เป้าหมายของสือโหลวชัดเจนอย่างที่สุด ซึ่งก็คือลูกแก้วมรณะในมือของฉินอวี้โม่นั่นเอง
ลูกแก้วมรณะคือกุญแจหลักในการควบคุมผีดิบทั้งหมด และบนเกาะแห่งนี้ ผีดิบและโครงกระดูกคือกองกำลังที่ทรงพลังที่สุด หากฉินอวี้โม่ควบคุมพวกมันไว้ได้ แผนการของพวกเขาก็จะไม่สำเร็จอีกต่อไป หากเรื่องนี้ทราบไปถึงหูของผู้นำ เกรงว่าเขาจะถูกลงโทษอย่างหนักเป็นแน่
ไม่ว่าอย่างไร สือโหลวก็ไม่มีทางยอมปล่อยให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ทำลายแผนการของพวกเขาอย่างแน่นอน
ตูมมม !
หานโม่ฉือเหวี่ยงฝ่ามือฟาดสือโหลวก่อนกระเด็นถอยหลังออกไป
แม้ไม่มีกองทัพผีดิบเข้ามาช่วย การรับมือกับสือโหลวก็ยังมิใช่เรื่องง่าย ความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นี้เหนือชั้นกว่าพวกเขามากนักและโดยพื้นฐานแล้วแทบไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาได้เลย
ฉินอวี้โม่เองก็ไม่คิดที่จะประจันหน้ากับสือโหลวอย่างซึ่ง ๆ หน้าเช่นกัน นางจึงใช้ลูกแก้วมรณะเพื่อควบคุมผีดิบจำนวนมากให้โจมตีฝ่ายของจอมยุทธ์ปีศาจ
“ทุกคนเร็วเข้า สือโหลวน่าจะยังมีไพ่ตายอื่นซ่อนไว้ รีบไปจากเกาะแห่งนี้กันก่อนเถอะ !”
ฉินเทียนและคนอื่น ๆ กำลังคุ้มกันให้กับบรรดาศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกายที่ได้รับการปลดผนึกปิดพลังและกำลังฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนมาโดยขัดขวางมิให้คนของจอมยุทธ์ปีศาจโจมตีพวกเขาได้
“ท่านจอมยุทธ์ไห่เย่า ท่านยังมีเรือมายาอยู่กับตัวอีกรึไม่ ?”
ไห่เย่าและบุรุษอีกคนจากชายฝั่งทางเหนือมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าคนอื่น ๆ พวกเขาจึงฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ พลังของพวกเขาก็กลับคืนมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว
หากต้องการหนีไปจากเกาะแห่งนี้ พวกเขาจะต้องใช้เรือมายา หมอกหนารอบเกาะยังคงไม่สลายไปและไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะต้องเผชิญภยันตรายใดที่ซ่อนไว้ เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้ารับความเสี่ยงนี้
“ยังมีอีกลำหนึ่ง”
ก่อนหน้านี้พวกเขาเตรียมเรือมาสองลำซึ่งเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน ทว่าในตอนที่เรือลำแรกล่มไป เขาก็หมดสติก่อนที่จะหยิบเรือลำที่สองออกมาใช้ได้
“ดีเลย อีกประเดี๋ยว เมื่อทุกคนฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้ในระดับหนึ่ง พวกเราก็จะล่าถอยไปที่ชายหาดด้วยกันก่อนขึ้นเรือหนีกลับไปที่ชายฝั่งทางเหนือ”
แม้ฉินอวี้โม่จะมีลูกแก้วมรณะและสามารถควบคุมผีดิบได้ชั่วคราวเพื่อให้พวกมันโจมตีจอมยุทธ์ปีศาจ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าสือโหลวจะไม่มีไพ่ตายอื่นซ่อนไว้
สิ่งที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้คือการถอนกำลังกลับไปที่ชายฝั่งทางเหนือและหารือรายละเอียดกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับการทำลายแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจ
ทุกคนพยักศีรษะตอบรับและเข้าใจความหมายของฉินเทียนเป็นอย่างดี
เวลานี้ ผีดิบจำนวนมากกลางอากาศก็เข้าล้อมรอบฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจและโจมตีพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
แม้คนของจอมยุทธ์ปีศาจจะแข็งแกร่งพอสมควร พวกเขาก็ไม่อาจเอาชนะผีดิบที่ไม่กลัวตายเหล่านี้ได้ ภายในเวลาเพียงสองก้านธูป พวกเขาก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไป
แต่ทว่า…ในสถานการณ์นี้ก็ยังมีใครบางคนที่เป็นข้อยกเว้น
ขณะประจันหน้ากับผีดิบมากกว่าสิบตน สือโหลวก็ค่อย ๆ กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ ความแข็งแกร่งของเขาเทียบเท่าได้กับผู้นำของสามสำนักและเก้านิกายและผีดิบเหล่านี้ไม่ถือเป็นภัยคุกคามสำหรับเขา
“เหอะ ในเมื่อข้าใช้ประโยชน์ไม่ได้ พวกเจ้าก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป !”
