หากเป็นร่างจริงของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจ ซิวก็อาจนึกหวาดหวั่นเล็กน้อยและอาจจะมิใช่คู่มือของอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ตรงหน้ามีพลังเพียงครึ่งหนึ่งของร่างหลักเท่านั้นและมันไม่จำเป็นต้องกังวลเลยสักนิด
หลังจากเก็บตัวบ่มเพาะวิชามาอย่างยาวนาน ความแข็งแกร่งของซิวก็พัฒนาขึ้นมากและตอนนี้มันก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าหานโม่ฉือเสียอีก
ในดินแดนมหาเทพแห่งนี้ก็มีขีดจำกัดที่คอยยับยั้งมันเพียงไม่มากนัก ระดับพลังของมันจึงก้าวผ่านฉินอวี้โม่ไปได้แล้ว
ในเวลานี้ พลังของทั้งฝ่ายก็ปะทะกันกลางอากาศและเกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ
“เหอะ รอก่อนเถอะ สักวันดินแดนมหาเทพจะต้องตกเป็นของจอมยุทธ์ปีศาจของข้าและท้ายที่สุดพวกเจ้าก็ต้องยอมก้มหัวให้กับข้าเช่นกัน !”
หลังจากกล่าวทิ้งท้าย ร่างอวตารของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจก็หายวับไปกลางอากาศพร้อมกับแรงกดดันของเขา
“โชคดีที่ครานี้เป็นเพียงร่างอวตาร หากเป็นร่างหลัก เกรงว่าข้าเองก็อาจจะรับมือกับเขาไม่ได้…”
ซิวกลับมาหาฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
หากร่างจริงของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจมาที่นี่ มันจะมิใช่คู่มือของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน เกรงว่าในทั่วทั้งดินแดนมหาเทพแห่งนี้ก็มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจได้
“เรากลับกันก่อนเถอะ”
ฉินอวี้โม่ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเก็บแหวนมิติและคทาของสือโหลวมาก่อนกล่าวขึ้นเบา ๆ
“ขอบคุณท่านมาก”
นางไม่ลืมที่จะหันไปกล่าวขอบคุณอสูรกลืนนภาที่ตอนนี้จำแลงเป็นร่างมนุษย์แล้ว หากมิใช่เพราะมันช่วยถ่วงเวลาไว้ พวกนางก็คงจะไม่สามารถรับมือได้นานพอเพื่อรอให้ซิวปรากฏตัวออกมาได้
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก หากทราบก่อนว่าอสูรแห่งโชคชะตาของเจ้าคืออสูรในตำนานเช่นนี้ ข้าก็คงจะไม่คิดเข้ามาช่วยเหลือด้วยซ้ำ”
อสูรกลืนนภาส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนหันหลังกลับและพุ่งตัวลงใต้น้ำลึกอย่างรวดเร็วจนหายไปจากสายตาของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ
ด้วยความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของซิว ต่อให้อสูรกลืนนภาไม่เข้ามาช่วย มันเชื่อว่านางก็คงไม่เป็นอันตรายใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่มีพลังน่าสะพรึงกลัวบางอย่างที่แผ่มาจากร่างของหานโม่ฉือ แม้มันจะปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วขณะ อสูรกลืนนภาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน
ด้วยพลังชนิดนั้น เชื่อว่าการทำลายร่างอวตารของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจมิใช่ปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน
หลังจากการเชื่อมต่อกับคฤหาสน์เฟิงหัวกลับคืนมา ฉินอวี้โม่และคณะก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปในคฤหาสน์ล่องหนทันที
