ตูมมม ! โครมมม !
ด้วยเสียงปะทะดังสนั่น ร่างมหึมาของมังกรกระดูกดำก็ถูกเพลงดาบตัดนภาของฉินอวี้โม่โจมตีจนร่วงลงกระแทกพื้นดินอย่างจังจนเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่และฝุ่นควันฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณ สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจหลายคนที่อยู่ใต้ร่างของมังกรกระดูกดำก็ถูกทับจนบี้แบนเป็นเศษเนื้อทันที
“บัดซบ บัดซบ ! ข้าจะฆ่าเจ้า !”
ตลอดเวลานับพันนับหมื่นปีที่ผ่านมา มันไม่เคยตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้มาก่อน การที่ถูกมนุษย์ต่ำต้อยโจมตีจนร่วงลงจากกลางอากาศและกระแทกลงพื้นดินต่อหน้าสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจจำนวนมากเช่นนี้ทำให้มังกรกระดูกดำรู้สึกถึงความอัปยศอดสูอย่างที่สุด
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีความสามารถมากพอรึไม่ !”
ฉินอวี้โม่ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกหรือหวั่นใจใด ๆ ในเวลานี้แรงกดดันที่เคยแผ่ไปทั่วอากาศก็จางหายไปซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่ากระบวนท่าของมังกรกระดูกดำถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์แล้วและวิกฤตร้ายได้รับการคลี่คลายเป็นการชั่วคราว
หวังเยว่และคณะจอมยุทธ์ รวมถึงสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจที่กำลังต่อสู้กันล้วนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่ามังกรกระดูกดำที่ทรงพลังจะพ่ายแพ้ต่อสตรีจอมยุทธ์ตัวเล็ก ๆ อย่างฉินอวี้โม่จนตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอายเช่นนี้ ความแข็งแกร่งภายนอกของฉินอวี้โม่ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านี้ด้วยซ้ำ การที่นางเอาชนะมังกรกระดูกดำที่ทรงพลังได้เช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อและน่าทึ่งอย่างแท้จริง
“เยี่ยมไปเลย !”
ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนขยับเข้าไปใกล้จุดที่มังกรกระดูกดำตกลงไป ในเวลานี้สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจกว่าสิบชีวิตก็ถูกลั่วเฟิงขัดขวางเอาไว้และไม่สามารถเข้ามาช่วยมังกรกระดูกดำได้
อึดใจต่อมา ตรงหน้าของซิวก็มีลูกเพลิงขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นมาซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว จากนั้นมันก็โบกมือออกไปและปลดปล่อยลูกเพลิงนี้ตรงไปยังร่างของมังกรกระดูกดำ
ตูมมม !
ลูกเพลิงทรงพลังโจมตีเข้าใส่มังกรกระดูกดำและทำให้มันร่วงซ้ำลงไปในหลุมเดิมอย่างรุนแรงก่อนที่จะทำให้หลุมดังกล่าวมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
“อ๊ากกก !”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาและเพลิงของซิวได้หลอมละลายกระดูกบางส่วนของมันไป สภาพของมังกรกระดูกดำในตอนนี้ดูน่าสังเวชไม่น้อยและกลิ่นอายที่เคยทรงพลังของมันก็อ่อนแอลงมาก
“ท่านมังกรกระดูกดำ เราล่าถอยไปจากที่นี่กันก่อนเถอะและค่อยหาทางจัดการกับพวกนางในภายหลัง”
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสซึ่งเป็นหัวหน้าสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจในครานี้ก็กล่าวขึ้นเบา ๆ ตอนนี้มังกรกระดูกดำบาดเจ็บสาหัสแล้วและพวกเขาไม่สามารถเอาชนะฉินอวี้โม่และจอมยุทธ์คนอื่น ๆ ได้อีก เพราะเหตุนั้น ทางที่ดีที่สุดคือการถอยออกไปเพื่อตั้งหลักก่อน
“เหอะ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ข้าจะชำระความแค้นในครั้งนี้ในไม่ช้าก็เร็ว !”
มังกรกระดูกดำแค่นเสียงเย็นชาทิ้งท้ายและหายวับไปในอากาศทันที
“รอก่อนเถอะ สักวันพวกเราจอมยุทธ์ปีศาจจะต้องปกครองทั่วทั้งดินแดนมหาเทพ !”
ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวเช่นกันและสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจที่เหลือทั้งหมดก็ค่อย ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว
ฉินอวี้โม่และบรรดาจอมยุทธ์ก็ไม่คิดที่จะยื้อหรือต่อสู้กับคนเหล่านั้นต่อ พวกนางจึงปล่อยให้อีกฝ่ายถอยหนีออกไปจากภูเขาจันทราได้โดยง่าย
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้มังกรกระดูกดำจะยังไม่ตายก็ถือว่าทุกคนได้คลี่คลายวิกฤตในครานี้สำเร็จแล้วและจะไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นเป็นการชั่วคราว
ยิ่งไปกว่านั้น ซิวก็ทำให้มังกรกระดูกดำเผชิญกับอาการบาดเจ็บสาหัสและมันไม่มีทางฟื้นฟูพลังกลับคืนมาอย่างน้อยตลอดหนึ่งปีข้างหน้า
“เรากลับไปหารือกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
ขณะฮวาหรงกำลังจะอ้าปากกล่าวบางอย่าง ฉินอวี้โม่ก็กล่าวแทรกขึ้นทันทีเพื่อแจ้งให้ทุกคนกลับออกไปจากที่นี่เสียก่อน
ทุกคนพยักศีรษะและรีบมุ่งหน้าลงจากภูเขาจันทราอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียงไม่นาน ทุกคนก็ปรากฏตัวในเมืองจันทราอีกครั้ง
“ท่านจอมยุทธ์ลั่วเฟิง ท่านต้องการจะไปกับพวกเรารึไม่เจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามเชิงเชิญชวน ลั่วเฟิงมีส่วนช่วยในการต่อสู้เป็นอย่างมาก หากไม่มีเขาร่วมด้วย ลำพังเพียงแค่ซิวไม่มีทางรับมือกับมังกรกระดูกดำได้อย่างแน่นอน
“ไม่ล่ะ ชายแก่อย่างข้าชอบความเงียบสงบ ในเมื่อวิกฤตที่ภูเขาจันทราได้รับการสะสางแล้ว พวกเจ้าก็รีบกลับไปโดยเร็วเถอะ”
ลั่วเฟิงส่ายศีรษะและปฏิเสธอย่างชัดเจนก่อนแยกตัวมุ่งหน้ากลับไปที่เรือนหลังเล็กของตน
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมด้วยกันเพื่อหารือสิ่งต่าง ๆ
“ตอนนี้เมื่อมังกรกระดูกดำกลับไปรวมตัวกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เกรงว่าเมื่อถึงวันที่มังกรกระดูกดำฟื้นฟูพลังกลับคืนมา มันจะเปิดฉากโจมตีดินแดนมหาเทพของเราอีกครั้งและทั้งดินแดนจะตกอยู่ในอันตราย…”
หวังเยว่กล่าวพลางขมวดคิ้วมุ่น การที่มังกรกระดูกดำกลับไปเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจมิใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขาทุกคน ในตอนนี้ขุมกำลังชั่วร้ายนั้นก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว หากมีมังกรกระดูกดำที่ทรงพลังเพิ่มเข้ามาอีก พวกเขาก็จะยิ่งทรงพลังมากกว่าเดิมและการจัดการกับคนเหล่านั้นก็ยากขึ้นอย่างทวีคูณ
“นั่นเป็นสิ่งที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้ ต่อให้เหตุการณ์ที่ภูเขาจันทราไม่เกิดขึ้น จอมยุทธ์ปีศาจก็ต้องหาทางโน้มน้าวใจมังกรกระดูกดำให้กลับไปอยู่ดี โชคดีที่แผนการในครานี้ของมังกรกระดูกดำถูกทำลายไปแล้วและมันต้องใช้เวลาอีกสักพักในการฟื้นตัว ตอนนี้เรายังมีเวลาอีกเหลือเฟือในการคิดหาวิธีรับมือ”
ฮวาหรงกล่าวแสดงความคิดเห็นเช่นกัน
อันที่จริง การที่มังกรกระดูกดำกลับไปเข้าร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจก็เป็นผลดีสำหรับพวกนางที่ยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจมานานแล้ว
ยิ่งขุมกำลังดังกล่าวแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด แผนการของพวกนางก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากเท่านั้น ตอนนี้การที่มีมังกรกระดูกดำเพิ่มเข้ามา พวกนางก็สามารถถอนหายใจได้อย่างโล่งอก
“เช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับไปที่ขุมกำลังของเราและรายงานท่านผู้นำให้ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ จากนั้นพวกเขาจะต้องหารือกันเพื่อหาทางรับมือกันต่อไปอย่างแน่นอน”
ไป๋ซูกล่าวเช่นกัน หลังจากได้เผชิญสิ่งต่าง ๆ ที่ภูเขาจันทราด้วยตัวเอง นางมีลางสังหรณ์ว่าสามสำนักและเก้านิกายอาจเชื่อถือได้ไม่มากนัก หากมีขุมกำลังทรงพลังใดเข้าร่วมเป็นพวกเดียวกับจอมยุทธ์ปีศาจ มันจะเป็นผลร้ายกับคนอื่น ๆ และวิกฤตที่ต้องเผชิญในอนาคตจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“ตกลง ตอนนี้ทุกคนคงจะเหนื่อยกันมามากแล้ว เราจะติดต่อกันหลังจากที่ได้กลับไป”
ทุกคนไม่ปฏิเสธและพยักศีรษะพร้อมตัดสินใจที่จะแยกย้ายกันกลับไปหารือกับทางขุมกำลังของตนเองก่อน
หลังจากหารือกันครู่ใหญ่ ทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปในขณะที่ไป๋ซู เหลยเจิ้นและหวังเยว่กลับไปยังที่พักของฉินอวี้โม่ด้วยกัน
“สหายน้อยอวี้โม่ สิ่งที่เจ้ากล่าวมาก่อนหน้านี้เป็นความจริง มีบางขุมกำลังที่แอบร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจอย่างลับ ๆ”
ไป๋ซูกล่าวขึ้นเป็นคนแรก ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่ได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เพียงแต่นางยังไม่ปักใจเชื่อ ทว่าตอนนี้นางก็เชื่ออย่างไร้ข้อกังขา
“ถ้าเช่นนั้น หลังจากกลับไปครานี้ ทุกท่านจะต้องจับตาดูสถานการณ์ที่ขุมกำลังของตนให้ดี บางทีอาจมีคนที่แอบร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจแฝงตัวอยู่ ผู้อาวุโสไป๋ควรหาทางลองหยั่งเชิงและทดสอบจุดยืนของจ้าวนิกายของท่านดูเช่นกัน”
นางไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสำนักเมฆาครามและนิกายกระบี่สายฟ้า พวกเขาจะร่วมมือกับนางและสหายเพื่อต่อกรกับจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอน กิริยาท่าทางของไป๋ซูก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านางไม่ได้ยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าตอนนี้ยังไม่อาจทราบจุดยืนของจ้าวนิกายของนิกายหงส์แดงได้อย่างชัดเจน
“ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว”
ไป๋ซูพยักศีรษะตอบรับและตั้งใจที่จะสืบความจริงอย่างรอบคอบเมื่อกลับไปถึงนิกาย
หลังจากนั้นทุกคนก็พูดคุยกันพักใหญ่ก่อนแยกย้ายกันกลับไป
ฉินอวี้โม่ก็คิดไตร่ตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังเรือนที่พักของลั่วเฟิงอีกครั้ง
ราวกับคาดเดาได้ว่าฉินอวี้โม่จะมาที่นี่ ลั่วเฟิงชงชาร้อน ๆ เตรียมไว้แล้วและกำลังนั่งรอนางอยู่
“นั่งลงก่อนเถอะ”
เมื่อฉินอวี้โม่เดินเข้าไป เขาก็ผายมือเชิญชวนให้นางนั่งลงและคลี่ยิ้มบาง ๆ
“ท่านผู้อาวุโสทราบอยู่แล้วว่าข้ามีบางอย่างที่จะช่วยให้ต่อกรกับมังกรกระดูกดำได้ ท่านจึงพาข้าเดินทางไปที่นั่นเป็นการล่วงหน้าใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามทันทีและไม่คิดกล่าววาจาอ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ก่อนหน้านี้ข้าเพียงคาดเดาไว้เท่านั้น ทว่ายังไม่สามารถยืนยันมันได้”
ลั่วเฟิงไม่คิดโกหกและพยักศีรษะเป็นคำตอบ
อันที่จริง นับตั้งแต่วันแรกที่ฉินอวี้โม่ปรากฏตัว เขาก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของซิวและรู้สึกว่าพลังดังกล่าวจะสามารถกำราบมังกรกระดูกดำได้