เขาแค่นเสียงเย็นชาขณะที่พลังแรงกล้าบางอย่างก็แผ่จากร่างของเขาตรงไปยังผีดิบรอบตัว
ร่างของผีดิบเหล่านั้นก็เริ่มหลอมละลายไปอย่างรวดเร็ว และภายในเวลาเพียงครู่เดียว พวกมันก็สลายกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านและหายวับไปในอากาศ
เป็นจริงดังที่คิดไว้ สือโหลวยังมีไพ่ตายอื่นจริง ๆ !
ทุกคนพยายามต่อสู้ป้องกันตัวขณะล่าถอยออกไปจนถึงใกล้น่านน้ำ
ไห่เย่าไม่รอช้าและโยนเรือลงในทะเลพร้อมถ่ายทอดพลังมายาลงไปก่อนที่คนอื่น ๆ จะขึ้นมาบนเรืออย่างรวดเร็ว จากนั้นฉินเทียนก็ร่วมมือกับจอมยุทธ์จำนวนหนึ่งเพื่อวางม่านป้องกันไว้รอบตัวเรืออีกครั้งโดยที่ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ !”
เขาตะโกนเรียกฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือผู้ซึ่งยังคงติดพันอยู่กับสือโหลวเพื่อบอกให้ทั้งสองรีบขึ้นเรือโดยเร็ว
ทั้งสองพยักศีรษะตอบรับในขณะที่ฉินอวี้โม่โยนระเบิดพลังมายาไปยังคู่ต่อสู้ก่อนหนีขึ้นเรือไปพร้อมกับหานโม่ฉือ
ไห่เย่าก็ปลดปล่อยพลังมายาออกไปเพื่อขับเคลื่อนเรือและเร่งความเร็วมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่จากมาทันที
ตูมมม !
ระเบิดพลังมายาของฉินอวี้โม่ระเบิดเข้าใส่สือโหลวจนเกิดเสียงดังสนั่น อย่างไรก็ตาม สือโหลวมีพลังอำนาจที่แกร่งกล้ามากเกินไปและระเบิดดังกล่าวทำให้สภาพของเขาดูสกปรกได้เท่านั้นโดยไม่อาจทำให้บาดเจ็บได้เลย
“บัดซบ !”
สือโหลวเดือดดาลมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะพลังมายาทั่วทั้งร่างกายเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสูงสุดก่อนที่จะทำให้ผีดิบที่ยังหลงเหลืออยู่รอบตัวเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่านไปในชั่วพริบตา กล่าวได้ว่าพลังของเขาน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
“คิดจะหนีงั้นรึ ฝันไปเถอะ !”
ร่างของเขาพุ่งตรงออกไปยังทิศทางที่ฉินอวี้โม่และทุกคนหนีไปทันทีพร้อมปล่อยก้อนพลังตรงเข้าใส่ม่านป้องกันรอบตัวเรือ
เรือทั้งลำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงส่งผลให้สีหน้าของผู้ที่อ่อนแอบนเรือซีดเผือดลงเล็กน้อย
ครานี้มีผู้โดยสารบนเรือมากกว่าขามามากพอสมควร นั่นเป็นเพราะประชากรของชายฝั่งทางเหนือที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้รับการช่วยเหลือและหนีขึ้นเรือมาด้วยเช่นกัน
“เราจะทำอย่างไรกันดี เขาแข็งแกร่งเกินไป หากปล่อยให้เขาโจมตีต่อไป เรือของเราจะถูกทำลายแน่ !”
ศิษย์คนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ความแข็งแกร่งของสือโหลวเหนือกว่าเขาและสหายเป็นอย่างมาก หากปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีต่อไปเช่นนี้ ในไม่ช้าก็เร็ว เรือลำนี้อาจตั้งรับไม่ไหวและจมไปในที่สุด
“เราจะหยุดเขาเอง ทุกคนไปกันก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือสบตากันก่อนมุ่งหน้าขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อขวางกั้นการโจมตีของสือโหลว
“เพียงแค่พวกเจ้าสองคน คิดว่าจะขวางข้าผู้นี้ได้รึ ?!”
