สือฉินประหม่ากังวลทันทีที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเดินเข้ามา
เขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเหตุใดคนทั้งสองจึงจับตัวตนไว้ที่นี่และไม่ทราบว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ยังไม่อยากตาย ในเมื่อฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือปรากฏตัว เขาอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองจะเข้ามาปลิดชีวิตตน ความกระวนกระวายจึงก่อตัวขึ้นในใจของเขาทันที
“ไข่มุก…ไข่มุกเลี่ยงวารีอย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อได้ยินคำถามของฉินอวี้โม่ เขาก็แอบถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความโล่งอก หากฉินอวี้โม่ไม่ได้เข้ามาเพื่อสังหารตน นั่นหมายความว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ไปได้อีกหลายวัน
“ข้าจะบอกทุกอย่างที่รู้มา แต่หลังจากนี้เจ้าปล่อยข้าไปได้รึไม่ ?”
สือฉินเสนอเงื่อนไขของตนออกไปอย่างระแวดระวัง เขาไม่อยากทนอยู่ที่นี่อย่างหวาดกลัวไปตลอดเวลาอีก
“เหอะ การให้ความร่วมมือแต่โดยดีอาจช่วยให้เจ้าทรมานน้อยลงได้ เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเจรจาต่อรองกับพวกข้าทั้งสิ้น !”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นชาทันที ในเวลานี้เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวข้างหลังนางและจับจ้องตรงไปที่สือฉินอย่างไม่สบอารมณ์
“ขะ…ข้าจะบอก ข้าจะบอกทุกอย่าง”
ใบหน้าของสือฉินเปลี่ยนไปทันทีและไม่กล้าตั้งเงื่อนไขใดอีกต่อไปขณะเริ่มกล่าวถึงข้อมูลที่ตนมี
อันที่จริง การเดินทางมาที่มหาสมุทรทางเหนือในครานี้ จุดประสงค์แรกของพวกเขาก็คือชายฝั่งทางเหนือ และอีกจุดประสงค์หนึ่งก็คือไข่มุกเลี่ยงวารีนั่นเอง
สือฉินไม่ทราบว่าผู้นำขุมกำลังสืบทราบมาได้อย่างไรว่าไข่มุกเลี่ยงวารีปรากฏอยู่ในบริเวณนี้และสือโหลวก็ไม่ได้บอกกับเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในบริเวณที่อสูรกลืนนภาอาศัยอยู่และเป็นข้อมูลที่ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าต้องการไข่มุกเลี่ยงวารีไปเพื่ออะไรกัน ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามต่อไป นางต้องการไข่มุกเลี่ยงวารีเพื่อพัฒนาปรับโฉมคฤหาสน์เฟิงหัว แล้วจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านี้จะใช้ไข่มุกเลี่ยงวารีเพื่อจุดประสงค์อันใดกัน ?
“ข้าก็ไม่ทราบ พี่โหลวไม่ได้บอกเรื่องนี้กับข้า อย่างไรก็ตาม ข้ามั่นใจว่าหากได้ไข่มุกเลี่ยงวารีมาครอง ความแข็งแกร่งของพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจจะพัฒนาขึ้นอย่างมากและการเอาชนะสามสำนักและเก้านิกายของดินแดนมหาเทพก็จะมิใช่เรื่องยากอีกต่อไป”
สือฉินส่ายศีรษะเบา ๆ และไม่ทราบเลยว่าจอมยุทธ์ปีศาจต้องการใช้ไข่มุกเลี่ยงวารีอย่างไร ตัวเขาเองก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าไข่มุกที่ตามหามีประโยชน์ในการใช้งานด้านใด
เมื่อไม่ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็หันหลังกลับเพื่อออกจากห้องไป
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกับข้า ?”
