สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจจำนวนนับร้อยคนเข้าร่วมการต่อสู้และเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดได้ทันที
มังกรกระดูกดำผู้ซึ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบก่อนหน้านี้ก็เริ่มตั้งตัวขึ้นมาได้ ขณะปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อย่างบ้าคลั่ง
ในทางตรงกันข้าม ฉินอวี้โม่และบรรดาจอมยุทธ์ก็ถูกไล่ต้อนไปอย่างรวดเร็ว ภายในชั่วพริบตา หลายคนก็ได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นและสถานการณ์ที่ดีขึ้นก่อนหน้านี้ก็กลับกลายเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลง
“เราจะทำอย่างไรกันดี ? ขืนยังปล่อยให้ดำเนินไปเช่นนี้ พวกเราทั้งหมดจะถูกกำจัดไปแน่ !”
ไป๋ซูแสดงสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจมีคนมากจนเกินไปและพวกนางไม่สามารถรับมือได้ทั้งหมด
“ไม่ต้องห่วง พวกเรารวมตัวกันเพื่อตั้งแนวขบวนที่มั่นคงก่อนเถอะ แม้พวกเขาจะมีคนมากกว่า พวกเขาก็คงจะจัดการกับพวกเราไม่ได้ง่าย ๆ”
หวังเยว่กล่าวเสียงดังฟังชัดเพื่อให้ทุกคนรวมตัวกันเพื่อตั้งแนวขบวนที่มั่นคงขึ้นมา
นอกเหนือจากเพียงไม่กี่คน ระดับความแข็งแกร่งของสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจส่วนใหญ่ก็ไม่แตกต่างไปจากพวกเขามากนัก ตราบใดที่พวกเขารวมพลังกันและตั้งแนวขบวนที่แข็งกล้าขึ้นมา การที่อีกฝ่ายต้องการจะจัดการกับพวกเขาทั้งหมดก็คงจะมิใช่เรื่องง่าย
จอมยุทธ์ทุกคนทราบดีและรีบรวมตัวกันที่จุดศูนย์กลาง
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บรวมตัวกันข้างในแนวขบวนในขณะที่จอมยุทธ์คนอื่น ๆ กระจายตัวอยู่ในวงรอบนอกพร้อมสร้างม่านพลังมายาเพื่อเป็นเกราะป้องกันให้กับคนเหล่านั้น
เป็นจริงดังที่คิดไว้ การตั้งแนวขบวนขึ้นมาเช่นนี้ทำให้ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจอับจนปัญญาและทำอันตรายใด ๆ ต่อพวกเขาไม่ได้เป็นช่วงเวลาหนึ่ง การโจมตีส่วนใหญ่ไม่สามารถผ่านเข้ามาถึงตัวพวกเขาได้และต่อให้จะมีการโจมตีที่หลุดรอดมาบางครั้ง พวกมันก็ถูกป้องกันไว้โดยบรรดาจอมยุทธ์ในวงรอบนอกส่งผลให้ทุกคนยังคงปลอดภัยดี
กลางอากาศเหนือยอดเขา สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจมากกว่าสิบคนกำลังช่วยมังกรกระดูกดำรับมือกับซิวและลั่วเฟิงโดยที่ขัดขวางมิให้ทั้งสองเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ในเวลานี้ มังกรกระดูกดำก็ขยับออกไปด้านหลังราวกับกำลังเตรียมใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของตนเอง
สีหน้าของฉินอวี้โม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แม้ยังไม่เห็นวิกฤตใดในตอนนี้ นางก็คาดการณ์ได้ว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ฝ่ายของพวกนางจะตกกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดก็จะถูกกวาดล้างไปโดยฝ่ายของจอมยุทธ์ปีศาจ
มีเพียงการหาหนทางเอาชนะมังกรกระดูกดำไปโดยสมบูรณ์เท่านั้นที่จะทำลายวิกฤตในครานี้ไปได้
อึดใจต่อมา นางก็ไม่รอช้าและพุ่งเข้าไปใกล้มังกรกระดูกดำทันที
ตอนนี้มังกรกระดูกดำกำลังรวบรวมพลังเพื่อเตรียมปลดปล่อยกระบวนท่าที่ทรงพลังบางอย่างและไม่ทันสังเกตเห็นฉินอวี้โม่ที่พุ่งตรงเข้าหา มันเป็นอสูรที่เจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นทุนเดิมและไม่มีทางยินยอมติดตามจอมยุทธ์ปีศาจกลับไป เพราะเหตุนั้น มันจึงมีความคิดที่จะขุดหลุมฝังทุกชีวิตไว้ที่นี่ เพราะหากเป็นเช่นนั้น มันก็มิใช่เพียงแค่คลี่คลายวิกฤตให้กับตัวเองได้เท่านั้น ทว่ามันก็ไม่ต้องกลับไปเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจอีกเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับมัน
พลังความมืดทั่วบริเวณรอบตัวหลั่งไหลตรงเข้ามาที่ร่างของมังกรกระดูกดำและแรงกดดันที่แรงกล้าก็ค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปในวงกว้าง
“นายหญิง ท่านต้องหยุดมันให้ได้ !”
เสียงของซิวดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ เพราะถึงอย่างไรตอนนี้ก็มีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเคลื่อนไหวออกไปได้และไม่มีสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจคนใดที่กำลังติดพันกับนางอยู่
ในเวลานี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้เมินเฉยนางและไม่สนใจนางเช่นนี้ ทว่ารอบตัวฉินอวี้โม่ก็ไม่มีศัตรูใดที่จะคอยขัดขวางการเคลื่อนไหวของนางแม้แต่คนเดียว
“หากมังกรกระดูกดำใช้กระบวนท่านั้นได้สำเร็จ เกรงว่าภูเขาจันทราทั้งลูกคงจะถล่มทลายลงมาและเราทั้งหมดไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แน่ !”
น้ำเสียงที่มันใช้กล่าวเตือนฉินอวี้โม่แสดงถึงความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มังกรกระดูกดำกำลังรวบรวมพลังเพื่อปลดปล่อยกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุด เมื่อใดที่ถูกปล่อยออกไปได้สำเร็จ ชีวิตของทุกคนในที่แห่งนี้จะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน และลำพังตัวซิวก็ไม่มีทางต้านทานมันได้ ต่อให้ฉินอวี้โม่จะเข้าไปซ่อนตัวในคฤหาสน์เฟิงหัว มันก็อาจจะไม่ปลอดภัยเช่นกัน มีเพียงการขัดขวางมังกรกระดูกดำจากการใช้กระบวนท่านั้นเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัยได้อย่างแท้จริง
ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงความจริงจังของซิวและไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ร่างของนางพุ่งตรงไปประชิดตัวมังกรกระดูกดำอย่างรวดเร็วและกระบี่เล่มยาวจ้วงแทงออกไปทันที
“เจ้าหนู คิดจะรนหาที่ตายงั้นรึ !”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังมาจากร่างของมังกรกระดูกดำพร้อมกับแรงกดดันอย่างมหาศาลที่แผ่ออกไป จากนั้นคลื่นพลังรุนแรงก็กวาดตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่ก็ไม่กล้ารับการโจมตีนี้เข้าไปตรง ๆ และหลีกเลี่ยงมันโดยการเข้าไปหลบตัวในคฤหาสน์เฟิงหัว
“นายหญิง จะให้พวกเราออกไปช่วยรึไม่ ?”
บรรดาอสูรมายาอีกมากกว่าร้อยตัวในคฤหาสน์เฟิงหัวแทบจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่เพียงสั่งการให้เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ อีกประมาณสิบตัวออกไปต่อสู้เท่านั้น ถึงอย่างไรตอนนี้ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจก็มีความได้เปรียบเหนือกว่าในขณะที่เสี่ยวเฮยและอสูรเหล่านั้นก็เริ่มรับมือได้อย่างยากลำบากเช่นกัน…
“รอก่อน !”
ฉินอวี้โม่กล่าวเพียงสั้น ๆ และไม่อนุญาตให้พวกมันออกมา หากไม่มีศัตรูใดเพิ่มเติมอีก นางเชื่อมั่นว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้และไม่ต้องการให้คนอื่น ๆ รับรู้ถึงตัวตนของอสูรเหล่านี้
หลังจากนั้น ฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวอีกครั้งบนท้องฟ้าเหนือร่างของมังกรกระดูกดำ กระบี่เล่มยาวที่ก่อตัวจากพลังมายาปรากฏในมือของนางและโจมตีตรงไปที่ตำแหน่งหลังศีรษะเจ็ดนิ้วจีนของมังกรกระดูกดำ
ดังคำโบราณกล่าวไว้ว่าการตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งที่หลังศีรษะเจ็ดนิ้วจีน ฉินอวี้โม่จึงใช้หลักการดังกล่าวกับมังกรกระดูกดำด้วยเช่นกัน
* 打蛇打七寸 แปลตรงตัวคือ ตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งที่หลังศีรษะ 7 นิ้วจีน งูถึงจะสยบทันที ผู้ตีก็ย่อมพ้นอันตรายอย่างสำเร็จ ซึ่งอุปมาว่า ไม่ว่าจะพูดคุยสนทนา กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือปฏิบัติงานใด ๆ ต้องจับจุดใจความสำคัญให้แม่นยำ
ตูมมม !
