ภายในโถงห้องประชุม บุคคลระดับหัวหน้าประจำเกาะแห่งนี้กำลังหารือกัน
และผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หลักก็ยังคงเป็นบุรุษผู้ที่เจรจากับฉินเทียนก่อนหน้านี้
“ผู้อาวุโสสือ เหตุใดท่านจึงอยากจะเอาชนะใจคนจากนิกายกระบี่สายฟ้ามากเช่นนั้น ? เขาเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็ก ๆ จากดินแดนระดับต่ำ เขาจะคู่ควรกับความสนใจเช่นนั้นหรือ ?”
ใครคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสับสนและไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุดในตอนนี้แสดงความเอาอกเอาใจต่อคนธรรมดา ๆ อย่างฉินเทียนเป็นพิเศษ
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว แม้ฉินเทียนจะมาจากดินแดนระดับต่ำ ทว่าพรสวรรค์ของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้คนส่วนใหญ่ในดินแดนมหาเทพเลย อย่างไรก็ตาม นั่นมิใช่เหตุผลที่ข้าให้ความสำคัญกับเขามากนัก เจ้ารู้หรือไม่ว่าบุตรสาวของฉินเทียนคือผู้ใด ?”
บุรุษผู้นั้นหัวเราะเบา ๆ หากเกี่ยวข้องกับฉินเทียนคนเดียว เขาก็ไม่มีทางแสดงความสนใจมากเช่นนั้น อันที่จริงแล้วคนที่เขาสนใจคือคนอื่นต่างหาก
“ใครรึ ?”
คนอื่น ๆ ในห้องโถงต่างก็เอ่ยถามด้วยความงุนงง สถานะของพวกเขาไม่สูงเท่ากับสือโหลว เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่ทราบข้อมูลเบื้องลึกเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างและไม่ทราบว่าบุตรสาวของฉินเทียนคือผู้ใด
“พวกเจ้าคิดว่าใครกันที่ทำให้ท่านผู้นำของเราหวาดหวั่นใจและต้องการจะกำจัดมากที่สุด ?”
สือโหลวเอ่ยถามกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผู้ที่ทำให้จอมยุทธ์ปีศาจหวาดหวั่นมากที่สุดหาใช่ผู้นำของสามสำนักและเก้านิกาย หากแต่เป็นใครคนอื่น
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นจะไม่ทรงพลังมากนัก แต่นางและสหายก็มีพรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัว หากปล่อยให้พัฒนาเติบโตต่อไปได้ เกรงว่าพวกนางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดต่อจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสสือหมายถึงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างนั้นหรือ ?”
ชื่อสองชื่อนี้ผุดขึ้นในความคิดของใครคนหนึ่งทันที คนสองคนนี้คือผู้ที่ผู้นำของพวกเขาเคยกล่าวถึงอย่างเฉพาะเจาะจงและกล่าวว่าหากไม่สามารถทาบทามพวกนางมาร่วมด้วยได้ก็จะต้องหาทางกำจัดให้สิ้นซากและจะปล่อยให้พวกนางพัฒนาฝีมือต่อไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ในเมื่อฉินเทียนคือบิดาของฉินอวี้โม่ ตราบใดที่เราดึงเขามาเป็นพวกได้ เราก็ไม่ต้องกังวลว่าฉินอวี้โม่จะไม่เชื่อฟังเราอีกต่อไป !”
