ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่ มารยาและอสูรอื่น ๆ มุ่งหน้าเข้าไปในห้องฝึกยุทธ์ด้วยกัน
“นายหญิง สภาวะร่างกายของท่านมีความพิเศษมากและสามารถดูดซับพลังมายาได้ทุกชนิด พลังแห่งความตายก็เป็นพลังมายาชนิดหนึ่งเช่นกัน ทว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของพลังความมืด ตราบใดที่บุปผาแห่งความมืดเปลี่ยนโครงสร้างพลังในร่างของท่านเป็นการชั่วคราว ท่านก็จะมีพลังแห่งความตายที่แกร่งกล้าในตัวได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านปรับเปลี่ยนพลังมายาในร่างกาย พลังมายาเดิมของท่านจะต่อต้านกระบวนการนี้อย่างแน่นอนและมันจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก”
มารยากล่าวเตือนฉินอวี้โม่พร้อมอธิบายวิธีการที่คิดขึ้นมาได้หลังจากหารือกัน
ตอนนี้บุปผาแห่งความมืดอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัว ความเป็นปฏิปักษ์ที่มันเคยมีก็ลดน้อยลงไปมากและเรียกได้ว่าตอนนี้มันอยู่ภายใต้การควบคุมของฉินอวี้โม่อย่างสมบูรณ์
เดิมทีบุปผาแห่งความมืดก็เป็นถึงจ้าวแห่งพลังความมืด และพลังแห่งความตายเหล่านี้มิใช่สิ่งที่มันต้องคำนึงถึงเลยสักนิด
หากมิใช่เพราะพลังของมันยังฟื้นฟูกลับคืนมาไม่เต็มร้อยหลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุด มันเพียงลำพังก็มากพอที่จะควบคุมผีดิบทั้งหมดได้
“นายหญิง”
เสียงที่อ่อนแอเสียงหนึ่งดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และมันคือเสียงของบุปผาแห่งความมืดนั่นเอง
การต่อสู้ชี้ชะตาในดินแดนเทพมายาก่อนหน้านี้ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้มันก็เจ็บหนักจนถึงขั้นหมดสติไปเป็นเวลานาน
ทว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มันก็เพิ่งฟื้นสติกลับคืนมาได้และนี่เป็นครั้งแรกที่มันส่งเสียงออกมา
“เจ้าฟื้นแล้วรึ ?”
ฉินอวี้โม่ลูบไปที่ต้นอ่อนของบุปผาแห่งความมืดอย่างแผ่วเบาก่อนที่มันจะก้มหัวลงอย่างเก้อเขิน
อันที่จริงบุปผาแห่งความมืดก็เปรียบเสมือนกับเด็กน้อยเท่านั้นและมีลักษณะนิสัยที่เรียบง่ายกว่าบุปผาแห่งแสงที่ฟื้นความทรงจำกลับคืนมาได้เสียอีก
มันจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้แม้แต่น้อย เนื่องจากการที่มันถูกฝ่ายมารใช้วิธีต้องห้ามในการปลุกมันขึ้นมาก่อนเวลาอันควร แม้แต่การต่อสู้กับฉินอวี้โม่และสหายก่อนหน้านี้ก็มิใช่สิ่งที่มันต้องการให้เกิดขึ้น
“นายหญิง พี่มารยาและอสูรอื่น ๆ บอกแผนการกับข้าแล้ว ข้าทราบดีว่าต้องทำสิ่งใด นายหญิงไม่ต้องกังวลเลย”
เสียงของบุปผาแห่งความมืดยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้ยังเป็นเสียงของเด็กน้อย แต่เสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและนั่งขัดสมาธิลงไม่ไกลจากบุปผาแห่งความมืด
บรรดาอสูรทั้งหมดก็ล้อมรอบนางไว้และช่วยปกป้องคุ้มกันมิให้เกิดอันตรายใดกับนาง จากนั้นพลังของบุปผาแห่งความมืดก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของฉินอวี้โม่และปะทะเข้ากับพลังมายาเดิมภายในร่างกายของนาง
บุปผาแห่งความมืดสามารถเปลี่ยนแปลงพลังมายาในร่างกายของฉินอวี้โม่ได้เป็นการชั่วคราวเท่านั้นและสภาวะนี้จะคงอยู่ได้เพียงสามวัน อย่างไรก็ตาม เวลาสามวันก็มากพอสำหรับการที่ฉินอวี้โม่และสหายจะคลี่คลายปัญหาบนเกาะแห่งนี้
พลังของบุปผาแห่งความมืดประจันหน้ากับพลังมายาเดิมในร่างของฉินอวี้โม่ บุปผาแห่งความมืดต้องการที่จะครอบงำพลังมายาเหล่านั้นเป็นการชั่วคราว ทว่าพลังมายาเหล่านั้นก็ต่อต้านขัดขืนพลังความมืดโดยอัตโนมัติ การปะทะกันระหว่างพลังของทั้งสองฝ่ายดุเดือดอย่างยิ่งและยากที่จะกำหนดผู้ชนะได้ในเวลาสั้น ๆ
ฉินอวี้โม่ผ่อนคลายตัวเองไปอย่างสิ้นเชิงและถ่ายทอดความคิดไปยังพลังมายาในร่างกายของตนเพื่อควบคุมมิให้มันต่อต้านขัดขืนมากจนเกินไป เพียงแต่พลังความมืดเป็นพลังที่ขัดแย้งกับพลังมายาในร่างของนางเกินไป พวกมันจึงต่อต้านขัดขืนโดยอัตโนมัติและความคิดควบคุมของฉินอวี้โม่จึงไม่ส่งผลเท่าที่ควร
หลังจากนั้นสองก้านธูป ฉินอวี้โม่ก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่รุนแรง
การปะทะกันของพลังทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และติดอยู่ในสภาวะจนมุมโดยที่ไม่มีฝ่ายใดเหนือกว่า
บุปผาแห่งความมืดก็ระมัดระวังอย่างมากด้วยกังวลว่าจะทำให้ฉินอวี้โม่เจ็บปวดมากจนเกินไป ทว่าพลังในร่างกายของฉินอวี้โม่ก็จะช่วยปกป้องนางเองในขณะที่บรรเทาความเจ็บปวดเหล่านั้นให้น้อยลง
โชคดีที่พลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในร่างของฉินอวี้โม่ไม่ได้เคลื่อนไหวออกมา มันน่าจะรับรู้ถึงความคิดของฉินอวี้โม่และทราบว่านางไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย เพราะเหตุนั้นมันจึงยังสงบนิ่งและไม่ปรากฏออกมา
“บุปผาแห่งความมืด ใช้พลังของเจ้าให้เต็มที่เถอะ เรามีเวลาไม่มากนักและจะล่าช้าอีกไม่ได้”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับบุปผาแห่งความมืดโดยตรง ต่อให้พลังมายาในร่างกายของนางจะเปลี่ยนแปลงไปชั่วคราวจริง ๆ มันก็ยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อทำความคุ้นเคย ในตอนนี้ยังยากที่จะกล่าวได้ว่ามันจะปราบปรามพลังในการควบคุมผีดิบได้หรือไม่ ทว่าสิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือพวกนางจะปล่อยให้เกิดความล่าช้าไม่ได้
บุปผาแห่งความมืดพยักหน้าตอบรับและปลดปล่อยพลังออกไปมากขึ้นทันที
พลังมายาเดิมในร่างกายของฉินอวี้โม่ก็ไม่นิ่งนอนใจแต่อย่างใดและทำการต่อต้านขัดขืนอย่างไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรงจนส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสภายในร่างกายของฉินอวี้โม่
อย่างไรก็ตาม นางไม่แสดงความรู้สึกใดทางสีหน้าและยังคงดูสงบนิ่งใจเย็นไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ไม่มีทีท่าว่าจะได้รับผลกระทบมากจนเกินไป บรรดาอสูรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเฝ้ารออย่างเงียบสงบ…
อีกฟากหนึ่งของเกาะลึกลับ หานโม่ฉือยังคงเอ่ยถามลองเชิงต่อไป
“พี่โหลว นอกจากไม้มรณะที่เรามี ข้าเชื่อว่าท่านผู้นำคงจะมอบไพ่ตายอื่นให้กับท่านเช่นกัน”
หลังจากพูดคุยกันเกี่ยวกับฉินเทียนพักใหญ่ หานโม่ฉือก็จงใจเปลี่ยนหัวข้อสนทนาพลางหยิบไม้มรณะซึ่งเป็นของบุรุษหนุ่มที่ถูกจับตัวไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัวออกมา
“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน ฉินอวี้โม่นั่นฉลาดเป็นกรดและหานโม่ฉือสามีของนางก็ไม่ธรรมดาเลย หากไม่มีไพ่ตายอื่น เราคงเอาชนะพวกนางไม่ได้”
สือโหลวกล่าวพร้อมรอยยิ้มและไม่นึกสงสัยสิ่งใด
“น้องฉิน จุดประสงค์ของการเอาใจฉินเทียนก็เพื่อโน้มน้าวใจฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเช่นกัน ตราบใดที่ฉินเทียนอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา เราก็ไม่ต้องกลัวว่าพวกนางจะไม่ร่วมมือด้วย ทางเข้าของสมรภูมิรบโบราณระหว่างเทพและปีศาจ มีฉินอวี้โม่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะนำทางเราเข้าไปได้ เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามโน้มน้าวฉินเทียนให้ได้”
เขาตบไหล่หานโม่ฉือเบา ๆ ขณะกล่าวกำชับ
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองสนิทสนมกันมากกว่าคนอื่น ๆ และสือโหลวไม่คิดปิดบังสิ่งใดจากสือฉินมากนัก
กลิ่นอายที่แผ่มาจากหานโม่ฉือและลักษณะท่าทางของเขาในตอนนี้คล้ายคลึงกับสือฉินอย่างมาก กอปรกับการมีไม้มรณะอยู่ในมือ สือโหลวจึงไม่มีทางสงสัยสิ่งใดอย่างแน่นอน
“ข้าทราบดี”
หานโม่ฉือพยักศีรษะและกล่าวต่อ “พี่โหลว ท่านจะแสดงไพ่ตายสำคัญของท่านให้ข้าได้เห็นเป็นบุญตาจะได้รึไม่ ? ท่านก็ทราบดีว่าข้าไม่ได้มีตำแหน่งที่สลักสำคัญในขุมกำลังนี้และไม่มีความรู้ความเข้าใจมากนัก สิ่งที่พี่โหลวกล่าวมาทำให้ข้าอยากรู้อยากเห็นมากจริง ๆ”
หานโม่ฉือถูมือทั้งสองขณะกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อเจ้าอยากเห็นนัก ข้าก็จะแสดงให้ดู”
สือโหลวหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและลูกแก้วสีดำลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“นี่คืออะไรกัน ?”
หานโม่ฉือมองดูลูกแก้วดังกล่าวอย่างสงสัยใคร่รู้และสัมผัสได้ถึงพลังที่ประหลาดจากมันซึ่งทำให้เขาหวั่นใจขึ้นมาไม่น้อย
“นี่คือลูกแก้วมรณะ ไม้มรณะในมือเจ้าสามารถควบคุมผีดิบได้เพียงไม่มากเท่านั้น ทว่าลูกแก้วนี้สามารถควบคุมผีดิบได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น พลังแห่งความตายในไม้มรณะของเจ้าก็เป็นพลังที่มาจากลูกแก้วมรณะนี้ ต่อให้มีใครขโมยไม้มรณะไปได้ ข้าก็สามารถใช้ลูกแก้วมรณะนี้เพื่อกำจัดพลังแห่งความตายในไม้มรณะเหล่านั้นไปและควบคุมผีดิบทั้งหมดได้ตามเดิม”
สือโหลวอธิบายอย่างคร่าว ๆ และเก็บลูกแก้วดังกล่าวไว้ตามเดิมด้วยท่าทางที่ระมัดระวัง
“ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนจะกล่าวว่าพี่โหลวคือผู้อาวุโสที่ทรงอำนาจที่สุดรองจากท่านผู้นำ ความไว้วางใจที่ท่านผู้นำมีต่อท่านช่างมากมายนักและไม่มีผู้อาวุโสคนใดจะเทียบด้วยได้เลย”
หานโม่ฉือซ่อนแววตาเป็นประกายของตนและกล่าวชมออกไป
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องห่วง เมื่อข้าได้เป็นรองผู้นำ เจ้าจะได้รับผลประโยชน์ไปอย่างงาม การที่ติดตามอยู่ข้างกายข้า เจ้าจะไม่มีวันนึกเสียใจ !”
สือโหลวตบไหล่หานโม่ฉือโดยที่ไม่นึกสงสัยสิ่งใดและยิ้มกว้างให้กับคำชมเชยที่ได้รับ