พลังที่มหาศาลพุ่งตรงเข้าไปที่สันหลังของมังกรกระดูกดำก่อนที่ฉินอวี้โม่จะกระเด็นกลับออกไป แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทว่าสภาพของนางก็ดูน่าเห็นใจเล็กน้อย
มังกรกระดูกดำเฝ้าระวังการโจมตีของนางอยู่ก่อนแล้ว เพราะเหตุนั้น ทั่วทั้งร่างของมันจึงห้อมล้อมไปด้วยพลังความมืดชั้นหนาซึ่งก่อตัวกลายเป็นเกราะป้องกันส่งผลให้การโจมตีของฉินอวี้โม่ไม่เป็นผลใด ๆ
“คิดจะลอบโจมตีข้าผู้นี้งั้นรึ ? แม่สาวน้อย เจ้ายังอ่อนหัดเกินไปนัก !”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ นางเองก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าการโจมตีของตนอาจถูกโต้กลับและถูกป้องกันไว้ได้
“ในเมื่อเจ้าค้นพบแล้ว ข้าก็ทำได้เพียงเผชิญหน้ากับเจ้าโดยตรง !”
ฉินอวี้โม่ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อยขณะตรงเข้าไปหยุดตรงหน้าศีรษะของมังกรกระดูกดำ
พลังมายาในร่างของนางก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและดาบเล่มใหญ่ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังที่แกร่งกล้าก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
“ลองรับทักษะยุทธ์ที่ข้าเพิ่งเรียนรู้มาใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน่อยเถอะ…เพลงดาบตัดนภา !”
ทักษะยุทธ์ดังกล่าวคือทักษะที่นางได้มาจากชั้นที่สามของหอสมบัติในนิกายหมื่นบุปผาและมันเป็นทักษะที่อยู่ในระดับสูงมาก ฉินอวี้โม่รู้สึกได้ว่ามันมีความคล้ายคลึงกับทักษะเดิมที่นางเคยเรียนรู้มา หลังจากศึกษามัน นางก็ทำความเข้าใจมันได้ในระดับหนึ่งแล้ว
หลังจากโบกมือออกไปเล็กน้อย ดาบเล่มใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นมาของฉินอวี้โม่ก็พุ่งตรงเข้าโจมตีมังกรกระดูกดำทันที
มังกรชั่วร้ายรับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่อัดแน่นในดาบตัดนภานี้และไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย มันพ่นพลังมายาออกทางปากทันทีก่อนเปลี่ยนกลายเป็นม่านป้องกันรอบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อขัดขวางการโจมตีของฉินอวี้โม่ไว้
กระบวนท่าที่มันกำลังเตรียมใช้ใกล้ที่จะถึงสภาวะสมบูรณ์แล้วและมังกรกระดูกดำก็ไม่คิดที่จะล้มเลิกแผนการดั้งเดิม
ตูมมม !
ดาบตัดนภากระทบกับม่านป้องกันอย่างจังจนเกิดเสียงดังสนั่น
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันจนติดอยู่ในสภาวะชะงักงันและดาบตัดนภาของฉินอวี้โม่ก็ยังไม่สามารถทะลุผ่านการป้องกันของมังกรกระดูกดำได้ ในขณะเดียวกัน ม่านป้องกันของมังกรกระดูกดำก็ไม่สามารถป้องกันพลังทั้งหมดของดาบตัดนภาได้เช่นกัน
“เหอะ เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก !”
มังกรกระดูกดำแค่นเสียงเย็นชาและถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย ทว่ามันก็เร่งความเร็วในการรวบรวมพลังสำหรับกระบวนท่านี้
“โอ้ งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและดาบพลังมายาเล่มใหญ่ก่อตัวขึ้นตรงหน้าอีกครั้งซึ่งยังอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลเช่นเดิม
“ในเมื่อเพลงดาบตัดนภาเพียงครั้งเดียวยังไม่เพียงพอ เช่นนั้นก็ลองรับเพิ่มไปอีกเถอะ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าวดาบตัดนภาอีกจำนวนหนึ่งก็พุ่งตรงเข้าโจมตีมังกรกระดูกดำอย่างต่อเนื่อง
“โร่ววว !”
สีหน้าของมังกรกระดูกดำเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงและมันส่งเสียงคำรามออกมาขณะเสริมพลังให้กับม่านป้องกันรอบตัวอย่างรวดเร็วและความเร็วในการรวบรวมพลังของมันก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตราบใดที่สามารถถ่วงเวลาได้อีกหนึ่งก้านธูป กระบวนท่าของมันก็จะก่อตัวขึ้นมาได้สำเร็จและจะกำจัดทุกชีวิตในที่แห่งนี้ได้ทั้งหมด
โครม โครม โครมมม !
เสียงการปะทะบนเกราะป้องกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกหวาดหวั่นใจ
เคร๊งงง !
ในที่สุด ม่านป้องกันรอบตัวมังกรกระดูกดำก็ต้านทานไว้ไม่ได้อีกต่อไปและแตกสลายไปอย่างกะทันหัน
พลังที่เหลือของดาบตัดนภาก็กระทบเข้าที่ร่างของมังกรกระดูกดำอย่างจังและทำลายกระบวนท่าที่มันกำลังจัดเตรียมไปได้อย่างสิ้นเชิง