เมื่อการประชันฝีมือสิ้นสุดลง ทุกคนก็ได้รับรางวัลของตนและแยกย้ายกันกลับไปในที่พักของตนเอง
รางวัลสำหรับผู้ชนะอันดับหนึ่งก็ถือว่ามั่งคั่งสมบูรณ์ทีเดียว ไม่เพียงแต่จะได้รับห้าร้อยแต้มในทันทีเท่านั้น ทว่านอกเหนือจากนี้ ฉินอวี้โม่จะได้รับแต้มพิเศษหนึ่งร้อยแต้มในทุก ๆ เดือน
แม้ในเวลานี้จะไม่มีสิ่งใดในหอสมบัติของนิกายที่ฉินอวี้โม่ให้ความสนใจนัก ทว่าแต้มเหล่านี้ก็สามารถใช้เพื่อแลกแร่หรือโอสถระดับสูงซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนางอย่างยิ่ง
สิบอันดับสุดท้ายของการประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผาครานี้มีศิษย์ฝั่งขวาเพียงสามคนเท่านั้นและทั้งสามล้วนอยู่ในอันดับที่ต่ำอย่างมาก หากเปรียบเทียบกัน กล่าวได้ว่าฝั่งซ้ายโดดเด่นกว่าอย่างชัดเจน
นอกเหนือจากสี่ยอดสตรีงามผู้ซึ่งแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พรสวรรค์อันน่าทึ่งที่ฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนแสดงให้เห็นก็เป็นสิ่งที่ชวนให้ตกตะลึงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ก็ยังมีศิษย์พี่ที่แข็งแกร่งอีกคนที่ผ่านเข้ามาเป็นหนึ่งในสิบอันดับสุดท้ายได้
หลังจากการประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผาจบลงได้สามวัน กิเลนอัคคีและมารยาก็กลับมาและแจ้งฉินอวี้โม่ให้ทราบเกี่ยวกับข่าวที่ออกไปสืบก่อนหน้านี้
เมื่อทราบว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชายฝั่งทางเหนือ ฉินอวี้โม่ก็มีแผนการหนึ่งขึ้นมาในใจ
ไข่มุกเลี่ยงวารีที่นางตามหาเคยปรากฏให้เห็นในน่านน้ำของมหาสมุทรทางเหนือและนางต้องการไปที่นั่นด้วยตัวเอง ในเมื่อตอนนี้เกิดเรื่องที่ชายฝั่งทางเหนือ ขุมกำลังใหญ่ทั้งหมดก็น่าจะส่งตัวแทนไปช่วยสถานการณ์ที่นั่น ด้วยวิธีนี้ ฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ฝีมือดีของนิกายหมื่นบุปผาจะถูกส่งไปที่ชายฝั่งทางเหนืออย่างแน่นอนและอาจได้มีโอกาสตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีไปในเวลาเดียวกัน
อวิ๋นซื่อเทียนเองก็กระตือรือร้นที่จะไปที่นั่นเช่นกัน ทักษะวิชาของนิกายหมื่นบุปผาช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของนางได้ไม่มากนัก มีเพียงการออกไปท่องโลกและฝึกปรือฝีมือเท่านั้นที่นางจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ในทางตรงกันข้าม จางซือถงและเหมียวเจินเจินไม่มีท่าทีสนใจเท่าใด ความแข็งแกร่งของพวกนางในตอนนี้ยังไม่มากพอและจะทำได้เพียงถ่วงแข้งถ่วงขาของฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนเท่านั้น
ถึงอย่างไรเขตมหาสมุทรทางเหนือก็เต็มไปด้วยภยันตรายและซับซ้อนอย่างที่สุด ตัวแทนของทุกขุมกำลังที่ถูกส่งไปที่นั่นจะต้องเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ซึ่งความแข็งแกร่งของพวกนางยังไม่ถึงระดับนั้น
เป็นจริงดังที่คิดไว้ ไม่นานหลังจากได้รับข่าวจากมารยาและกิเลนอัคคี จ้าวนิกายฮวาฟางเฟยก็ส่งคนมาตามฉินอวี้โม่และทุกคนไปรวมตัวที่ลานจัตุรัส
ในเวลานี้ ฮวาฟางเฟยก็เพิ่งกลับมาถึงนิกายหลังจากหารือวิธีการแก้ไขปัญหากับจ้าวนิกายคนอื่น ๆ
“ทุกคน ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นที่ชายฝั่งทางเหนือ ขุมกำลังใหญ่ทั้งหมดจะเลือกส่งศิษย์ฝีมือดีบางส่วนไปที่นั่นเพื่อช่วยให้ประชากรที่นั่นผ่านพ้นวิกฤติในครานี้ไป ชายฝั่งทางเหนือเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง ข้าจึงจะส่งผู้คุมกฎฝั่งซ้ายไปและนำศิษย์สิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดไปด้วยเช่นกัน”
นางกล่าวถึงแผนการที่วางไว้ทันทีและไม่คิดปิดบังจากทุกคน
ต้องกล่าวเลยว่าหากไม่ทราบสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่และสหายคงเชื่อว่าฮวาฟางเฟยเป็นจ้าวนิกายที่ดีซึ่งมีทั้งความแข็งแกร่งและมีใจปกป้องศิษย์ของนิกายอย่างจริงใจ ทว่าน่าเสียดาย การสืบความจริงที่ผ่านมาในอดีตเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าแท้จริงแล้วฮวาฟางเฟยมิใช่เป็นอย่างที่เห็นภายนอก
“ท่านจ้าวนิกาย ไม่ทราบว่าศิษย์สิบคนที่ว่าหมายถึงใครบ้างรึ ?”