สือฉินอดที่จะเอ่ยถามข้อสงสัยภายในใจไม่ได้ การอยู่ที่นี่ในแต่ละวันของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความหวาดระแวง เขาจึงต้องการทราบว่าคนเหล่านี้วางแผนที่จะทำอะไรกับตน
“ทำใจให้สบายเถอะ ตราบใดที่เจ้าปฏิบัติตัวเป็นอย่างดี พวกเราจะไม่ฆ่าเจ้า”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สือฉินผู้นี้ยังมีประโยชน์ในอนาคต สำหรับตอนนี้ นางเพียงต้องการขังเขาไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยที่ยังไม่มีความคิดที่จะจัดการกับเขา
นับว่าจอมยุทธ์ปีศาจมีพื้นเพภูมิหลังที่ไม่ด้อยไปกว่าสามสำนักและเก้านิกายเลย สำหรับสิ่งที่ล้ำค่าอย่างไข่มุกเลี่ยงวารี แม้แต่คนของสามสำนักและเก้านิกายก็ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดด้วยซ้ำ ทว่าคนเหล่านั้นกลับระบุพิกัดของมันได้อย่างคร่าว ๆ อีกทั้งพวกเขาก็มีความสามารถในการเปลี่ยนร่างไร้ชีวิตให้กลายเป็นกองทัพผีดิบที่ทรงพลังซึ่งเป็นความสามารถที่สามสำนักและเก้านิกายไม่มีทางที่จะบรรลุได้
หากมีขุมกำลังใดในสามสำนักและเก้านิกายของดินแดนมหาเทพที่เลือกจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจ ดินแดนมหาเทพจะตกอยู่ในอันตรายเป็นอย่างมาก
การที่พวกเขายังไม่ลงมือทำสิ่งใดในตอนนี้ เกรงว่าเป็นเพราะยังมีความกระดากใจอยู่บ้าง
ตอนนี้แม้ว่าพวกนางจะทำลายแผนการที่ชายฝั่งทางเหนือไปแล้ว ทว่าหากจอมยุทธ์ปีศาจได้ไข่มุกเลี่ยงวารีไปครอบครอง มันอาจถึงเวลาที่ขุมกำลังเหล่านั้นจะเริ่มลงมือ…
ณ โลกภายนอก การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด
ความแข็งแกร่งของอสูรกลืนนภาเหนือกว่าสือโหลวมาก ทว่ามันก็ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ในเวลาสั้น ๆ
ครานี้สือโหลวเดินทางมาพร้อมกับสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจอีกหลายสิบคนและคนเหล่านั้นล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับที่ไม่ธรรมดาซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอสูรกลืนนภาได้พอสมควร
“อสูรกลืนนภา ส่งไข่มุกเลี่ยงวารีมาแต่โดยดีแล้วพวกข้าจะไม่เข้ามาเหยียบที่ผืนมหาสมุทรนี้อีกต่อไป มิฉะนั้น พวกข้าก็ไม่รังเกียจที่จะเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นมหาสมุทรแห่งความตาย !”
น้ำเสียงของสือโหลวแสดงความข่มขู่อย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไร ครานี้เขาก็ต้องกลับไปพร้อมกับไข่มุกเลี่ยงวารีให้ได้
แผนการก่อนหน้านี้ถูกทำลายจนพังไม่เป็นท่าเพราะฝีมือของฉินอวี้โม่และทุกคน หากพวกเขาไม่ได้ไข่มุกเลี่ยงวารีกลับไปอีก พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าจะแก้ตัวกับผู้นำของตนอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้ไข่มุกเลี่ยงวารีมาครอง ด้วยความแข็งแกร่งเดิมของพวกเขา พวกเขาก็อาจจะเอาชนะทุกคนที่ชายฝั่งทางเหนือได้และแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้อีกครั้ง
“ฮ่า ๆ ๆ ช่างหน้าไม่อายเลยจริง ๆ จอมยุทธ์ปีศาจอย่างพวกเจ้าเก่งกาจเพียงแต่ในเรื่องชั่วร้ายและสกปรกเท่านั้น อยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะเอาชนะข้าผู้นี้อย่างไร !”
“กรรรร !”
อสูรกลืนนภาไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อยและคำรามเสียงดังสนั่นขณะกลับคืนร่างเดิมของมัน
รูปลักษณ์ของอสูรกลืนนภาดูคล้ายคลึงกับเต่ามังกรเล็กน้อย ด้วยผลึกน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มชั้นหนาที่ปกคลุมทั้งร่างและเดือยแหลมจำนวนมากบนกระดอง ตราบใดที่แตะต้องมัน ศัตรูจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
ลำตัวของมันก็มีขนาดมหึมาซึ่งเทียบเท่าได้กับเกาะลูกหนึ่งขณะบินโฉบเหนือผืนน้ำด้วยท่วงท่าอันงดงามตระการตา
พลังมายาปริมาณมหาศาลที่แผ่ออกจากลำตัวของมันส่งผลให้ผืนน้ำรอบ ๆ เริ่มแข็งตัวขึ้นมาและบรรยากาศทั่วบริเวณกลายเป็นความเยือกเย็นจนน่าหวาดหวั่น
“ฮ่า ๆ ๆ อสูรมายาที่ทรงพลังเช่นนี้ หากสยบเจ้ามาเป็นอสูรของข้าได้ มันก็คงจะดีไม่น้อย !”
สือโหลวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะแส้เส้นยาวสีดำปรากฏในมือและประกายความชั่วร้ายฉายชัดในแววตา
“แส้ดูดวิญญาณ !”
ความหวาดหวั่นเจือในน้ำเสียงของอสูรกลืนนภาเล็กน้อย แส้ดูดวิญญาณคืออาวุธทรงพลังในตำนาน เมื่อฟาดเข้าที่มนุษย์หรืออสูรมายา มันสามารถดูดกลืนพลังมายาในร่างของเป้าหมายได้ กล่าวกันว่าหากถูกโจมตีด้วยแส้ดูดวิญญาณไปครบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าครั้ง เป้าหมายจะสูญเสียพลังมายาทั้งหมดในร่างไปและกลายเป็นเพียงขยะไร้ค่าเท่านั้น
“โอ้ รู้จักอาวุธนี้ด้วยรึ ? ถูกต้อง นี่คือแส้ดูดวิญญาณ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งหนึ่ง จะยอมเป็นอสูรพันธสัญญาของข้าแต่โดยดีรึไม่ ?!”
สือโหลวฟาดแส้ในมืออย่างแรงพลางกล่าววาจาข่มขู่
“ไม่มีทาง คนอัปลักษณ์อย่างเจ้าจะคู่ควรกับการเป็นนายของข้าอสูรกลืนนภาได้อย่างไร !”
ทันทีที่แส้ดูดวิญญาณถูกนำออกมา เมื่อการต่อสู้อันดุเดือดดำเนินต่อไป อสูรกลืนนภาจะต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจึงตัดสินใจพุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว ศัตรูของศัตรูถือเป็นมิตรและพวกนางไม่มีทางปล่อยให้สือโหลวทำร้ายอสูรกลืนนภาได้อย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ได้ไข่มุกเลี่ยงวารีมาครองดังต้องการ ทั้งสองก็จะปล่อยให้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ตกไปอยู่ในมือของจอมยุทธ์ปีศาจไม่ได้โดยเด็ดขาด
“ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยรึ !”
สือโหลวชะงักไปเล็กน้อยก่อนมองคนทั้งสองด้วยแววตาเย็นชา
“ในดินแดนนี้ พวกเจ้ามิใช่เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ทราบเกี่ยวกับตัวตนของไข่มุกเลี่ยงวารี บังเอิญว่าไข่มุกนั่นก็มีประโยชน์สำหรับข้ามาก หากต้องการมันไปครอง เจ้าก็ต้องถามความเห็นของข้าก่อน !”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและขยับเข้าไปใกล้อสูรกลืนนภา
“เหตุใดเราไม่ร่วมมือกันเพื่อขับไล่คนพวกนี้ออกไปก่อนล่ะ ?”
อสูรกลืนนภาเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ ทว่ามันก็คาดเดาบางอย่างได้ในทันทีและทราบว่าพวกนางต้องการไข่มุกเลี่ยงวารีไปเพราะจุดประสงค์ใด
อสูรกลืนนภาชิงชังสือโหลวและจอมยุทธ์ปีศาจอย่างที่สุด มันย่อมไม่ปฏิเสธความคิดที่จะร่วมมือจัดการกับคนเหล่านี้
“ตกลง แต่ข้าก็อยากบอกกับเจ้าทั้งสองอีกครั้ง ข้าไม่ทราบจริง ๆ ว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ที่ใด หากยังยืนกรานที่จะตามหาให้ได้ ข้าก็ไม่ยอมให้พวกเจ้าทำตามที่ต้องการหรอก”
มันพยักหน้าและกล่าววาจายืนยันทัศนคติของตน
“จัดการคนพวกนี้ให้สำเร็จก่อนเถอะ !”
ฉินอวี้โม่ก็ตอบกลับโดยไม่ได้รับปากขณะโบกมือเล็กน้อยเพื่อเรียกผีดิบจำนวนหนึ่งมากลางอากาศ
“เราจะจัดการบุรุษที่มีแส้ดูดวิญญาณนั่นเอง เชิญท่านจัดการคนที่เหลือตามสบาย”
นางสบตากับหานโม่ฉือและมุ่งหน้าเข้าโจมตีสือโหลวอย่างรวดเร็ว
“เหอะ คราก่อนข้าปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้ อยากเห็นนักว่าครานี้ใครจะมาช่วยพวกเจ้าได้อีก !”
สือโหลวแค่นเสียงเย็นชาและไม่ได้สนใจนักว่าจะต้องต่อสู้กับใครขณะตอบโต้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
บรรดาผีดิบและอสูรกลืนนภาก็ต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจส่วนที่เหลืออย่างดุเดือด
ภายในเวลาเพียงครู่เดียว การต่อสู้กันอย่างดุเดือดของทุกชีวิตกลางอากาศก็ก่อให้เกิดคลื่นพลังปั่นป่วนไปทั่วบริเวณ