สือโหลวแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตระหนักดีว่าต่อให้จะร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
เพราะเหตุนั้น ทั้งสองจึงไม่ต้องการเอาชนะอีกฝ่าย เพียงแต่ต้องการควบคุมให้เขาติดพันในระยะหนึ่งเท่านั้น
อาวุธสำคัญที่สือโหลวพึ่งพาอาศัยในครานี้ก็คือแส้ดูดวิญญาณ ตราบใดที่ไม่มีมันอีกต่อไป จอมยุทธ์ปีศาจส่วนที่เหลือก็ไม่มีทางเป็นคู่มือให้กับอสูรกลืนนภาได้อย่างแน่นอน
และเป็นจริงดังที่คิดไว้ สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจจำนวนหลายสิบคนไม่สามารถทำอันตรายต่ออสูรกลืนนภาได้แม้แต่น้อย
อสูรกลืนนภาคืนกลับร่างเดิมของมันแล้วและการลงมือโจมตีทุกคราจะทำให้คู่ต่อสู้รอบตัวบาดเจ็บสาหัสไปตาม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้น เดือยแหลมบนหลังของมันก็กลายเป็นโล่ป้องกันที่ดีและทำให้ไม่มีผู้ใดแตะต้องร่างของมันได้ ภายในเวลาเพียงไม่นาน คนเหล่านั้นก็ล้วนบาดเจ็บหนักและสูญเสียประสิทธิภาพในการต่อสู้ไปมาก
บนอากาศ แม้ว่าความแข็งแกร่งของสือโหลวจะเหนือกว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่ร่วมมือกัน ทว่าเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะทั้งสองได้ในเวลาสั้น ๆ
ทั้งสองก็ไม่ได้ประจันหน้ากับเขาอย่างซึ่ง ๆ หน้า หานโม่ฉือรับหน้าที่ในการหลอกล่อโจมตีในขณะที่ฉินอวี้โม่จัดวางข่ายอาคมเพื่อพยายามยับยั้งการเคลื่อนไหวของสือโหลวไว้
การต่อสู้ครานี้ก็ทำให้สือโหลวฉุนเฉียวอย่างที่สุด คู่ต่อสู้ทั้งสองไหลลื่นยิ่งกว่าปลาดุกเสียอีกและเขาไม่สามารถโจมตีถึงตัวทั้งสองได้เลย…
“เหอะ เจ้าพวกขยะเน่าเสีย คิดที่จะต่อกรกับข้าผู้นี้งั้นรึ ? น่าขันชะมัด !”
อสูรกลืนนภาแค่นเสียงเย็นชาและปลดปล่อยพลังอันแรงกล้าออกไปรอบตัวโดยทำให้จอมยุทธ์ปีศาจหลายคนกระเด็นจมลงไปในน้ำทะเลตาม ๆ กัน
แม้จอมยุทธ์ปีศาจจะเป็นขุมกำลังชั่วร้าย อสูรกลืนนภาก็ไม่คิดสังหารคนเหล่านั้นโดยตรง มันเพียงโจมตีในระดับที่หนักหน่วงมากพอ ทว่าไม่ทำให้พวกเขาถึงตาย
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ !”
สีหน้าของสือโหลวในตอนนี้บิดเบี้ยวอย่างที่สุดและสบถเย็นชาด้วยแววตารังเกียจเดียดฉันท์
“เหอะ สุดท้ายไข่มุกเลี่ยงวารีก็จะต้องตกเป็นของข้าอยู่ดี !”
หลังจากกล่าวทิ้งท้าย เขาก็หันหลังกลับและพุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าทำได้เพียงข่มขู่ผู้คนเท่านั้นแหล่ะ”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าววาจาถากถาง
ในเวลานี้จอมยุทธ์ปีศาจส่วนที่เหลือก็รีบหลบหนีไปตาม ๆ กันและหายตัวไปจากอาณาเขตของอสูรกลืนนภาอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ในเมื่อพวกนั้นหนีกลับไปหมดแล้ว เราก็ไปกันเถอะ !”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับหานโม่ฉือข้างกายและทั้งสองก็เตรียมตัวไปจากที่นี่เช่นกัน
“ช้าก่อน !”