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ใบหน้าของสือฉินในตอนนี้ซีดเผือดเป็นอย่างมาก เขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกจากในห้องที่ถูกกักขังไว้ได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นความตายอย่างน่าสังเวชของสือโหลว การที่ร่างอวตารของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจถูกขับไล่ออกไปโดยฝีมือของซิว หรือพลังมหาศาลที่แผ่มาจากร่างของฉินอวี้โม่
เขาอยู่ในคฤหาสน์ล่องหนนี้มาตลอด ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับรู้เกี่ยวกับตัวตนของซิว สำหรับอสูรแห่งโชคชะตาที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ บรรดาอสูรมายาที่เขาเคยพบเห็นก่อนหน้านี้ในคฤหาสน์เฟิงหัวก็เทียบไม่ติดฝุ่นเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม สือฉินก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีไม่น้อยที่ถูกขังไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัวเสียก่อน มิฉะนั้น เขาก็อาจจะลงเอยด้วยชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าสือโหลวเสียอีก
ตอนนี้สือโหลวตายไปแล้วและร่างอวตารของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจก็หลบหนีกลับไป เกรงว่าจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ที่เกาะโดดเดี่ยวก็คงจะถูกกวาดล้างในไม่ช้าและนั่นหมายความว่าแผนการของพวกเขาล้มเหลวไปโดยสมบูรณ์แล้ว
ชายฝั่งทางเหนือยังไม่ได้ถูกกำจัดไปและฉินอวี้โม่ก็ได้ไข่มุกเลี่ยงวารีไปครองแล้ว ในอนาคตข้างหน้า พวกนางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่น่าหวาดหวั่นที่สุดของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกลับมาในคฤหาสน์เฟิงหัว สือฉินก็ไม่กล้าคิดสิ่งใดและหวังเพียงว่าทั้งสองจะไม่สังเกตเห็นหรือสนใจตัวเขา แม้ต้องอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวต่อไป มันก็ย่อมดีกว่าการต้องสูญเสียชีวิตของตนเอง…
เมื่อเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่ก็เริ่มกล่าวถึงเรื่องการพัฒนาคฤหาสน์กับไข่มุกเลี่ยงวารี
“นายหญิง เรื่องนี้ง่ายมาก ข้าเพียงต้องถ่ายทอดพลังส่วนหนึ่งไว้ที่นี่เพื่อพัฒนาพลังของคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อท่านพบวัตถุดิบที่เหลือ การพัฒนาปรับโฉมมันก็จะเสร็จสมบูรณ์ไปโดยธรรมชาติ”
ขณะกล่าวเช่นนั้น พลังส่วนหนึ่งก็แผ่ออกจากไข่มุกเลี่ยงวารีและห่อหุ้มไปทั่วทั้งคฤหาสน์ล่องหน
ในเวลานี้ พื้นที่ภายในของคฤหาสน์เฟิงหัวก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้งและสภาวะพลังของมันก็แกร่งกล้ามากขึ้นกว่าก่อน นอกจากนี้มันก็ยังมีคุณสมบัติใหม่นั่นคือการมีภูมิต้านทานต่อน้ำ หากมีภารกิจในอนาคตที่ต้องดำลึกลงไปใต้น้ำ ฉินอวี้โม่ก็สามารถขับเคลื่อนมันลงไปในท้องทะเลลึกได้โดยตรงและจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น
ฉินอวี้โม่และคณะใช้เวลาเดินทางสองก้านธูปก่อนถึงจุดหมายปลายทางซึ่งก็คือชายฝั่งทางเหนือ
ทันทีที่มาถึงหน้าประตูเมือง พวกนางก็ได้พบกับฉินเทียนและคนอื่น ๆ
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้รับข่าวจากมารยาแล้วและกำลังวางแผนที่จะออกเดินทางไปช่วยฉินอวี้โม่
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ เป็นอย่างไรบ้าง ? แล้วศัตรูล่ะ ?”