ฮวาเยว่ไม่คัดค้านสิ่งใดและเพียงเอ่ยถามออกไป หากเทียบกับการอยู่ในนิกาย นางยินดีออกไปสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาความแข็งแกร่งของตนในโลกภายนอก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็มักจะถูกมอบหมายหน้าที่ประเภทนี้มาโดยตลอด เนื่องจากฮวาหรงกังวลว่าการออกจากนิกายนานเกินไปจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและบารมีของตนในนิกาย ส่วนใหญ่นางจึงไม่เต็มใจแยกตัวออกจากนิกายหมื่นบุปผาแห่งนี้
“ครานี้ศิษย์สิบอันดับแรกของการประชันฝีมือล้วนเป็นศิษย์ที่มีฝีมือยอดเยี่ยม เดิมทีข้าก็คิดจะส่งพวกนางทั้งหมดติดตามไปกับผู้คุมกฎฝั่งซ้าย อย่างไรก็ตาม หลังจากการหารือกัน ศิษย์ฝั่งขวาสองคนในสิบอันดับแรกจะมอบสิทธิ์ให้กับเหลียนซวงและเหลียนอู้ ส่วนหลานเซียงและจู๋เซียงก็จะต้องอยู่ที่นิกายเพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อยของฝั่งซ้ายซึ่งสิทธิ์ของพวกนางจะถูกมอบหมายให้กับเซียงหร่วนและหมิงเยี่ยน”
ก่อนหน้านี้ฮวาฟางเฟยได้หารือกับฮวาเยว่และฮวาหรงแล้วก่อนตัดสินใจว่าจะส่งศิษย์คนใดไปที่ชายฝั่งทางเหนือ
ฉินอวี้โม่ อวิ๋นซื่อเทียน เหมยเซียง จวี๋เซียง หมิงเยี่ยน หมิงเยวี่ยน เซียงยู่ เซียงหร่วน รวมถึงเหลียนซวงและเหลียนอู้ รวมเป็นจำนวนศิษย์ทั้งหมดสิบคน
ความแข็งแกร่งของทั้งสิบคนนี้จัดเป็นศิษย์แนวหน้าของนิกายหมื่นบุปผาและส่วนใหญ่อยู่ในสิบอันดับแรกของการประชันฝีมือในปีนี้ ผู้ที่อ่อนที่สุดในกลุ่มน่าจะเป็นเซียงหร่วนและเหลียนอู้ ทว่าพวกนางก็มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่น ๆ
ผู้นำคณะศิษย์และผู้รับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยในครานี้ก็คือฮวาเยว่ซึ่งมีความสนิทสนมกับศิษย์ส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้อยู่แล้ว มีเพียงเหลียนซวงและเหลียนอู้เท่านั้นที่ยังคาดเดาไม่ได้ว่าจะก่อให้เกิดปัญหาใดหรือไม่
ฉินอวี้โม่พึงพอใจกับการตัดสินใจของฮวาฟางเฟยเป็นอย่างมากและเพียงเพิกเฉยต่อเหลียนอู้และเหลียนซวงเท่านั้น
“นอกเหนือจากนี้ก็จะมีศิษย์นอกเพิ่มอีกสองคนเช่นกัน นั่นก็คือหานโม่ฉือและเถียนเล่ย”
ฮวาฟางเฟยไตร่ตรองครู่หนึ่งและกล่าวต่อเล็กน้อย
ตอนนี้นางทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างหานโม่ฉือและฉินอวี้โม่แล้ว อีกทั้งยังทราบดีว่าหานโม่ฉือและเถียนเล่ยแข็งแกร่งเพียงใด หากส่งทั้งสองไปด้วยก็สามารถช่วยเป็นกำลังเสริมที่ดีเมื่อเผชิญภยันตราย นอกจากนี้พวกเขาก็ยังช่วยงานหนักได้อีกด้วย
ทุกคนพยักศีรษะรับทราบก่อนที่ศิษย์คนหนึ่งถูกส่งไปที่หอชั้นนอกเพื่อแจ้งข่าวกับหานโม่ฉือและเถียนเล่ย
“ต่อให้นางจะไม่กล่าวสิ่งใด โม่ฉือก็ต้องหาทางติดตามเจ้าไปอย่างแน่นอน”
อวิ๋นซื่อเทียนกระซิบข้างหูฉินอวี้โม่เบา ๆ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
นางรู้จักลักษณะนิสัยของหานโม่ฉือเป็นอย่างดี หากทราบว่าฉินอวี้โม่ถูกส่งไปที่ชายฝั่งทางเหนือ เขาจะหาทางตามไปด้วยอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น นิกายหมื่นบุปผาก็จะไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อรั้งหรือขัดขวางเขาได้
“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปเตรียมสัมภาระเถอะ พวกเจ้าจะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วยาม”
