ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากขณะมองดูการเคลื่อนไหวของเหลียนซวง
เห็นได้ชัดว่าตราบใดที่ต้องการ นางก็สามารถขัดจังหวะเหลียนซวงได้ทุกเมื่อเพื่อขัดขวางมิให้อีกฝ่ายใช้ทักษะยุทธ์ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่ต้องการทำเช่นนั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างนางและเหลียนซวงเปรียบดั่งน้ำกับไฟ หากนางขัดขวางการโจมตีของอีกฝ่ายในตอนนี้ มันก็ไม่สามารถทำลายความมั่นใจของเหลียนซวงไปได้ สิ่งที่ฉินอวี้โม่ต้องการคือการเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างราบคาบและให้บทเรียนที่สาสมจนเหลียนซวงไม่กล้าคิดที่จะต่อสู้กับตนเองอีกในอนาคต
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่เพียงหยุดนิ่งและหลับตาลงขณะคลื่นพลังมหาศาลแผ่ปกคลุมทั่วร่างกาย
พลังมายาจากทั่วบริเวณรอบตัวก็พุ่งตรงเข้าหาฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว แม้แต่พลังมายาที่ก่อตัวตรงหน้าเหลียนซวงเมื่อครู่ก็ได้รับผลกระทบและหลั่งไหลเข้าหาฉินอวี้โม่เช่นกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?!”
สีหน้าของเหลียนซวงเปลี่ยนไปทันที เมื่อครู่นี้ทักษะยุทธ์ของนางกำลังจะก่อรูปร่างขึ้นมา ทว่าจู่ ๆ พลังมายาก็เริ่มจางหายไปส่งผลให้กระบวนท่าดังกล่าวถูกทำลายและไม่สามารถใช้งานได้อีก
“วิชาช่วงชิงพลังมายา !”
สีหน้าของฮวาหรงผู้ซึ่งนั่งชมการต่อสู้ระหว่างทั้งสองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะอุทานเสียงดังออกมา
“มันคือวิชาช่วงชิงพลังมายาจริง ๆ !”
สีหน้าของฮวาเฉินและฮวาอวี่ก็บิดเบี้ยวเหยเกอย่างเห็นได้ชัด พวกนางคาดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะใช้วิชาที่ทรงพลังเช่นนี้ออกมา
วิชาช่วงชิงพลังมายาคือวิชายุทธ์ในตำนานที่มีเพียงจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าเท่านั้นที่จะเรียนรู้ได้ มันเป็นการใช้เขตแดนพลังเพื่อดึงดูดพลังมายารอบตัวจนส่งผลให้พลังของคู่ต่อสู้ลดน้อยลงและไม่สามารถแสดงพลังอำนาจได้อย่างเต็มที่
ในเวลานี้ พลังมายารอบตัวเหลียนซวงก็กำลังถูกฉินอวี้โม่ดูดกลืนไปด้วยวิชาช่วงชิงพลังมายาในตำนานนี้
การที่ฉินอวี้โม่แสดงวิชายุทธ์ที่ทรงพลังและเผด็จการเช่นนี้ออกมา เหลียนซวงก็ไม่สามารถปลดปล่อยการโจมตีของตนออกไปได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการจะทำร้ายฉินอวี้โม่ได้
“ข้าจะสู้อย่างไรได้อีก ?”
ขณะพลังมายาหนาแน่นรอบตัวค่อย ๆ หายไป เหลียนซวงก็รู้สึกได้ว่าแม้แต่พลังมายาภายในร่างของนางก็เหมือนจะถูกดูดออกไปเช่นกันส่งผลให้ไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่
“เสี่ยวอวี้โม่เรียนรู้วิชาช่วงชิงพลังมายามาตั้งแต่เมื่อใดกัน ?”
ฮวาเยว่และคนอื่น ๆ ชะงักนิ่งด้วยความตกตะลึงเช่นกัน แม้แต่พวกนางก็ยังไม่สามารถเรียนรู้วิชาช่วงชิงพลังมายาที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้ หากฝึกฝนได้สำเร็จ มันก็มากพอที่จะช่วยให้พวกนางกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดนได้ และต่อให้ต้องต่อสู้กับฮวาฟางเฟย พวกนางก็อาจจะไม่ตกเป็นรองอีก
“พรสวรรค์ของอวี้โม่ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ต้องยอมรับเลยว่าพรสวรรค์ของพวกเราด้อยกว่านางมากทีเดียว”
ฮวาลั่วและฮวาปี้ถอนหายใจยาวทว่ารู้สึกยินดีกับฉินอวี้โม่จากใจจริง ด้วยพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมเช่นนี้ สตรีผู้นี้จะกลายเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพได้อย่างแน่นอน
“เป็นอย่างไรบ้าง ศิษย์พี่เหลียนซวง วิชายุทธ์ใหม่ที่ข้าเพิ่งเรียนรู้มาถือว่าไม่เลวเลยสินะ ?”
