เรือลำใหญ่แล่นออกไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ และค่อย ๆ หายไปในม่านหมอกหนา ทว่าฮวาฟางเฟยยังคงประจันหน้ากับสือโหลวเช่นเดิม
“ฮ่า ๆ ๆ จ้าวนิกายฮวา ไม่ได้พบกันนานจริง ๆ”
สือโหลวถอนแรงกดดันที่แผ่ออกไปและกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะราวกับสนิทชิดเชื้อกับฮวาฟางเฟยมานาน
“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสสือนี่เอง ข้าก็นึกสงสัยว่าใครกันที่ก่อเรื่องวุ่นวายในมหาสมุทรทางเหนือ”
ฮวาฟางเฟยไม่แสดงความเป็นปฏิปักษ์ใด ๆ ทว่าน้ำเสียงเจือด้วยความเย้ยหยันเล็กน้อย
“จ้าวนิกายฮวาลืมข้อตกลงของเราไปแล้วหรือ ?”
วาจาเย็นชาของสือโหลวเพียงประโยคเดียวก็พิสูจน์ได้ว่าฮวาฟางเฟยมีความเชื่อมโยงกับจอมยุทธ์ปีศาจมาก่อนจริง ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าข้าไม่ลืม เพียงแต่สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และวุ่นวายเช่นนี้ นิกายหมื่นบุปผาของข้าที่เป็นหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายคงจะเพิกเฉยไปไม่ได้”
ฮวาฟางเฟยหัวเราะเบา ๆ และไม่คิดที่จะหลีกทางให้อีกฝ่ายในตอนนี้
เหตุการณ์ครานี้เป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่เดือดร้อนไปถึงขุมกำลังใหญ่ทั้งหมด หากนางเพิกเฉย นิกายหมื่นบุปผาก็จะถูกขุมกำลังอื่น ๆ ทิ้งไว้เบื้องหลัง ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็ทำลายลูกแก้ววิญญาณเพื่อเรียกร่างอวตารของนางออกมาช่วยเหลือ เพราะเหตุนั้น ฮวาฟางเฟยจึงต้องกระทำบางอย่างเพื่อมิให้คนอื่น ๆ สงสัยในตัวนางเช่นกัน
“ผู้อาวุโสสือ ปล่อยพวกนางไปก่อนเถอะและค่อยหาทางอื่นในภายหลัง ไม่เช่นนั้นมันจะก่อให้เกิดความสงสัยขึ้นได้และมันจะเป็นผลร้ายต่อแผนการของเราในอนาคตอย่างแน่นอน”
นางกล่าวขึ้นเบา ๆ ทว่าน้ำเสียงเจือด้วยคำข่มขู่
“ฉินอวี้โม่นั่นขโมยลูกแก้วมรณะของข้าไปและควบคุมกองทัพผีดิบของเราได้แล้ว หากปล่อยนางไปง่าย ๆ แผนการของเราในครานี้ก็จะล้มเหลวไปอย่างสิ้นเชิงและข้าไม่สามารถรายงานเรื่องนี้ให้กับท่านผู้นำได้”
สือโหลวยังคงไม่ล้มเลิกตัดใจ แม้แผนการในอนาคตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่แผนการในครานี้ก็ล้มเหลวไม่ได้เช่นกัน พวกเขาวางแผนและเตรียมการมาเป็นเวลานาน หากแผนการพังไม่เป็นท่าเช่นนี้ ทุกอย่างที่ทำลงไปก่อนหน้านี้ก็คงสูญเปล่า
ยิ่งไปกว่านั้น ชายฝั่งทางเหนือถือเป็นหนามยอกอกของจอมยุทธ์ปีศาจ หากกำจัดคนเหล่านั้นไปไม่ได้ คนเหล่านั้นก็จะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังของจอมยุทธ์ปีศาจในอนาคตอย่างแน่นอน ครานี้พวกเขาเตรียมความพร้อมมานานเพราะต้องการกำจัดคนของชายฝั่งทางเหนือให้สิ้นซากไปเสียก่อน หากแผนการล้มเหลว มันจะส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างใหญ่หลวง
“ถ้าเช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่สู้กัน !”
พลังของฮวาฟางเฟยพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว นางไม่เสียเวลาเจรจาอย่างไร้ผลอีกต่อไปและตรงเข้าต่อสู้กับสือโหลว
เพียงแต่นางกำลังเสแสร้งแสดงละครเท่านั้นและไม่ได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ สือโหลวก็ทำลายร่างอวตารของฮวาฟางเฟยได้สำเร็จและไล่ตามไปยังทิศทางที่ฉินเทียนและคนอื่น ๆ หนีไป
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งสองอย่างชัดเจน
“คิดไว้แล้วเชียว เราคาดเดาไว้ไม่ผิดเลยจริง ๆ !”