ฮวาฟางเฟยกล่าวอีกครั้งและโบกมือเพื่อให้ทุกคนแยกย้ายไปเตรียมความพร้อม
สถานการณ์ในชายฝั่งทางเหนือถือว่าตึงเครียดและเร่งด่วนอย่างมาก ยิ่งคนจากสามสำนักและเก้านิกายเดินทางไปเร็วเพียงใดก็จะสามารถช่วยคลี่คลายและบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ที่นั่นได้เร็วเพียงนั้น
“อวี้โม่ เจ้ามากับข้าก่อน”
จากนั้นฮวาฟางเฟยก็หันไปกล่าวกับฉินอวี้โม่เพื่อให้ตามตนไป
ฉินอวี้โม่ก็ไม่คิดว่าฮวาฟางเฟยจะคิดทำร้ายนางในเวลานี้ นางจึงเดินตามไปถึงเรือนที่พักของอีกฝ่ายโดยตรง
“อวี้โม่ การที่เจ้าคว้าอันดับหนึ่งของการประชันฝีมือในครานี้ได้และครอบครองไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ เจ้าก็ถือว่าเป็นศิษย์หลักของนิกายเราแล้ว ชายฝั่งทางเหนือเต็มไปด้วยภยันตราย พึงระลึกไว้ให้ดีว่าอย่าเปิดเผยเรื่องไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นมันจะกระตุ้นความโลภของขุมกำลังอื่น ๆ ขึ้นมาได้”
ฮวาฟางเฟยกำชับฉินอวี้โม่อย่างจริงจังเพื่อให้นางระมัดระวังตัวให้มากที่สุด ทว่าแท้จริงแล้วนางสนใจเพียงไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง หากคนจากสามสำนักและอีกแปดนิกายรู้เข้า คนเหล่านั้นจะเกิดความปรารถนาอันแรงกล้าและเกิดความคิดมิดีมิร้ายอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าฮวาฟางเฟยไม่อาจยอมให้ขุมกำลังอื่นแย่งชิงไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปได้
“ท่านจ้าวนิกายวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะระวังตัวเป็นอย่างดี”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับและยืนยันว่านางไม่มีทางเปิดเผยเรื่องไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากต้องการตามหาไข่มุกเลี่ยงวารี นางอาจต้องพึ่งพาพลังของไข่มุกวิเศษนี้และได้เพียงหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายใดในตอนนั้น
“เก็บลูกแก้วนี้ไว้ ในนี้มีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของข้าอยู่ซึ่งสามารถแสดงพลังของข้าออกมาได้มากถึงเจ็ดในสิบส่วน หากเผชิญกับวิกฤตที่มิอาจรับมือได้ ทำลายมันเสียและมันจะช่วยเจ้าเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นได้”
แม้ยังไม่ทราบจุดประสงค์ที่ฉินอวี้โม่มาที่นิกายหมื่นบุปผา ทว่าเนื่องจากไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครองของนาง ฮวาฟางเฟยจึงต้องปกป้องฉินอวี้โม่อย่างสุดความสามารถ ยิ่งไปกว่านั้น ‘แผนการ’ ในอนาคตของนางก็อาจต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากฉินอวี้โม่เช่นกัน ตราบใดที่ควบคุมให้อยู่ในโอวาทได้ ฮวาฟางเฟยก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใด
“ขอบคุณท่านจ้าวนิกายเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธและรับลูกแก้ววิญญาณดังกล่าวพร้อมกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปเตรียมตัวเถอะ”
ฮวาฟางเฟยแตะมือฉินอวี้โม่เบา ๆ ทว่าพลังวิญญาณที่แทบจะไร้ร่องรอยก็แอบแทรกซึมเข้าไปสู่ความคิดจิตใจของฉินอวี้โม่
ประกายความเยือกเย็นปรากฏในแววตาของฉินอวี้โม่ชั่วขณะหนึ่งทว่ามันกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าฮวาฟางเฟยจะระแวดระวังนางพอสมควร คิดที่จะแผ่พลังวิญญาณเข้ามาเพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวของข้างั้นรึ ? ฝันไปเถอะ !