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือปลอดภัยกลับมา ทุกคนก็โล่งใจเล็กน้อยในขณะที่ฉินเทียนขมวดคิ้วเและเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้เขาและคนอื่น ๆ กำลังหารือกันในตอนที่มารยาปรี่เข้ามาแจ้งข่าวขอความช่วยเหลือ เมื่อทราบว่าคู่ต่อสู้ที่ฉินอวี้โม่กำลังเผชิญหน้าคือผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจ พวกเขาก็ยุติการหารือทั้งหมดและรีบมุ่งหน้ามาที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าในระดับสูงสุดของดินแดน ต่อให้ผู้นำของสามสำนักและเก้านิกายมาที่นี่ด้วยตัวเองก็อาจสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะแข็งแกร่งมาก พวกนางก็คงไม่มีทางต้านทานเขาได้
“ซิวไล่ต้อนเขาจนหนีกลับไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ เราเข้าไปหาที่พูดคุยกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวตอบเบา ๆ เรื่องของซิวยังคงเป็นความลับที่มีคนทราบเพียงไม่มากและนางไม่ต้องการเปิดเผยออกไปในตอนนี้
“ตกลง”
เนื่องจากเข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดี ฉินเทียนจึงพยักศีรษะและตอบตกลง
“ขอบคุณทุกท่านมาก ข้าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้รองจ้าวนิกายของนิกายกระบี่สายฟ้าและผู้เฒ่าไห่ทราบก่อน และพวกเขาจะบอกกับพวกท่านหลังจากนี้ ตอนนี้ทุกท่านแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ยกกำปั้นทั้งสองประกบกันและกล่าวกับทุกคน เรื่องบางอย่างสามารถรับรู้ได้เพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้น ในเมื่อยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่ามีผู้ใดอีกบ้างในบรรดาขุมกำลังต่าง ๆ ที่เป็นพวกเดียวกับจอมยุทธ์ปีศาจ พวกนางจึงต้องระวังตัวให้มากที่สุด
ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปยังที่พักของตนในขณะที่ฉินอวี้โม่และคนคุ้นเคยอีกไม่กี่คนมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง
“โม่ฉือและข้าออกไปที่มหาสมุทรเพื่อตามหาไข่มุกเลี่ยงวารี คิดไม่ถึงเลยว่าพวกจอมยุทธ์ปีศาจจะทราบข่าวเกี่ยวกับไข่มุกเลี่ยงวารีและไปที่นั่นเช่นกัน สือโหลวนำคนไปที่นั่นด้วยตัวเองและเกิดการต่อสู้กัน ในตอนนั้นพวกเราก็ร่วมมือกับอสูรกลืนนภาและขับไล่สือโหลวออกไปได้สำเร็จ ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เรียกร่างอวตารของผู้นำจอมยุทธ์ปีศาจออกมา…”
ฉินอวี้โม่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ทุกคนได้ทราบอย่างคร่าว ๆ
“นั่นหมายความว่าตอนนี้ไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในมือของเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ?”
หลังจากฟังเรื่องราว ฮวาเยว่ก็มองไปที่ฉินอวี้โม่และเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าทำพันธสัญญากับมันแล้วและมันจะติดตามข้าต่อไปในอนาคต”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ปฏิเสธใด ๆ ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นคนที่ไว้วางใจได้และนางไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง
“ตอนนี้สือโหลวตายไปแล้ว เราสามารถเดินทางไปที่เกาะโดดเดี่ยวแห่งนั้นและทำลายแผนการของพวกเขาให้สิ้นซากเสียที แม้แต่คนของสามสำนักและเก้านิกายที่แอบร่วมมือกับพวกจอมยุทธ์ปีศาจลับหลังพวกเราก็จะไม่กล้าทำอะไรแน่”
เดิมทีนางคิดว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นใจให้กับพวกนางอย่างที่คาดไม่ถึง
ในเมื่อสือโหลวตายไปแล้ว สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจที่เหลือก็ตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนผู้นำและแผนการไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีก กล่าวได้ว่าวิกฤตร้ายของชายฝั่งทางเหนือได้รับการคลี่คลายโดยสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนหน้านี้ก็ยังทำให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือหวั่นใจเล็กน้อย
แผนการที่ชายฝั่งทางเหนือของจอมยุทธ์ปีศาจล้มเหลวไปแล้วและไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าพวกเขายังมีแผนการใดซ่อนไว้อีกหรือไม่ หากพวกเขาร่วมมือกับขุมกำลังในสามสำนักและเก้านิกายจริง อีกไม่นานดินแดนมหาเทพจะตกอยู่ในความโกลาหลเป็นแน่…
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันประชันฝีมือของสามสำนักและเก้านิกายก็จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าและคาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เมื่อรอให้ถึงเวลาของการแข่งขันดังกล่าว มันจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการที่จอมยุทธ์ปีศาจจะเริ่มลงมือ !
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ทำลายเกาะนั่นก่อนเถอะและค่อยหารือเรื่องอื่นกันในภายหลัง”
ฮวาเยว่ตัดสินใจทันที ไม่ว่าแผนการของจอมยุทธ์ปีศาจคือสิ่งใด สิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการทำลายเกาะโดดเดี่ยวที่เป็นฐานทัพของจอมยุทธ์ปีศาจโดยเร็วที่สุด…