สือโหลวกล่าวถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงออกไป สาเหตุที่เขาพยายามเอาใจฉินเทียนและจัดให้เป็นแขกคนสำคัญก็เป็นเพราะฉินอวี้โม่นี่เอง
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้สืบหาความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉินเทียนและฉินอวี้โม่แล้ว หากเปรียบเทียบกับขุมกำลังจำนวนมากในดินแดน กล่าวได้ว่าจอมยุทธ์ปีศาจทราบถึงความสัมพันธ์ของพวกนางชัดเจนยิ่งกว่าเสียอีก
เพราะเหตุนั้น ตราบใดที่ฉินเทียนอยู่ในการควบคุม สือโหลวก็ไม่ต้องกังวลว่าฉินอวี้โม่จะเป็นปฏิปักษ์กับจอมยุทธ์ปีศาจอีก
เมื่อถึงตอนนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่พวกเขาจะเปิดทางเข้าไปสู่สมรภูมิรบโบราณได้
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ ตราบใดที่ได้รับการฟูมฟักฝึกฝนเป็นอย่างดี ความแข็งแกร่งของทั้งสองจะไม่มีทางด้อยกว่าเขาและจะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำระดับสูงของจอมยุทธ์ปีศาจได้อย่างแน่นอน
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
หลายคนพยักศีรษะและเข้าใจในความคิดของสือโหลวโดยที่ไม่กล่าวสิ่งใดอีกต่อไป
“ให้เวลาเขาสามวัน หากยังไม่ยอมตอบตกลง เราก็จะฆ่าเขา รวมถึงคนอื่น ๆ จากดินแดนด้วยเช่นกัน จากนั้นเราก็จะใช้พลังแห่งความมืดแทรกซึมเข้าไปในร่างของคนเหล่านั้นและทำให้กลายเป็นกองกำลังผีดิบที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา”
สือโหลวออกคำสั่งอย่างชัดเจนและไม่ปกปิดความชั่วร้ายในแววตาแม้แต่น้อย
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส”
คนอื่น ๆ พยักหน้ารับคำสั่ง ทว่าหนึ่งในนั้นอดเอ่ยถามไม่ได้ “ผู้อาวุโสสือ ฉินอวี้โม่และสหายบางคนก็เดินทางมาในครานี้เช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวเกี่ยวกับพวกนางเลย มันจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ ?”
ฉินอวี้โม่และสหายจำนวนหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและหลายคนที่ถูกส่งออกไปตามหาก็ไม่ได้เบาะแสกลับมาแม้แต่น้อย นอกจากนี้ คนของพวกเขาก็เหมือนจะถูกฉินอวี้โม่จับตัวไปซึ่งทำให้เขากังวลไม่น้อย
“ฮ่า ๆ ๆ หากเป็นที่อื่นก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ในเกาะแห่งนี้ ไม่ว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกนางก็ไม่มีทางพลิกผันสถานการณ์อะไรได้หรอก !”
สือโหลวยิ้มอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม พวกเขาได้วางแหฟ้าตาข่ายดินกันไว้แล้ว หากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่มาที่นี่ก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น ทว่าหากกล้าย่างกรายเข้ามาในเกาะแห่งนี้ละก็ ทั้งสองจะต้องถูกจับตัวในทันที
* 天罗地网 แหฟ้าตาข่ายดิน เปรียบถึงการล้อมศัตรูหรือผู้หลบหนีไว้อย่างหนาแน่น , วางกรอบดักศัตรู
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และทุกคนได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นอย่างชัดเจน
“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกจอมยุทธ์ปีศาจจะสืบเรื่องพวกเราอย่างละเอียดเช่นนี้…”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันเล็กน้อย จอมยุทธ์ปีศาจเหล่านี้ทราบข้อมูลเบื้องหลังของพวกนางมากทีเดียว ในทั่วทั้งดินแดนมหาเทพ มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางและฉินเทียน ยิ่งไปกว่านั้น จอมยุทธ์ปีศาจก็ยังทราบดีว่าพวกนางมาจากดินแดนระดับต่ำ หรือพวกเขาจะส่งคนไปที่ดินแดนเทพมายาเพื่อสืบเรื่องนี้ ?
“หรือว่าจอมยุทธ์ปีศาจพวกนี้จะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับฝ่ายมาร ?”
อวิ๋นซื่อเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยและรู้สึกสังหรณ์ใจอยู่เสมอว่าจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับฝ่ายมารยิ่งนัก พวกเขาอาจมีความเชื่อมโยงบางอย่างต่อกันก็เป็นได้
“จอมยุทธ์ปีศาจของพวกเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับฝ่ายมารในดินแดนเทพมายารึไม่ ?”
ฉินอวี้โม่หันไปถามบุรุษหนุ่มที่กำลังมองตนด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ในขณะที่ขับเคลื่อนคฤหาสน์เฟิงหัวสำรวจทั่วบริเวณเพื่อตามหาฉินเทียน
“ฝ่ายมาร…มันคืออะไรกัน ?”