สือโหลวกล่าวด้วยสีหน้าดูแคลนอย่างที่สุด ต่อให้จะสูญเสียการควบคุมผีดิบเหล่านั้นไป ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ยังไม่เก่งกาจพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อยู่ดี
“ฉินอวี้โม่ ยอมเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจของข้าเสียดี ๆ เถอะ และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า !”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขณะแผ่แรงกดดันอันทรงพลังตรงไปยังฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ ทว่าเขาก็ยังไม่ลืมที่จะทาบทามอีกฝ่ายมาเป็นพวกเช่นกัน
หากสามารถโน้มน้าวใจและดึงจอมยุทธ์ฝีมือดีทั้งสองมาเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจได้ แผนการในตอนนี้ก็จะยังดำเนินต่อไปได้และตัวเขาก็จะได้รับรางวัลอย่างงามที่ทำให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเข้าร่วมกับขุมกำลังได้สำเร็จ
“ฮ่า ๆ ๆ อยากให้ข้าเข้าร่วมกับพวกเจ้าจอมยุทธ์ปีศาจอย่างนั้นรึ ? น่าเสียดายที่เจ้าตัวเหม็นหึ่งจนเกินไป มิฉะนั้นข้าอาจจะเก็บมาพิจารณาก็เป็นได้ !”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันและปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
สิ่งที่นางกล่าวออกไปก็เป็นความจริงที่ไม่อาจมองข้าม ยิ่งนางบ่มเพาะพลังแห่งความตายเป็นเวลานานเพียงใด ในร่างกายของนางก็จะมีกลิ่นเหม็นเน่ามากเพียงนั้นและมันมิใช่กลิ่นที่น่าอภิรมย์เลยสักนิด
ไป๋จั่นถังบ่มเพาะพลังแห่งความตายเพียงไม่นานและร่างกายของเขายังไม่แผ่กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา ทว่าสือโหลวผู้นี้บ่มเพาะพลังดังกล่าวมานานหลายร้อยปี ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้ กลิ่นเหม็นคลุ้งก็ปะทะจมูกและทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกสะอิดสะเอียนทันที
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ?!”
สือโหลวตะโกนกร้าวทันที ตอนนี้พลังมายาของเขาก็ก่อตัวรวมเป็นกระบี่เล่มยาวและจ้วงแทงตรงไปที่สตรีตรงหน้า
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อยและโล่มายาก็ก่อตัวขึ้นตรงหน้าเพื่อขัดขวางการโจมตีของอีกฝ่ายไว้
“สือโหลว ลองดูนี่สิ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมหยิบลูกแก้ววิญญาณที่สามารถใช้เรียกร่างอวตารของฮวาฟางเฟยออกมาก่อนทำลายมันทิ้งทันที จากนั้นร่างเลือนรางของจ้าวนิกายแห่งนิกายหมื่นบุปผาก็ปรากฏตัวกลางอากาศ
“อวี้โม่ มีเรื่องอะไรหรือ ?”
ร่างอวตารของฮวาฟางเฟยยืนผงาดอยู่กลางอากาศขณะกวาดสายตาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวก่อนหยุดลงที่สือโหลวและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“จอมยุทธ์ปีศาจรึ ?”
นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่มาจากร่างกายของสือโหลวทันทีทว่ายังไม่ลงมือทำสิ่งใด
“ท่านจ้าวนิกาย กลุ่มคนที่ก่อความวุ่นวายที่นี่ก็คือจอมยุทธ์ปีศาจและเขาคือหัวหน้าของคณะจอมยุทธ์ปีศาจในครานี้ หากกำจัดเขาได้สำเร็จ เราก็จะทำลายแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจได้อย่างแน่นอน หากความแข็งแกร่งของร่างอวตารของท่านยังไม่มากพอที่จะสังหารเขาได้ เช่นนั้นก็ขอให้ท่านช่วยขัดขวางเขาไว้ก่อนเพื่อที่เราจะได้หลบหนีไปตั้งหลักเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวออกไปทันทีในขณะที่คิ้วขมวดเล็กน้อย
เมื่อพิจารณาถึงข้อสันนิษฐานเดิมก่อนหน้านี้ นางไม่มั่นใจเลยว่าฮวาฟางเฟยจะลงมือทำเช่นนั้นหรือไม่
“พวกเจ้ารีบไปก่อนเถอะ !”
ฮวาฟางเฟยกล่าวพร้อมส่งสัญญาณให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือหนีไปก่อน
แม้เป็นเพียงร่างอวตาร ทว่าร่างนี้ก็ยังมีสติปัญญาและจิตวิญญาณของนาง ซึ่งฮวาฟางเฟยตัวจริงก็จะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
“ไปกันเถอะ !”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือหันมองหน้ากันก่อนเหาะออกไปไกลทันที