ้ก็อาจจะมีศิษย์คนอื่นที่คิดท้าดวลกับเหลียนซวงอีก เพราะเหตุนั้น ตำแหน่งอันดับหนึ่งจึงยังไม่แน่ชัดนัก”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าววิเคราะห์สถานการณ์ การตัดสินผู้ชนะเลิศในครานี้มีแนวโน้มสูงว่าจะตัดสินจากการประชันฝีมือระหว่างฉินอวี้โม่และเหลียนซวง
หากฉินอวี้โม่เอาชนะเหลียนซวงได้สำเร็จก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนอีกครั้งว่าความแข็งแกร่งของนางเป็นสิ่งที่ไร้ข้อกังขาและจะไม่มีผู้ใดกล้าท้าดวลนางอีก นั่นคือนางคู่ควรแก่การครองอันดับหนึ่งของการประชันฝีมือภายในอย่างแท้จริง ทว่าหากฉินอวี้โม่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เหลียนซวงผู้ครองอันดับหนึ่งเดิมก็น่าจะยังได้ครองเป็นอันดับหนึ่งต่อไป ถึงอย่างไรแล้วความแข็งแกร่งของเหลียนซวงก็จัดเป็นอันดับต้น ๆ ของนิกายหมื่นบุปผามาเสมอและมีศิษย์เพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะเอาชนะนางได้
“แล้วสี่ยอดสตรีงามล่ะ สถานการณ์ของพวกนางจะเป็นอย่างไร ?”
ศิษย์ฝั่งซ้ายหลายคนก็เกิดความสงสัยและครานี้มีศิษย์ฝั่งซ้ายหลายคนที่มีโอกาสเข้าร่วมการประชันฝีมือในรอบสุดท้าย สี่ยอดสตรีงามของฝั่งซ้ายก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับของการประชันฝีมือคราก่อนเช่นกันและอาจจะถูกคนอื่นท้าดวลได้ ทว่าหากพวกนางต้องการไต่อันดับสูงขึ้น แน่นอนว่าพวกนางสามารถเลือกที่จะท้าดวลกับผู้อื่นได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นเหลียนซวงซึ่งเป็นผู้ครองอันดับหนึ่งของปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางทั้งสี่คน เหมยเซียงและจวี๋เซียงก็เคยต่อสู้กับเหลียนซวงมาก่อนและพวกนางมิใช่คู่มือของอีกฝ่าย เพราะเหตุนั้น ครานี้จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะมีใครในทั้งสี่คนที่คว้าอันดับหนึ่งมาครองได้
“ศิษย์น้องอวิ๋นซื่อเทียนก็ฝีมือที่ล้ำเลิศทีเดียว ไม่อาจทราบได้เลยว่านางจะเลือกท้าดวลกับศิษย์พี่คนใด”
หลังจากพ่ายแพ้ ‘การประชันฝีมือ’ กับฉินอวี้โม่เมื่อวานนี้ อวิ๋นซื่อเทียนก็ได้ประชันฝีมืออีกครั้งกับคู่ต่อสู้ที่เป็นศิษย์พี่ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่คนดังกล่าวไม่แตกต่างจากสี่ยอดสตรีงามมากนักและมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นซื่อเทียนมิได้ให้โอกาสศิษย์พี่คนดังกล่าวแม้แต่น้อยและการต่อสู้ระหว่างทั้งสองสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในพื้นผิวภายนอกก็ดูเหมือนว่าอวิ๋นซื่อเทียนจะไม่เผชิญกับความยากลำบากเลย
บรรดาศิษย์หลายคนประหลาดใจกับสิ่งที่ได้เห็น ทุกคนทราบดีว่าความแข็งแกร่งของอวิ๋นซื่อเทียนไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าจะทรงพลังมากเช่นนั้น การเอาชนะศิษย์พี่ที่มีความแข็งแกร่งภายนอกเหนือกว่าตนได้อย่างสบาย ๆ เช่นนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอวิ๋นซื่อเทียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินอวี้โม่เลย
“น่าเสียดายที่ศิษย์น้องทั้งสองไม่มีทางต่อสู้กันอย่างจริงจัง ข้าตั้งหน้าตั้งตารอดูการประชันฝีมือระหว่างพวกนางจริง ๆ”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าวและถอนหายใจด้วยความเสียดายพลางคิดว่าหากฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนประชันฝีมือกันก็คงจะเป็นคู่ที่ตราตรึงอย่างมาก
ระหว่างที่ศิษย์หลายคนกำลังพูดคุยกัน ผู้คนในนิกายก็มารวมตัวกันเกือบทั้งหมด
เนื่องจากฮวาฟางเฟยยังไม่กลับมา ผู้คุมกฎทั้งสองและผู้อาวุโสทั้งสี่คนจึงยังเป็นผู้ที่ดูแลจัดการความเรียบร้อยของการประชันฝีมือทั้งหมด
พวกนางก็เริ่มจากการประกาศกฎของการประชันฝีมือในวันนี้ซึ่งไม่ได้มีอะไรมาก นั่นก็คือการเลือกคู่ต่อสู้ที่ต้องการท้าดวลและห้ามผู้ใดหมายเอาชีวิตอีกฝ่าย
หลังจากประกาศกฎเกณฑ์เสร็จสิ้น ผู้อาวุโสทั้งหลายก็นั่งลงและรอให้การต่อสู้ในวันสุดท้ายเริ่มต้น
พวกนางทราบเช่นกันว่าฉินอวี้โม่จะท้าดวลกับเหลียนซวงและการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคือคู่ที่น่าสนใจมากที่สุดในวันนี้
เป็นจริงดังที่คิดไว้ ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและลุกขึ้นก่อนเดินไปหยุดลงตรงหน้าเหลียนซวงอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่ โปรดชี้แนะข้าด้วย”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและเชื้อเชิญเหลียนซวงขึ้นบนสังเวียนด้วยท่าทางสุภาพ
นางไม่แสดงให้เห็นถึงความเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ หากเป็นคนที่ไม่ทราบมาก่อนก็อาจคิดไปได้ว่าฉินอวี้โม่และเหลียนซวงมีความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกัน ไม่มีทางเลยที่จะเชื่อว่าคนทั้งสองมีเรื่องบาดหมางกันนับครั้งไม่ถ้วน
“เหอะ ! ฉินอวี้โม่ วันนี้ข้าจะไม่ยั้งมือแน่ !”
เหลียนซวงแค่นเสียงเย็นชาขณะยืนขึ้นและเหาะตรงไปยังสังเวียนประลอง
ฉินอวี้โม่ก็เหาะตามไปและยืนประจันหน้ากับนางอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน เหตุใดเราไม่เริ่มการต่อสู้ของเราหลังจากรับชมการประชันฝีมือของพวกนางก่อนล่ะ ?”
จู๋เซียงกล่าวกับศิษย์ผู้เข้ารอบคนอื่น ๆ และแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการต่อสู้ไปพร้อมกับฉินอวี้โม่ ทุกคนสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการประชันฝีมือครานี้เป็นอย่างมากและต้องการได้เห็นพลังของคู่ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างฉินอวี้โม่และเหลียนซวง
“ตกลง พวกเราก็ไม่อยากพลาดการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนี้เช่นกัน”
หลายคนไม่คิดค้านและพยักศีรษะด้วยสีหน้าตื่นเต้นทันที
“อวี้โม่ ไม่ต้องกังวล หากเจ้าแพ้ ข้าจะล้างแค้นให้เจ้าเอง !”
อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัดพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
ในการต่อสู้กับเหลียนซวง นางมั่นใจว่าฉินอวี้โม่จะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน อันที่จริงอวิ๋นซื่อเทียนกำลังลังเลในใจว่าควรรอให้เหลียนซวงพ่ายแพ้ก่อนหรือไม่จึงจะท้าดวลกับนางอีกครั้ง…
“ข้าไม่ปล่อยให้ท่านมีโอกาสนั้นหรอก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างมั่นใจและเปิดฉากโจมตีเข้าใส่เหลียนซวงก่อน
แม้ยังคงดูถูกดูแคลนฉินอวี้โม่อยู่มากนัก ทว่าการดวลฝีมือกันก่อนหน้านี้ก็ทำให้เหลียนซวงรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย
พลังมายาถูกแผ่ออกไปครอบคลุมทั่วทั้งร่างของนางทันทีและเปลี่ยนกลายเป็นม่านป้องกันเพื่อมิให้ฉินอวี้โม่ทำอันตรายใดต่อนางได้
จากนั้น กระบี่เล่มยาวส่องแสงประกายก็ปรากฏในมือของเหลียนซวงและโจมตีตรงเข้าหาฉินอวี้โม่
ในการดวลฝีมือกันก่อนหน้านี้ การที่ไม่ได้แสดงฝีมืออย่างสุดความสามารถทำให้เหลียนซวงเชื่อว่าสาเหตุที่ตนพ่ายแพ้ให้กับฉินอวี้โม่เป็นเพราะความประมาท อีกทั้งก็ยังไม่ได้รับรู้ถึงรูปแบบการโจมตีของฉินอวี้โม่มาก่อน ทว่าด้วยการที่เตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดีในครานี้ เหลียนซวงจึงมั่นใจว่าจะไม่มีทางเพลี่ยงพล้ำอย่างแน่นอน
ทั้งสองต่อสู้กันและพลังมายาระเบิดออกกลางอากาศจนเกิดคลื่นความผันผวนไปทั่ว
ความแข็งแกร่งภายนอกของฉินอวี้โม่ยังคงต่ำกว่าขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงในขณะที่เหลียนซวงเป็นถึงจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นสูงสุดซึ่งถือว่าเป็นช่องว่างของระดับพลังที่ต่างกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ที่แท้จริง พลังของทั้งสองกลับไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
การอาศัยข้อได้เปรียบด้านความเร็วและพลังมายาที่บริสุทธิ์ทำให้ฉินอวี้โม่ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการประจันหน้ากันโดยตรง
กระบี่ยาวในมือของนางห่อหุ้มไปด้วยพลังมายาปริมาณมหาศาลและสามารถโจมตีเข้าไปที่ม่านป้องกันของเหลียนซวงได้ทุกครา ส่งผลให้พลังป้องกันของมันลดน้อยลงเรื่อย ๆ
เพลงกระบี่ส่วนใหญ่ของเหลียนซวงก็ถูกฉินอวี้โม่หลบหลีกไปได้อย่างง่ายดายและไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามใด ๆ ต่อนางด้วยซ้ำ
สำหรับความเร็วอันน่าทึ่งของฉินอวี้โม่ แม้แต่ฮวาฟางเฟยก็อาจเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับเหลียนซวงผู้นี้
จากนั้นทั้งสองก็ปลดปล่อยกระบวนท่าโจมตีไปหลายสิบครั้ง ทว่าก็ยังตัดสินผลแพ้ชนะกันไม่ได้
สีหน้าของเหลียนซวงกลายเป็นตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจู่ ๆ การโจมตีของนางก็ชะลอตัวลง
ในเวลานี้ ร่างของนางพุ่งถอยออกไปในระยะไกลก่อนที่กลุ่มของพลังมายาจะก่อตัวขึ้นมาตรงหน้า ราวกับว่านางกำลังจะใช้ทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังบางอย่าง