บุรุษหนุ่มงุนงงและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย
“ข้าเป็นเพียงสมาชิกที่ต่ำต้อยคนหนึ่งเท่านั้น ข้าจะไปสืบทราบความลับมากมายได้อย่างไร ? พวกเจ้าประเมินข้าสูงเกินไปแล้ว ข้าไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าและฉินเทียนด้วยซ้ำ”
เขายักไหล่และกล่าวยืนยันด้วยสีหน้าจริงจัง
เขาไม่ทราบความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างฉินอวี้โม่และฉินเทียนด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดนางจึงเป็นกังวลยิ่งนัก ทว่าตอนนี้มันก็ชัดเจนขึ้นแล้ว
ฟู่อวิ๋นซิวเพิ่งทราบเช่นกันว่าฉินอวี้โม่เป็นบุตรสาวของฉินเทียน เขาเพียงมองนางด้วยแววตาประหลาดใจทว่าไม่กล่าวสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เขาจะไม่นึกสงสัยสิ่งใด การที่บิดาเป็นรองจ้าวนิกายของนิกายกระบี่สายฟ้า ทว่าบุตรสาวกลับยืนกรานที่จะเข้าร่วมกับนิกายหมื่นบุปผา หากจะกล่าวว่าไม่มีจุดประสงค์บางอย่างแอบแฝงอยู่ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เพียงแต่ทุกคนย่อมมีความลับของตนและเขาไม่คิดเอ่ยถามเพื่อทำลายความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน
ฉินอวี้โม่ไม่สงสัยในวาจาของบุรุษหนุ่มตรงหน้าและรู้สึกได้เช่นกันว่าจอมยุทธ์ปีศาจน่าจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับฝ่ายมารจากดินแดนระดับต่ำ ไม่เช่นนั้น พวกเขาก็คงจะไม่ทราบถึงข้อมูลของพวกนางมากเช่นนี้
ระหว่างดินแดนมหาเทพและดินแดนเทพมายามีข้อกำจัดบางอย่างระหว่างกันและไม่สามารถเดินทางไปมาได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แกร่งกล้า หากมิใช่เพราะมีเหตุจำเป็นจริง ๆ พวกเขาจะไม่มีทางเดินทางไปที่ดินแดนเทพมายา
ทว่าในเมื่อทราบรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเช่นนี้ พวกเขาก็อาจจะได้ข้อมูลมาจากฝ่ายมารก็เป็นได้…
ในขณะที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่นั้น คฤหาสน์เฟิงหัวก็ได้ขับเคลื่อนวนไปรอบพื้นที่แล้วทว่ายังไม่พบพิกัดของฉินเทียน
“เจ้า…สถานที่ใดที่ดูเหมือนไม่มีคนคุ้มกัน ทว่ากลับมีการป้องกันที่เข้มงวดกว่าที่อื่น ๆ ?”
ฉินอวี้โม่หยุดลงชั่วคราวและเอ่ยถามบุรุษหนุ่มอีกครั้ง
เขาใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนนึกบางอย่างขึ้นได้
“เรือนด้านข้างในบริเวณคฤหาสน์ที่ผู้อาวุโสสืออาศัยอยู่ไม่มีการคุ้มกัน ทว่าเป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีออกไปจากที่นั่นได้ บางทีฉินเทียนอาจจะถูกขังอยู่ที่นั่น”
แม้ลานจัตุรัสจะมีกองทหารชั้นดีคุ้มกันทั่วบริเวณ แต่ที่นั่นก็มิใช่จุดที่อันตรายที่สุดของเกาะแห่งนี้
แท้จริงแล้วบริเวณคฤหาสน์ของสือโหลวต่างหากคือสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่ใดเสียอีก
ที่นั่นดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดคุ้มกัน ทว่ากลับมีข่ายอาคมล้อมรอบอยู่ทั่วบริเวณ เมื่อใดที่มีใครย่างกรายเข้าไป มันจะดึงดูดความสนใจของสือโหลวได้ทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของสือโหลว คนส่วนใหญ่ในดินแดนมหาเทพก็ยังมิใช่คู่มือของเขาด้วยซ้ำ
หากเข้าไปตามหาฉินเทียนที่นั่น ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะถูกค้นพบอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น พวกนางก็แทบจะไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีได้
“พาเราไปที่นั่น”
ฉินอวี้โม่กล่าวเพียงสั้น ๆ ในเมื่อมีคฤหาสน์เฟิงหัวอยู่กับตัว ไม่ว่าสิ่งใดก็ขัดขวางนางไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นางทราบดีว่าโอกาสจะช่วยฉินเทียนและหลานเผิงโดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายไหวตัวขึ้นมามีอยู่น้อยมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกายต่างก็เดินทางมาพร้อมกับพวกนางและจะทอดทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น นางจึงต้องไตร่ตรองอย่างจริงจังว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร