หลังจากดื่มสุรานับสิบแก้ว สือโหลวก็เริ่มเมาจนขาดสติเล็กน้อย
“น้องฉิน เมื่อข้าได้ขึ้นเป็นใหญ่ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ท่านผู้นำคนเดียว ข้าจะไม่ทอดทิ้งเจ้าอย่างแน่นอน ในอนาคตหลังจากนี้ เจ้าจะได้เชิดหน้าชูตาอย่างสบายใจ !”
เขาตบไหล่สือฉินเบา ๆ พลางจินตนาการถึงวันที่ตนจะได้อยู่เหนือกว่าคนนับหมื่นและเป็นรองเพียงคนแค่คนเดียว ใบหน้าของเขาในตอนนี้จึงประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
“ขอบคุณพี่โหลวมาก”
หานโม่ฉือปลอมตัวเป็นสือฉินได้อย่างแนบเนียนโดยที่ไม่มีจุดบกพร่องใด ๆ
“ท่านจอมยุทธ์ฉินเทียน ข้ารับประกันได้เลยว่าท่านจะไม่ผิดหวังกับการที่เข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจของเรา เราจะช่วยท่านสะสางความบาดหมางทั้งหมดที่มีในแผ่นดินใหญ่อย่างแน่นอน”
สือโหลวตบไหล่ฉินเทียนเบา ๆ ด้วยท่าทางสนิทสนมดุจดั่งพี่น้อง
ฉินเทียนเพียงยิ้มตอบโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ไป๋จั่นถังกล่าวถูกต้องทุกประการ ร่างกายของสือโหลวทนต่อของมึนเมาได้เพียงน้อยนิดและตอนนี้สติสัมปชัญญะของเขาเริ่มเลื่อนลอยเล็กน้อยแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นเรา…”
ฉินเทียนทำท่าลากนิ้วมือผ่านลำคอเป็นสัญญาณให้กับหานโม่ฉือ หากสังหารสือโหลวไปตั้งแต่ตอนนี้ มันก็จะเป็นผลดีสำหรับแผนการหลังจากนี้ของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม หานโม่ฉือส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างไม่เห็นด้วย พวกเขามีโอกาสสังหารบุรุษผู้นี้จริง เพียงแต่มันยังมิใช่โอกาสที่แน่นอนนัก
แม้สือโหลวจะคออ่อนมาก มันก็มิใช่ว่าเขาจะปราศจากพลังในการต่อสู้ หากพวกเขาปลดปล่อยจิตสังหารออกไป มันอาจทำให้สือโหลวฟื้นสติกลับคืนมาทันทีและนั่นมิใช่สถานการณ์ที่ดีนัก
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังไม่ทราบถึงสถานการณ์ของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่ชัด ผู้อาวุโสหลายคนอาจมีส่วนร่วมในแผนการชั่วร้าย หากสือโหลวตายไปในตอนนี้และคนอื่นไหวตัวขึ้นมา แผนการเดิมของพวกเขาอาจจะล้มเหลวได้
เพราะเหตุนั้น ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการไว้ชีวิตสือโหลวไปก่อน
“น้องฉิน ดื่มกันเถอะ !”
สือโหลวที่เริ่มเมามายมีท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษขณะกระดกดื่มสุราไม่หยุดหย่อน
“พี่โหลว ท่านเก็บลูกแก้วมรณะไว้ที่ใดรึ ?”
หานโม่ฉือเอ่ยถามลองเชิงซึ่งถือว่าเป็นจุดประสงค์หลักของแผนการในครั้งนี้
“เจ้าหมายถึงลูกแก้วมรณะนี่รึ ?”
สือโหลวแตะแหวนมิติของตนเล็กน้อยและลูกแก้วมรณะก็ปรากฏในมือของเขา
“ข้าขอดูได้รึไม่ ?”