ทั้งสองสบตากันและยืนยันข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ทันที
ฮวาฟางเฟยและจอมยุทธ์ปีศาจมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแท้จริง และดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน เชื่อว่าแผนการนั้นจะเป็นภัยร้ายต่อดินแดนมหาเทพอย่างแน่นอน เพียงแต่พวกนางยังต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อสืบทราบถึงรายละเอียดของแผนการดังกล่าวให้แน่ชัด
“นางไม่กลัวหรือว่าคนจากคนขุมกำลังอื่น ๆ จะรู้เข้า และทำให้นิกายหมื่นบุปผาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายจนเกินเยียวยา ?”
อวิ๋นซื่อเทียนก็อดกล่าวขึ้นไม่ได้ การร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจเป็นการกระทำที่ทุกขุมกำลังในดินแดนเทพมายาไม่มีทางยอมอดทนอดกลั้นอย่างแน่นอน สิ่งที่ฮวาฟางเฟยทำลงไปไม่ต่างจากการประกาศศึกกับขุมกำลังทั้งหมดในดินแดนและนั่นมิใช่สิ่งที่ดีสำหรับนิกายหมื่นบุปผาเลยสักนิด
“บางทีในฐานะจ้าวนิกาย นางอาจได้รับคำสัญญาบางอย่างจากจอมยุทธ์ปีศาจ”
ฉินอวี้โม่กล่าวข้อคาดเดาของตนออกไป
ยิ่งไปกว่านั้น นางสังหรณ์ใจลาง ๆ ว่าการที่นิกายหมื่นบุปผาจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไปจะต้องเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายมารในดินแดนเทพมายา นิกายหมื่นบุปผาและจอมยุทธ์ปีศาจในดินแดนมหาเทพ…ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ในที่สุดทุกอย่างก็สมเหตุสมผลขึ้นมาแล้ว !
“ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ปล่อยสือโหลวไปง่ายเกินไป เกรงว่าท่านลุงฉินต้องเจอปัญหาหนักแน่ เรารีบมุ่งหน้าไปที่นั่นโดยเร็วเพื่อช่วยขวางสือโหลวเอาไว้เถอะ”
ในเวลานี้อาการบาดเจ็บของหลานเผิงหายดีเป็นส่วนใหญ่แล้ว เขาก็ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ท่านพ่อและทุกคนใกล้ถึงชายฝั่งทางเหนือแล้ว แม้แต่สือโหลวก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น หากข้าเดาไม่ผิด ชายฝั่งทางเหนือก็น่าจะส่งคนออกมาช่วยแล้วเช่นกัน เรียกได้ว่าในเวลานี้คงจะไม่เกิดปัญหาใดอีกแล้ว”
ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยและเชื่อมั่นว่าน่าจะเป็นศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกายที่เดินทางมากับตนและประจำอยู่ที่ชายฝั่งทางเหนือ
เชื่อว่าหลังจากที่ไม่ได้ยินข่าวความคืบหน้าจากพวกนางนานหลายวัน ผู้เฒ่าไห่และคนที่ชายฝั่งทางเหนือคงจะเป็นกังวลจนอยู่ไม่ติดและส่งคนออกมาสืบสวน นั่นหมายความว่าฉินเทียนและคนอื่น ๆ บนเรือจะได้การช่วยเหลือจากพวกเขา
หากต่อสู้เพียงลำพัง พวกเขาเหล่านั้นไม่มีทางเทียบชั้นกับสือโหลวได้อย่างแน่นอน ทว่าการรวมตัวกันจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสระดับต้น ๆ ของขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นต่างก็เดินทางมาด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ยอดฝีมือจำนวนมากเช่นนั้นจะเพลี่ยงพล้ำต่อสือโหลวเพียงคนเดียว เพราะเหตุนั้น ฉินอวี้โม่จึงไม่กังวลอีกต่อไป
เป็นจริงดังที่ฉินอวี้โม่คิดไว้ เรือของฉินเทียนและทุกคนมุ่งหน้าผ่านม่านหมอกหนาและพบกับคนของสามสำนักและเก้านิกายระหว่างเดินทางกลับชายฝั่งทางเหนือ
“นั่นท่านจอมยุทธ์ฉินเทียน—รองจ้าวนิกายแห่งนิกายกระบี่สายฟ้า รวมถึงศิษย์คนอื่น ๆ เช่นกัน พวกเขากลับมาแล้ว”
เมื่อเห็นฉินเทียนและคนอื่น ๆ มุ่งหน้ากลับมา หลายคนที่รออยู่ก็ตื่นเต้นทันที
การเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อโดยไม่ได้รับข่าวใดตลอดหลายวันทำให้พวกเขาเป็นกังวลอย่างมาก ตอนนี้ฉินเทียนและคนอื่น ๆ กลับมาถึงอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเขาจะได้ทราบเสียทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเกาะลึกลับกลางมหาสมุทรคือสิ่งใดกันแน่
“นั่นมัน…คนของเรา !”