จู่ ๆ อสูรกลืนนภาก็เอ่ยเรียกเพื่อหยุดทั้งสองไว้และไม่วางท่าเย่อหยิ่งเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“มนุษย์เอ๋ย ข้าไม่ทราบจริง ๆ ว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าทั้งสองมั่นใจว่าไข่มุกดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของข้า ข้าก็จะไม่ขัดขวาง จอมยุทธ์ปีศาจพวกนั้นจะตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีอย่างไม่หยุดหย่อนตราบใดที่มันยังอยู่ที่นี่ และนั่นหมายความว่าข้าจะไม่มีวันได้อยู่อย่างเป็นสุข ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ายอมให้เจ้าทั้งสองตรวจดูรอบ ๆ จะดีกว่า หากพบมันและนำมันออกไปได้ ข้าก็คงไม่ต้องเผชิญกับปัญหาใดในอนาคตอีก”
มันกล่าวอย่างตรงไปตรงมาทว่าทั้งหมดนั้นเป็นความจริง มันบ่มเพาะวิชาอยู่ที่นี่มานานนับพันปีและไม่เคยทราบเลยว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ที่ใด ไข่มุกดังกล่าวเป็นสมบัติพลังฟ้าดินที่ล้ำค่า แม้ระดับพลังของมันจะไม่ต่ำและสายเลือดอสูรกลืนนภาของมันก็บริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ทว่ามันก็ไม่เคยสัมผัสได้ถึงตัวตนของไข่มุกเลี่ยงวารีมาก่อน
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก เมื่อเราพบมัน เราจะไปจากที่นี่ทันทีและจะไม่มารบกวนการบ่มเพาะพลังของท่านอีก”
ฉินอวี้โม่ประกบกำปั้นทั้งสองเข้าด้วยกันและกล่าวอย่างจริงใจ อสูรกลืนนภายินยอมให้พวกนางสำรวจในอาณาเขตของมันได้ เพราะเหตุนั้นพวกนางจึงไม่ต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ และสามารถตามหาได้อย่างเปิดเผย
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ข้าก็ทำเพื่อตัวข้าเองเช่นกัน”
อสูรกลืนนภาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนดำดิ่งลงในมหาสมุทรและหายเงียบไปครู่ใหญ่
จากนั้นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ออกสำรวจไปทั่วบริเวณเพื่อตามหาพิกัดของไข่มุกเลี่ยงวารี
ในเวลานี้ ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และเนตรปีศาจก็ปรากฏขึ้นในมือของทั้งสองเช่นกัน พวกมันมีประสาทการรับรู้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังทีเดียวซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการช่วยพวกนางตามหาไข่มุกเลี่ยงวารี
“นายหญิง โดยปกติแล้วไข่มุกเลี่ยงวารีมักปรากฏในท้องทะเลลึกซึ่งยากที่เราจะรับรู้ถึงพิกัดที่แน่ชัดได้จากบนผืนน้ำ อย่างไรก็ตาม หากเราดำดิ่งลงไป เราก็ไม่สามารถอยู่ใต้น้ำลึกได้นานนักซึ่งนั่นถือว่าเป็นปัญหาที่ยุ่งยากทีเดียว”
น้ำเสียงจนปัญญาของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่
ในอดีตที่ผ่านมา ไข่มุกเลี่ยงวารีมักปรากฏในท้องทะเลลึกและจะต้องดำลงไปเพื่อตามหาตำแหน่งที่แน่ชัดของมัน
อย่างไรก็ตาม ในท้องทะเลลึกเช่นนั้น ฉินอวี้โม่และพวกมันไม่สามารถใช้เวลาอยู่ได้นานเกินไปและการตามหาไข่มุกเลี่ยงวารีจะต้องใช้ระยะเวลาและความพยายามมากพอสมควร
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที คฤหาสน์เฟิงหัวของนางก็ไม่สามารถอยู่ในน้ำได้ตลอดเวลา อีกทั้งพวกนางก็ไม่มีอุปกรณ์สำหรับการดำน้ำและไม่สามารถดำดิ่งลงไปได้นานนัก
แม้ว่าจะมีอสูรมายาบางตัวที่ไม่กลัวน้ำลึก อย่างไรก็ตาม พวกมันก็มีความแข็งแกร่งในระดับที่ต่ำเกินไปจึงไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีได้
“นายหญิง ข้าจะลงไปสำรวจใต้น้ำเอง”
มารยากล่าวเสนอตัวและแสดงให้เห็นว่ามันไม่หวาดกลัวน้ำลึก ตัวตนที่แท้จริงของมันเป็นผลึกน้ำแข็งซึ่งแน่นอนว่าน้ำไม่สามารถทำอะไรมันได้ เพียงแต่มันไม่มีความสามารถในการรับรู้กลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีและอาจไม่เป็นประโยชน์มากนักต่อให้ดำลงไปใต้น้ำก็ตาม
“ข้าจะพาพวกเจ้าไปตามหามันเอง”
ในเวลานี้ ราวกับอสูรกลืนนภารับรู้ได้ถึงความยากลำบากของฉินอวี้โม่ มันปรากฏตัวขึ้นมาบนผืนน้ำอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ
“หากท่านยินดีที่จะช่วย นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบทันที อสูรกลืนนภาอาศัยอยู่ในน้ำลึกมาตลอด เพราะฉะนั้นมันก็น่าจะมีวิธีทำให้พวกนางอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานได้ ยิ่งไปกว่านั้น มหาสมุทรในบริเวณนี้ก็เป็นอาณาเขตของมันและจะช่วยบรรเทาปัญหาได้มากหากมีมันคอยนำทางอยู่
ในเวลานี้อสูรกลืนนภาก็อยู่ในร่างหลักของมันและส่งสัญญาณให้ฉินอวี้โม่และคณะขึ้นไปบนหลังของมัน
เดือยแหลมคมเหล่านั้นบนหลังของมันทำให้ฉินอวี้โม่นึกหวาดหวั่นไม่น้อย ทว่านางก็เชื่อมั่นในวาจาของอสูรกลืนนภาจึงไม่ลังเลและก้าวขึ้นไปทันที
ในช่วงเวลานี้ เดือยเหล่านั้นเหมือนจะอ่อนตัวลงเพื่อให้พวกนางนั่งลงได้โดยไม่ถูกทิ่มแทงและไม่เป็นอันตรายใด ๆ นอกจากนี้ อสูรกลืนนภาก็ยังระงับความเย็นจากทั่วทั้งลำตัวของมันไว้จึงไม่ส่งผลกระทบใดต่อฉินอวี้โม่ หลังจากที่ขึ้นมาบนหลังของมัน ม่านพลังก็ปรากฏขึ้นมารอบตัวของมันขณะพาฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือดำดิ่งลงไปในน้ำลึกโดยที่ไม่มีน้ำทะเลแม้แต่หยดเดียวที่ไหลเข้ามาได้
ระหว่างการเดินทางไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นและอสูรกลืนนภามุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่ฉินอวี้โม่ชี้นำอย่างรวดเร็วด้วยความระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม มันก็แอบคิดอยู่ภายในใจเช่นกัน ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือถือว่าเป็นมนุษย์ที่มีโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และเนตรปีศาจต่างก็เป็นตัวตนที่ล้ำค่าและเหนือธรรมชาติ การที่ทั้งสองสามารถควบคุมพวกมันได้ตามต้องการเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมิใช่มนุษย์ที่ธรรมดาอย่างแท้จริง
“นายหญิง กลิ่นอายของมันเข้มข้นมากขึ้น”
การเดินทางดำเนินไปโดยไม่ทราบเลยว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ทว่าเมื่อเสียงของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นและบ่งบอกว่ากลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีเข้มข้นมากขึ้น นั่นก็หมายความว่าพวกนางเข้าใกล้เป้าหมายมากแล้ว
“มันอยู่ที่นี่งั้นรึ ?”
อสูรกลืนนภาชะงักไปเล็กน้อยทันที พื้นที่บริเวณนี้ของมหาสมุทรคือบริเวณที่มันอาศัยอยู่ หรือว่าไข่มุกเลี่ยงวารีที่ตามหาจะอยู่ในพระราชวังที่มันฝึกวิชาอยู่ตลอด ?
พระราชวังตรงหน้าดูเจิดจรัสและงดงามอย่างยิ่ง ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็คาดเดาบางอย่างได้ทันทีขณะหันไปมองอสูรกลืนนภาที่ยังคงงุนงง
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ลองเข้าไปดูในพระราชวังของข้าก่อนเถอะ”
อสูรกลืนนภาไม่รอช้าและนำทางทั้งสองเข้าไปในพระราชวังของมันทันที
“พระราชวังแห่งนี้มิใช่สิ่งที่ข้าสร้างขึ้นเอง ทว่ามันดำรงอยู่มานานมากแล้ว ในครานั้นข้ามาที่นี่และพบมันโดยบังเอิญ พื้นที่รอบบริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยสภาวะพลังที่หนาแน่นและเงียบสงบอย่างมากซึ่งเหมาะกับการฝึกวิชาของข้า ข้าจึงอาศัยอยู่ที่นี่มาตลอดนับพันปีที่ผ่านมา”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกระโดดลงจากหลังของมันและเดินเข้าไปในพระราชวังแห่งนี้ น้ำทะเลข้างนอกไม่สามารถหลั่งไหลเข้ามาได้และอากาศข้างในก็ถ่ายเทดีมาก ทั้งสองสามารถเดินชมไปรอบ ๆ ได้อย่างอิสระราวกับเดินอยู่บนผืนดินปกติ
มันคือพระราชวังขนาดใหญ่ที่งดงามหรูหราอย่างที่สุด พระราชวังแห่งนี้ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์และสองข้างทางเรียงรายไปด้วยไข่มุกราตรีซึ่งส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
“นายหญิง มันอยู่ตรงนั้น !”
เสียงของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นอีกครั้งและตอนนี้มันระบุพิกัดที่ชัดเจนของไข่มุกเลี่ยงวารีได้แล้วซึ่งอยู่ในห้องโถงหลัก