ณ ใจกลางมหาสมุทรทางเหนือ เกาะแห่งหนึ่งลอยตัวอยู่บนผืนน้ำท่ามกลางหมอกหนาทึบทั่วบริเวณ
เกาะดังกล่าวมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หากแต่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันและดูจะมีพลังแกร่งกล้าบางอย่างรองรับเพื่อให้มันลอยตัวอยู่บนผืนน้ำได้
รอบตัวเกาะแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ ทว่าสภาพอากาศบนเกาะกลับสว่างสดใสและไม่ได้รับอิทธิพลจากหมอกเหล่านั้นแม้แต่น้อย
ท้องฟ้าเบื้องบนสว่างเจิดจ้าและบรรยากาศในเกาะก็มีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ ภายในเกาะ พลังมายาทั้งหมดของฉินเทียนถูกปิดผนึกไว้และมือทั้งสองถูกมัดไว้แน่น ดวงตาของเขาถูกผ้าสีดำคลุมปิดไว้อีกทั้งมุมปากยังมีรอยคราบเลือดปรากฏอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้
“จับตัวได้หมดรึยัง ?”
บนเกาะลึกลับแห่งนี้มีคฤหาสน์อยู่หลายหลังและคนกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์หลังนี้
ตุบ !
ฉินเทียนถูกผลักลงไปบนพื้นอย่างแรงทว่าใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่งไม่แสดงความตื่นตระหนกแต่อย่างใด
ในเมื่อถูกจับกลับมาเป็น ๆ ตอนนี้ฉินเทียนจึงไม่กังวลว่าชีวิตของตนจะตกอยู่ในอันตราย เขาเพียงสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับจุดประสงค์ที่คนเหล่านี้จับตัวพวกตนมาที่นี่มากกว่า
“นายท่านขอรับ คนผู้นี้น่าจะเป็นผู้บัญชาการของกลุ่มคนที่เดินทางมาที่นี่ เราจะจัดการกับเขาอย่างไรกันดี ?”
ใครคนหนึ่งเตะฉินเทียนอย่างแรงและกล่าวกับผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หลัก
ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หลักในตอนนี้คือบุรุษผู้หนึ่งที่สวมหน้ากากสีเงินบดบังใบหน้าโดยสมบูรณ์ คนอื่น ๆ ในห้องโถงก็สวมหน้ากากบดบังใบหน้าเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้อย่างชัดเจน
“เจ้าตรวจสอบสถานะของเขารึยัง ?”
บุรุษผู้นั้นเอ่ยถามด้วยเสียงเบาและเป็นน้ำเสียงที่ยากจะระบุอายุของผู้พูดได้
“ดูเหมือนจะเป็นรองจ้าวนิกายของนิกายกระบี่สายฟ้าขอรับ”
บุรุษผู้ที่พาตัวฉินเทียนเข้ามาที่นี่เปิดเผยสถานะของเขาออกไปโดยตรง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะมีการวางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้า ! คนเหล่านี้ทราบถึงตัวตนของเขาอย่างชัดเจน เกรงว่าสถานการณ์ทั้งหมดคงจะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอก
“ดีมาก มีใครหลุดรอดไปได้หรือไม่ ?”
ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์พยักศีรษะด้วยความพึงพอใจเมื่อทราบถึงสถานะของฉินเทียน
“มีบางคนหลบหนีไปได้ ทว่าทุกคนยังคงตามหาอยู่และคาดว่าจะมีความคืบหน้าในไม่ช้าขอรับ”
สีหน้าของผู้ที่ตอบคำถามนี้แสดงถึงความกังวลเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรก็เกิดความผิดพลาดในแผนการของพวกเขาและปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งหลุดรอดไปได้ หากทำให้บรรดาบุคคลระดับสูงไม่พอใจขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาอาจถูกลงโทษอย่างสาหัส
“โอ้ มีคนหนีรอดจากหมอกเหล่านั้นได้รึ ?”