ฉินอวี้โม่ไม่รู้ตัวเลยว่าวิชายุทธ์ที่นางแสดงออกไปจะก่อให้เกิดความตกตะลึงและความฮือฮาเช่นนี้ ในตอนแรกเริ่ม นางก็ไม่คิดเช่นกันว่านางจะทำความเข้าใจวิชาช่วงชิงพลังมายาซึ่งเป็นวิชายุทธ์ที่เหนือธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ ขณะที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัว จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็ตระหนักได้ว่าหากสามารถดูดกลืนพลังมายารอบตัวคู่ต่อสู้มาได้ จากนั้นนางก็จะมีพลังในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าตนได้ หลังจากศึกษาวิเคราะห์อย่างจริงจังนานกว่าสิบวัน นางก็ทำความเข้าใจวิชายุทธ์ดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง ทว่ายังไม่ชำนาญเท่าใดนัก
เดิมทีนางเพียงต้องการยับยั้งพลังของเหลียนซวงเท่านั้น หากทราบว่าการใช้วิชาดังกล่าวจะก่อให้เกิดความฮือฮาที่ไม่จำเป็นเช่นนี้ นางก็คงจะไม่แสดงมันออกมา
“เหอะ ฉินอวี้โม่ เจ้าคิดว่าเจ้าเอาชนะข้าได้แล้วรึ ?”
แม้ว่าเหลียนซวงจะแอบรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ในใจ ทว่านางก็ไม่แสดงมันออกมาทางสีหน้า นางเพียงแค่นเสียงเย็นชาและกำหมัดเล็กน้อยขณะคลื่นพลังเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่คือไม้ตายในการเอาตัวรอดที่ฮวาหรง—ผู้คุมกฎฝั่งขวาสอนนางไว้ซึ่งสามารถเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วได้ในเวลาสั้น ๆ โดยที่ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ หากเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า ต่อให้จะเอาชนะไม่ได้ นางก็สามารถหลบหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย
เหลียนซวงไม่ต้องการพ่ายแพ้ต่อฉินอวี้โม่ซ้ำเป็นครั้งที่สอง เดิมทีนางก็ไม่อยากใช้ไม้ตายนี้ด้วยซ้ำ ทว่าในตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอีกต่อไป
พลังมายารอบตัวก่อตัวรวมกันตรงหน้าเหลียนซวงอีกครา ถึงอย่างไรวิชาช่วงชิงพลังมายาของฉินอวี้โม่ก็เป็นวิชายุทธ์ที่นางยังไม่ชำนาญอย่างสมบูรณ์และยังไม่สามารถยับยั้งพลังทั้งหมดของเหลียนซวงได้
ทั้งสองยืนนิ่งและเริ่มรวบรวมพลังเพื่อปลดปล่อยการโจมตีของตน
“ผู้คุมกฎฝั่งขวา จัดวางม่านป้องกันไว้รอบ ๆ เถอะ”
ฮวาเยว่สัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่อัดแน่นในกระบวนท่าของทั้งสองฝ่ายและหันไปกล่าวกับฮวาหรงทันที
ฮวาหรงพยักศีรษะตอบรับและร่วมมือกับฮวาเยว่เพื่อสร้างม่านป้องกันขึ้นมารอบสังเวียนและป้องกันมิให้พลังการโจมตีของฉินอวี้โม่และเหลียนซวงรั่วไหลออกมาได้
ในเวลานี้ พลังมายาตรงหน้าเหลียนซวงก็ก่อตัวรวมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนกลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยพลังอันแรงกล้าจนทำให้ท้องฟ้าโดยรอบมืดหม่นลงอย่างรวดเร็ว
“นั่นมันทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดของนิกายหมื่นบุปผา…พายุหมุนสะท้านเวหา !”
เมื่อมองเห็นทักษะยุทธ์ของเหลียนซวงที่กำลังก่อตัว ความกังวลก็ปรากฏในแววตาของเหมยเซียงทันที ความแข็งแกร่งของเหลียนซวงในตอนนี้เทียบเท่าได้กับขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดซึ่งถือว่าน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก แม้แต่บรรดาผู้อาวุโสของนิกายก็ไม่กล้าประจันหน้ากับทักษะยุทธ์ดังกล่าวอย่างซึ่งหน้าด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับฉินอวี้โม่ที่เป็นเพียงศิษย์คนหนึ่ง
ฉินอวี้โม่ก็จับตาดูการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเหลียนซวงอย่างไม่ละสายตาก่อนพลังมายาของนางจะพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วและพายุหมุนสะท้านเวหาที่ทรงพลังไม่น้อยไปกว่าเหลียนซวงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนางเช่นกัน ซึ่งมันอัดแน่นไปด้วยพลังที่ไร้ที่สิ้นสุด
“แม่เจ้า ศิษย์น้องอวี้โม่ก็เรียนรู้ทักษะยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายหมื่นบุปผาของเราจนสำเร็จแล้วรึ ?!”
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ ศิษย์คนหนึ่งก็อุทานด้วยความประหลาดใจ
พายุหมุนสะท้านเวหาคือทักษะยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดของนิกายหมื่นบุปผาและโดยทั่วไปจะถ่ายทอดให้กับศิษย์หลักของนิกายเท่านั้น การใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังนี้ต้องใช้พลังมายาและพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าเป็นอย่างมากและในทั่วทั้งนิกายหมื่นบุปผานี้ก็มีศิษย์เพียงน้อยคนเท่านั้นที่ใช้มันได้
คาดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่ที่เพิ่งเข้าร่วมนิกายได้เพียงไม่นานจะเรียนรู้วิชานี้ได้สำเร็จแล้ว อีกทั้งพลังของนางในเวลานี้ก็ไม่ด้อยไปกว่าเหลียนซวงผู้ซึ่งมีระดับพลังที่เหนือกว่าตัวนางเสียอีก ฉินอวี้โม่ผู้นี้ช่างเป็นจอมยุทธ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
“ไม่ ศิษย์น้องอวี้โม่น่าจะกำลังศึกษามันอยู่ในตอนนี้”
หลานเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ความสามารถในการทำความเข้าใจของฉินอวี้โม่ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก เพียงมองดูการกระทำของเหลียนซวง ฉินอวี้โม่ก็ทำความเข้าใจทักษะยุทธ์นี้ได้มากพอสมควรโดยที่พลังของพายุหมุนสะท้านเวหาของนางก็ไม่ด้อยไปกว่าเหลียนซวงหรืออาจจะถึงขั้นเหนือกว่าด้วยซ้ำ
“ลืมมันไปเถอะ ศิษย์น้องอวี้โม่เก่งกาจเหนือมนุษย์จริง ๆ พวกเราเทียบกับนางไม่ได้เลยสักนิด การที่นางจะทำเช่นนี้ได้ก็มิใช่เรื่องแปลกหรอก”
ศิษย์คนอื่น ๆ ถอนหายใจไม่ต่างกัน ทว่าในหัวใจก็รู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
“ลุย !”
เหลียนซวงกล่าวขึ้นเบา ๆ และพายุหมุนทรงพลังที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังมายาก็พุ่งตรงเข้าหาฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ก็โบกมือไปข้างหน้าเล็กน้อยเช่นกันขณะเรียนรู้ทักษะจากเหลียนซวงจนเข้าใจได้ในระดับหนึ่งและปลดปล่อยพายุหมุนของตนออกไปประจันหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง
พลังรุนแรงจากทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างจังและเกิดเสียงดังสนั่น ทันใดนั้น ลมกระโชกแรงก็พัดไปทั่วบริเวณและฝุ่นดินปลิวตลบอบอวลไปทั่วจนผู้คนทั่วลานประลองต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีราวกับสภาพแวดล้อมรอบ ๆ จะเปลี่ยนกลายเป็นนรกบนดินก็ว่าได้ มั่นใจได้เลยว่าหากผู้ใดติดอยู่ในวังวนของการโจมตีดังกล่าว ร่างของคนเหล่านั้นจะต้องแหลกละเอียดจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกสักชิ้นเดียวอย่างแน่นอน
การปะทะครั้งนี้ดำเนินไปนานถึงหนึ่งก้านธูปก่อนสภาพแวดล้อมจะค่อย ๆ สงบลงในที่สุด
ทุกคนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและมองตรงไปยังจุดที่ฉินอวี้โม่และเหลียนซวงยืนประจันหน้ากันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม บนสังเวียนประลอง ในจุดที่ทั้งสองยืนอยู่เมื่อครู่นี้กลับกลายเป็นความว่างเปล่า และร่างของฉินอวี้โม่และเหลียนซวงได้หายไปจากทัศนวิสัยของทุกคน
ตูมมม !
เสียงดังสนั่นปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างหนึ่งร่วงดิ่งลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกเข้าที่สังเวียนอย่างแรงจนเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
“ท่านแพ้แล้ว !”
น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นในหูของทุกคนและร่างของฉินอวี้โม่ก็ปรากฏกลางอากาศตรงหน้า แม้สภาพของนางในตอนนี้จะดูไม่ดีนัก แต่รอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าของนางก็เผยออกมาอย่างชัดเจนต่อทุกสายตา ในเวลานี้มือของนางกำลังถือกระบี่เล่มยาวขณะก้มลงมองเหลียนซวงที่อยู่ในหลุมขนาดใหญ่เบื้องล่าง