เมื่อเห็นคนจากชายฝั่งทางเหนือและคนของสามสำนักและเก้านิกาย ฉินเทียนและทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
ในเมื่อมีกลุ่มคนจำนวนมากตามมาสมทบเช่นนี้ ต่อให้สือโหลวไล่ตามมาทัน พวกเขาก็มีพลังอำนาจมากพอที่จะรับมือได้
ทว่าก่อนที่จะมีเวลาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกาะลึกลับ สือโหลวก็ไล่ตามมาถึงและแผ่แรงกดดันตรงไปที่ทุกคนทั่วบริเวณ
“นั่นคือผู้อาวุโสสือโหลวของจอมยุทธ์ปีศาจ เขาแข็งแกร่งมาก ทุกคนระวังตัวด้วยล่ะ !”
ฉินเทียนกล่าวเตือนทุกคนและเหาะขึ้นสูงกลางอากาศเพื่อประจันหน้ากับสือโหลว
บรรดาผู้อาวุโสของสามสำนักและเก้านิกายก็รีบตรงเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างรวดเร็วและปล่อยแรงกดดันที่แกร่งกล้าออกไปเผชิญหน้ากับสือโหลว
“มากันมากทีเดียว !”
ใบหน้าของสือโหลวบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาล่าช้าไปเพียงครู่เดียว ทว่าอีกฝ่ายกลับเรียกกำลังเสริมตามมาสมทบเป็นจำนวนมากเช่นนี้แล้ว
ในบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงนับสิบคน ฉินเทียนคือผู้ที่มีระดับพลังอ่อนแอที่สุด ในขณะที่คนอื่น ๆ ล้วนมีพลังเหนือกว่าเขา หากต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีร่วมกันของคนเหล่านี้ สือโหลวมีโอกาสชนะเพียงน้อยนิดเท่านั้น
“สือโหลว ในเมื่ออยากจะจับตัวพวกข้านักก็เชิญได้เลย”
ฉินเทียนยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะจ้องตรงไปที่สือโหลวด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
“เหอะ ที่แท้ก็เป็นจอมยุทธ์ปีศาจนี่เองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด !”
ผู้อาวุโสของสำนักเบิกภูผาแค่นเสียงเย็นชาและเหวี่ยงก้อนพลังมายาตรงไปที่ร่างของสือโหลว
สือโหลวไม่อยู่เฉยและเหวี่ยงฝ่ามือปล่อยก้อนพลังมายาออกไปเพื่อปัดเป่าก้อนพลังมายาของอีกฝ่ายโดยตรง
“รอก่อนเถอะ ข้าจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ แน่ ข้าจะพาคนกลับมาและพวกเจ้าจะต้องชดใช้อย่างสาสม !”
เมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้ไม่มีทางที่เขาจะดำเนินแผนการต่อไปได้ สือโหลวจึงกล่าวทิ้งท้ายและหันหลังให้ทุกคนก่อนหายวับไปในอากาศ
“ทุกคน เรากลับไปหารือกันก่อนจะดีกว่า เกาะแห่งนั้นอันตรายกว่าที่เราคิดไว้ สือโหลวนั่นน่าจะยังมีไพ่ตายอื่นซ่อนอยู่ หากผลีผลามตามไปในตอนนี้ เราก็อาจจะติดกับดักของเขาได้”
ฉินเทียนกล่าวกับหลายคนที่เตรียมไล่ตามสือโหลวออกไปเพื่อให้พวกเขากลับไปหารือกันอย่างจริงจังเสียก่อน
“ถ้าเช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ”
ทุกคนพยักศีรษะและกลับลงไปบนเรือ
“อีกอย่าง เหตุใดจึงมีหลายคนที่หายไปล่ะ ?”
เมื่อไม่เห็นฉินอวี้โม่และสหายอีกหลายคน ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเมฆาครามก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พวกนางยังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการและจะตามกลับไปทีหลัง”
ฉินเทียนไม่อธิบายสิ่งใดมากนัก เขาเองก็สงสัยใคร่รู้มากเช่นกันว่าฉินอวี้โม่จะได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์กลับมาหรือไม่…