บุรุษบนบัลลังก์ไม่มีท่าทีโกรธเคือง ในทางกลับกัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงฉงนสงสัยและประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะถึงอย่างไรแล้วแผนการที่พวกเขาเตรียมมาก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นหมอกหนาบดบังทัศนวิสัยรอบตัวและผีดิบจำนวนมากเหล่านั้น คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางหลบหนีไปได้อย่างแน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งหนีรอดไปได้ นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริง
“ความสามารถในการซ่อนกลิ่นอายของคนเหล่านั้นประหลาดยิ่งนัก ตอนนี้เรายังไม่พบร่องรอยกลิ่นอายของพวกเขาแม้แต่น้อย นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งที่กระโดดลงไปในน้ำทะเล หากไม่มีอะไรผิดพลาด นางก็น่าจะกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตในทะเลไปแล้ว”
แน่นอนว่ากลุ่มคนที่มีทักษะการซ่อนเร้นที่แปลกประหลาดที่เขากล่าวถึงจะต้องเป็นกลุ่มของฉินอวี้โม่ ส่วนคนที่กระโดดลงในน้ำทะเลและกลายเป็นอาหารของสัตว์ทะเลก็คือศิษย์สตรีของนิกายหงส์แดงนั่นเอง
“ค้นหาต่อไป”
บุรุษบนบัลลังก์กล่าวอย่างเย็นชาขณะสายตาเลื่อนไปมองที่ฉินเทียนผู้ซึ่งนอนอยู่บนพื้น
“แก้มัดเขาและถอดผ้าปิดตาออกซะ”
เขาออกคำสั่งทันทีเพื่อให้ถอดผ้าคลุมที่ปิดตาของฉินเทียนออก
บุรุษอีกคนรับคำสั่งและแก้เชือกที่มัดมือฉินเทียน รวมถึงถอดผ้าสีดำที่ปิดตาของเขาออกอย่างรวดเร็ว
ฉินเทียนรีบลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็วและกวาดสายตามองหลายคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
กลิ่นอายของคนเหล่านี้แกร่งกล้าอย่างมากและเหนือกว่าตัวเขาเสียอีก ทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาก็มีพลังมายาที่แปลกประหลาดห่อหุ้มอยู่รอบ ๆ ซึ่งเป็นพลังที่แตกต่างไปจากจอมยุทธ์ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าตัวตนของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“รองจ้าวนิกายแห่งนิกายกระบี่สายฟ้า ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกาะเพชฌฆาตของเรา ว่าอย่างไร…สนใจจะร่วมมือกับพวกเรารึไม่ ?”
ผู้ที่ดูเหมือนหัวหน้าของทุกคนรอบตัวเดินเข้ามาใกล้ฉินเทียนและกล่าวพร้อมรอยยิ้มโดยที่ไม่แสดงถึงความมุ่งร้ายใด ๆ
“เจ้าเป็นใคร ?”
ฉินเทียนในตอนนี้ยังอ่อนแออยู่เล็กน้อย เขาไม่สนใจสายตาของคนรอบตัวและเดินไปนั่งลงในจุดหนึ่งด้วยสีหน้าที่เฉยเมย
“ฮ่า ๆ ๆ ช่างอาจหาญอย่างที่คิดไว้จริง ๆ”
เมื่อเห็นสีหน้าไม่หวาดหวั่นของฉินเทียน บุรุษผู้นั้นก็นึกชื่นชมขึ้นมา
“ยกน้ำชาเข้ามา”
หลังจากที่ออกคำสั่ง ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมน้ำชาและอาหารว่าง
“ฉินเทียน—รองจ้าวนิกายแห่งนิกายกระบี่สายฟ้า มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนระดับต่ำ เพิ่งเข้าร่วมกับนิกายกระบี่สายฟ้าได้ไม่นาน ทว่ากลับได้รับความไว้วางใจให้ทำภารกิจสำคัญมากมาย และหลังจากที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้กลายเป็นรองจ้าวนิกาย ข้าพูดถูกรึไม่ ?”
บุรุษสวมหน้ากากนั่งลงตรงข้ามฉินเทียนและกล่าวถึงข้อมูลที่ได้รับมา
“ฮ่า ๆ ๆ ช่างเป็นเกียรติจริง ๆ ที่มีใครบางคนสืบสวนเรื่องของคนธรรมดาไร้ชื่ออย่างข้า”
ฉินเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา ทว่ายังคงดูอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากพลังมายาที่ถูกปิดผนึกไว้
“บอกมาดีกว่าว่าพวกเจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?”
เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องการทำสิ่งใด
“ง่ายมาก…เป้าหมายของเราคือการปกครองทั่วทั้งดินแดนมหาเทพ เจ้าจะว่าอย่างไรล่ะ…สนใจมาร่วมมือกับพวกเรารึไม่ ?”
บุรุษผู้นั้นกล่าวอย่างไม่ปิดบังทว่านั่นมิใช่ความจริงทั้งหมด
“พวกเจ้าจงใจสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่เช่นนี้เพียงเพื่อหลอกล่อให้พวกเรามาที่นี่งั้นรึ ?”
ฉินเทียนพอจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว ทว่าเขายังต้องยืนยันให้แน่ชัดเสียก่อน ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอันตรายที่รุนแรงต่อตัวเขา เขาจึงไม่รีบร้อนแต่อย่างใด
“ถูกต้อง เราทราบดีว่าคนของชายฝั่งทางเหนือจะต้องขอความช่วยเหลือจากสามสำนักและเก้านิกาย เราจึงวางแผนไว้เช่นนี้”
บุรุษผู้นั้นยอมรับออกมาตามตรง นั่นคือแผนการตั้งแต่แรกของพวกเขาและไม่มีความจำเป็นจะต้องปฏิเสธมัน
“พวกเจ้าจับตัวเรามาตั้งมากมายเพียงเพราะอยากให้เราเข้าร่วมขุมกำลังของเจ้างั้นรึ ?”
ฉินเทียนเอ่ยถามอีกครั้งและสังหรณ์ใจได้ว่าจุดประสงค์ของคนเหล่านี้ไม่เรียบง่ายอย่างที่เห็นอย่างแน่นอน
“ไม่ เราต้องการเพียงคนที่มีศักยภาพและความแข็งแกร่ง มิใช่ทุกคนที่จะเข้าร่วมกับขุมกำลังของเราได้”
ครานี้อีกฝ่ายปฏิเสธและกล่าวว่าต้องการเชิญชวนเพียงยอดฝีมืออย่างฉินเทียนเท่านั้น คนอื่น ๆ ยังคงไม่มีค่ามากพอสำหรับพวกเขา
“แล้วตอนนี้คนที่ถูกจับตัวเหล่านั้นไปอยู่ที่ใด ?”
แน่นอนว่าฉินเทียนไม่มีทางรับปากร่วมมือกับอีกฝ่าย เพียงแต่เขาก็ไม่ปฏิเสธออกไปในทันที เขาจะต้องถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุดเพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ของเกาะแห่งนี้เสียก่อน
“เจ้าต้องการจะไปพบกับคนเหล่านั้นหรือไม่ ?”
บุรุษสวมหน้ากากไม่รีบร้อนและเอ่ยถามอย่างสบาย ๆ
“ข้าต้องมั่นใจก่อนว่าพวกเขาทุกคนปลอดภัย ถึงอย่างไรครานี้ข้าก็เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบดูแลชีวิตของทุกคน”
ฉินเทียนพยักศีรษะและกล่าวโดยไม่อธิบายสิ่งใดมากนัก
“ไม่มีปัญหา ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมรอบเกาะก่อน”
บุรุษผู้นั้นลุกขึ้นยืนและผายมือเชิญโดยตรง
ฉินเทียนไม่ปฏิเสธและเดินไปกับเขาอย่างรวดเร็ว
บนเกาะแห่งนี้มีผู้คนอยู่มากมาย ทว่าเมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นเดินออกมากับฉินเทียน สายตาของทุกคนก็มองมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ไม่ต่างกัน
“ข้าจะพาเจ้าไปชมกองกำลังทหารของเกาะเรา”
บุรุษสวมหน้ากากเดินนำทางฉินเทียนไปยังลานจัตุรัสขนาดใหญ่ของเกาะและกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
คนส่วนใหญ่ในเกาะแห่งนี้ล้วนสวมหน้ากากหรือมีผ้าคลุมบดบังใบหน้าซึ่งยากที่จะระบุตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาได้
ในระหว่างทาง คนส่วนใหญ่ก็โค้งคำนับต่อบุรุษข้างกายฉินเทียนอย่างเคารพนอบน้อมซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งภายในขุมกำลังนี้
ไม่นานนัก ทั้งสองก็เดินมาถึงลานจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ
เวลานี้มีผู้คนหลายร้อยชีวิตรวมตัวกันอยู่ที่นี่
คนส่วนใหญ่สูญเสียพลังมายาของตนเองไปและทรุดลงบนพื้นในสภาพที่ดูไม่ดีนัก คนที่ทำหน้าที่คุ้มกันพวกเขาก็สวมหน้ากากบดบังใบหน้าเช่นกัน เพียงแต่กลิ่นอายของพวกเขาแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ ที่ฉินเทียนพบในระหว่างทางอย่างสิ้นเชิง
แววตาของคนเหล่านี้ว่างเปล่าราวกับว่าไม่มีจิตวิญญาณหรือสติสัมปชัญญะด้วยซ้ำ และแทบจะไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์ซึ่งประหลาดพิลึกอย่างที่สุด