หานโม่ฉือกล่าวขึ้นเบา ๆ และยื่นมือออกไปหาลูกแก้วมรณะตรงหน้า
“อย่าทำมันหล่นล่ะ”
สือโหลวยื่นลูกแก้วสีดำให้กับหานโม่ฉืออย่างง่ายดายและกล่าวเตือนสั้น ๆ โดยไม่สงสัยสิ่งใด
แม้ดื่มสุราไปมาก แต่ตอนนี้เขาก็ยังมีสติอยู่พอสมควร ถึงอย่างไรฉินเทียนก็ไม่ทราบว่าลูกแก้วมรณะคือสิ่งใดและสือฉินก็เป็นคนใกล้ตัวของเขาซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องกังวล
“งดงามมากจริง ๆ”
หานโม่ฉือมองมันอย่างพินิจพิจารณาครู่หนึ่งก่อนยื่นมันกลับคืนให้กับสือโหลว
“พี่โหลวเก็บของสำคัญเช่นนี้ไว้เถอะ”
สือโหลวไม่ตรวจสอบมันด้วยซ้ำขณะโยนลงในแหวนมิติทันที ไม่มีทางที่เขาจะสงสัยเลยว่าลูกแก้วมรณะในมือมิใช่ของจริงอีกต่อไป…
ทั้งสามพูดคุยกันอีกครู่ใหญ่ก่อนหานโม่ฉือจะประคองสือโหลวไปส่งในห้องนอนและกลับออกไปพร้อมกับฉินเทียน
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อเห็นทั้งสองกลับเข้ามา ไป๋จั่นถังก็กล่าวขึ้นเป็นคนแรก “เป็นอย่างไรขอรับ แผนการสำเร็จไปด้วยดีรึไม่ ?”
หานโม่ฉือพยักศีรษะเบา ๆ ขณะหยิบลูกแก้วมรณะออกมาให้ทุกคนได้ชม
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าบอกแล้วว่าสือโหลวคออ่อนสุด ๆ เชื่อหรือยังล่ะว่าข้าไม่ได้โกหกทุกท่านจริง ๆ”
ไป๋จั่นถังเกาศีรษะเบา ๆ พลางหัวเราะชอบใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาค้นพบโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งมันจะมีส่วนช่วยอย่างใหญ่หลวง
“ไป๋จั่นถัง ก่อนที่เจ้าจะข้ามมายังโลกนี้ เจ้าดื่มสุราไปเพียงเล็กน้อยจริง ๆ รึ ?”
อวิ๋นซื่อเทียนแทบไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย บุรุษหนุ่มผู้นี้คงจะดื่มไปมากจริง ๆ จึงได้หมดสติและมาปรากฏที่ดินแดนนี้โดยไม่รู้ตัว
“ฮ่า ๆ ๆ…”
ไป๋จั่นถังหัวเราะเบา ๆ ซึ่งเป็นการพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของอวิ๋นซื่อเทียน
“คิดไว้ไม่มีผิด การดื่มสุราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจริง ๆ !”
อวิ๋นซื่อเทียนส่ายศีรษะเบา ๆ ไป๋จั่นถังที่ข้ามภพมาในดินแดนนี้โดยไม่รู้ตัวและสือโหลวที่ถูกหลอกชิงลูกแก้วมรณะมาก็เป็นข้อพิสูจน์เรื่องนี้ได้ดีที่สุด
ทุกคนหัวเราะกันอย่างสบาย ๆ และบรรยากาศผ่อนคลายอย่างมาก
ในเมื่อได้ลูกแก้วมรณะมาครองแล้ว ตอนนี้พวกนางเพียงต้องรอให้กระบวนการหลอมพลังของฉินอวี้โม่เสร็จสมบูรณ์ ตราบใดที่ควบคุมพลังแห่งความตายในไม้มรณะได้ แผนการของพวกนางก็เท่ากับว่าสำเร็จไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว
ในขณะที่เวลาผ่านไป ฉินอวี้โม่ก็เดินออกมาจากห้องฝึกวิชาในช่วงเวลาที่โลกภายนอกใกล้รุ่งสาง
“เป็นอย่างไร สำเร็จรึไม่ ?”
อวิ๋นซื่อเทียนก้าวออกไปข้างหน้าและจับมือฉินอวี้โม่พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ ก่อนเดินเข้าไปใกล้ไป๋จั่นถังและกล่าว “เจ้าข้ามมาที่นี่ในร่างเดิม หรือว่าเป็นดวงวิญญาณที่เข้ามาอยู่ในร่างใหม่ ?”
แม้หลับตาลงตลอดการหลอมร่างกายเข้ากับพลังแห่งความตาย ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดอย่างชัดเจน
คิดไม่ถึงเลยว่าในหมู่จอมยุทธ์ปีศาจจะมีสมาชิกจากต่างโลกเหมือนกับพวกนางเช่นกัน เพียงแต่จากการสังเกตรูปลักษณ์ของไป๋จั่นถัง เขาก็น่าจะข้ามมาที่นี่ในร่างเดิม
“ร่างเดิม ท่านเป็นดวงวิญญาณในร่างใหม่รึ ?”
ไป๋จั่นถังข้ามมายังโลกนี้โดยตรง เขาจึงไม่มีความสัมพันธ์หรือความกังวลใดเกี่ยวกับดินแดนนี้ นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่เขาตัดสินใจติดตามฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียนด้วยความยินดี
“อวี้โม่ เราได้ลูกแก้วมรณะมาแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไป ?”
สายตาของทุกคนเลื่อนไปหยุดที่ฉินอวี้โม่เพื่อรอฟังแผนการต่อไป
“ลงมือเลยเถอะ ในเมื่อตอนนี้มีลูกแก้วมรณะอยู่ในมือแล้ว เราก็ไม่ต้องเผชิญกับปัญหายุ่งยากอีก ข้าเพียงต้องแปรเปลี่ยนพลังที่อยู่ในลูกแก้วมรณะและจึงจะสามารถควบคุมผีดิบเหล่านั้นได้”
การมีลูกแก้วมรณะในการครอบครองทำให้นางมั่นใจขึ้นมาก หากไม่มีมัน นางจะต้องสลายพลังของไม้มรณะทีละชิ้น ๆ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ยุ่งยากอย่างมาก
ตอนนี้นางไม่จำเป็นต้องเสียเวลานานจนเกินไปแล้ว ตราบใดที่แปรเปลี่ยนพลังในลูกแก้วมรณะให้กลายเป็นพลังของนาง นางก็จะสามารถควบคุมผีดิบทั้งหมดได้
ทุกคนพยักศีรษะตอบรับในขณะที่ฉินอวี้โม่รับลูกแก้วมรณะมาและเริ่มแปรเปลี่ยนพลังงานของมัน
พลังแห่งความตายที่สือโหลวฝึกฝนนั้นแตกต่างไปจากพลังแห่งความตายที่ฉินอวี้โม่หลอมรวมเป็นการชั่วคราวนี้ เนื่องจากมันมีฤทธิ์กัดกร่อนและรุนแรงกว่ามาก ในขณะที่พลังของฉินอวี้โม่มีรัศมีความสดใสอยู่ซึ่งบริสุทธิ์และยืดหยุ่นมากกว่าพลังของสือโหลว
เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดพลังของลูกแก้วมรณะก็เปลี่ยนแปลงไป พลังแห่งความตายที่เคยเป็นของสือโหลวก่อนหน้านี้ถูกลบล้างไปโดยฉินอวี้โม่และแทนที่ด้วยพลังของนางเอง
เมื่อนางใช้ความคิดเล็กน้อย ไม้มรณะในมือของไป๋จั่นถังก็ลอยขึ้นสูงกลางอากาศและกลายเป็นเพียงชิ้นไม้ธรรมดา ๆ ในเวลาเพียงครู่เดียว
“สำเร็จแล้ว !”
ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข ในเมื่อการทดลองประสบผลสำเร็จเช่นนี้ก็หมายความว่าพวกนางจะสามารถช่วยเหลือทุกคนและทำลายแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจได้
“ไปที่ลานจัตุรัสกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนรับหลานเผิงเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัวและมุ่งหน้าตรงไปยังลานจัตุรัส
ณ ลานจัตุรัสขนาดใหญ่ของเกาะ บรรดาศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกายต่างก็ท้อแท้สิ้นหวังกันเต็มที
ด้วยการที่มีผีดิบไร้จิตวิญญาณมากมายคอยคุ้มกันอยู่รอบตัว พวกเขาจึงไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น การที่คนของจอมยุทธ์ปีศาจบอกกับพวกเขาว่าฉินเทียนตัดสินใจเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้วก็ทำให้พวกเขาหมดหวังยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ารอชะตากรรมที่จะมาถึงเท่านั้น
“ไม่คิดเลยว่าท่านจอมยุทธ์ฉินเทียนจะขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูยิ่งนักที่เขาคิดทรยศขุมกำลังของดินแดนมหาเทพได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ !”
หลายคนจากนิกายเมฆาล่องลอยอดกล่าวสบถด้วยท่าทางที่หงุดหงิดไม่ได้
“หุบปาก !”
ศิษย์ของสำนักเบิกภูผาจ้องหน้าศิษย์นิกายเมฆาล่องลอยตาเขม็งทันที พวกเขาเชื่อมั่นว่าฉินเทียนมิใช่คนเช่นนั้นอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้ข่าวคราวจากฉินอวี้โม่และสหาย นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจยังพอมีความหวังอยู่บ้าง