เมื่อได้ยินว่าฉินอวี้โม่คือบุตรสาวของอวี๋เสี่ยวอวิ๋น สีหน้าของทุกคนก็แสดงความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
ในอดีตพวกนางสืบข้อมูลของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอย่างจริงจังทว่าไม่เคยทราบว่านางมีบุตรสาวที่แข็งแกร่งเช่นฉินอวี้โม่อยู่ จากสิ่งที่ได้ทราบในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าข้อมูลที่มียังไม่ทั่วถึงมากพอ มิฉะนั้นคงไม่มีทางที่พวกนางจะไม่ทราบเกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่
“ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้เจ้าก็เป็นบุตรสาวของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นนี่เอง !”
จู่ ๆ ฮวาฟางเฟยก็หัวเราะเสียงดังและปะติดปะต่อเรื่องราวที่เคยสงสัยได้
ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ฉินอวี้โม่ยืนกรานที่จะเข้าร่วมนิกายหมื่นบุปผาตั้งแต่การคัดเลือกศิษย์ของสามสำนักและเก้านิกาย สาเหตุที่มีข่าวลือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นแพร่ออกไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือแม้กระทั่งสาเหตุที่ฮวาฟางเฟยสังหรณ์ใจมาเสมอว่ามีคนพยายามสืบเรื่องของตน ที่แท้ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะฉินอวี้โม่ผู้นี้คือบุตรสาวของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นและมาที่นี่โดยที่มีจุดประสงค์แอบแฝงมาตั้งแต่ต้น
“ฉินอวี้โม่ เจ้าอยากรู้หรือว่าเหตุใดพวกเราถึงจับตัวมารดาของเจ้าไป ?”
ฮวาฟางเฟยกล่าวขึ้นเบา ๆ และแววตาแสดงถึงความมุ่งร้ายอย่างชัดเจน ฉินอวี้โม่คือภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของพวกนางในตอนนี้และพวกนางได้ทราบความสัมพันธ์ระหว่างนางและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นแล้ว บางทีสิ่งที่พวกนางตามหามานานอาจจะอยู่กับฉินอวี้โม่ ตราบใดที่จับตัวนางได้สำเร็จ ‘แผนการ’ ที่วางไว้ก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารในแววตาของฮวาฟางเฟยทว่าไม่สนใจแม้แต่น้อย
“ฮวาฟางเฟย มารดาของข้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา ๆ คนหนึ่งจากดินแดนระดับต่ำ นางมีคุณค่าอะไรกันที่พวกเจ้าถึงกับต้องลงทุนพยายามอย่างมากมายเช่นนี้ ?”
นางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและเอ่ยถามในสิ่งที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้เลย
อวี๋เสี่ยวอวิ๋นเป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งจากดินแดนระดับต่ำ ต่อให้มีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา มันก็ไม่ควรจะมากพอให้ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ เห็นคุณค่ามากถึงเพียงนั้น
หลังจากข้ามผ่านดินแดนต่าง ๆ พวกนางก็จับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นมาที่ดินแดนมหาเทพนี้ ทว่ากลับไม่เคยหมายเอาชีวิตของนาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สันนิษฐานได้ว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นน่าจะมีบางอย่างที่ฮวาฟางเฟยและคนอื่น ๆ ต้องการ ฉินอวี้โม่คาดเดาในใจได้ราง ๆ ว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของตน…
“ฉินอวี้โม่ เราไม่พบสิ่งที่ตามหาในตัวของนางและดูเหมือนว่ามันจะอยู่ที่เจ้าแล้ว วันนี้เจ้าจงกลับไปที่ฐานทัพของจอมยุทธ์ปีศาจกับพวกข้าแต่โดยดีเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานที่อาจจะเกิดขึ้นได้ !”
ฮวาฟางเฟยกล่าวยืนยันว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่มีสิ่งที่พวกนางต้องการและคาดเดาว่า ‘สิ่งนั้น’ อาจถูกถ่ายทอดมาให้กับฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้แล้ว ตราบใดที่จับตัวสตรีผู้นี้กลับไปได้สำเร็จ นางก็จะให้คำอธิบายกับ ‘บุคคลผู้นั้น’ ได้และแผนการก็จะไม่เผชิญกับความล้มเหลว
“ตอนนี้มารดาของข้าอยู่ที่ใด ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา หากคาดเดาไม่ผิด ตอนนี้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้อยู่กับจอมยุทธ์ปีศาจหรือนิกายหมื่นบุปผา ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้สูงว่านางไม่ได้อยู่ในดินแดนมหาเทพด้วยซ้ำ เพราะหากอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอยู่ในกำมือของฮวาฟางเฟยและคนเหล่านี้จริง เกรงว่าพวกนางคงใช้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นเพื่อเป็นเครื่องมือข่มขู่หรือเป็นข้อต่อรองกับนางไปนานแล้ว เพราะเหตุนั้นฉินอวี้โม่จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพูดจาอ้อมค้อมให้เสียเวลา
“ถ้าอยากรู้นักก็กลับไปที่ฐานทัพของจอมยุทธ์ปีศาจกับพวกข้าสิ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าสองแม่ลูกจะได้พบหน้ากันอีกครา”
ฮวาฟางเฟยและเสียซื่อสบตากันก่อนขยับเข้าไปใกล้ยังทิศทางของฉินอวี้โม่ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน
ฉินอวี้โม่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งสองทว่าไม่ได้แสดงสีหน้าตื่นตระหนกใด ๆ
“เหอะ ต่อให้ข้าจะถล่มจอมยุทธ์ปีศาจจนราบ ข้าก็ยังมีวิธีตามหาเบาะแสเกี่ยวกับมารดาของข้าได้ ในเมื่อพวกเจ้าปากแข็งกันนัก ถ้าอย่างนั้นก็ตายไปเสียเถอะ !”
นางแสยะยิ้มเย็นชาและพลังมายาทั่วร่างก็พุ่งพรวดขึ้นอีกครั้งก่อนเริ่มปล่อยการโจมตีเข้าใส่ฮวาฟางเฟยและเสียซื่อ ในขณะเดียวกันนั้น นางก็ได้หยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาเพื่อส่งข่าวไปหาหานโม่ฉือโดยบอกให้เขาพาจางซือถงและสหายทุกคนออกจากนิกายหมื่นบุปผาทันที
“เหอะ พรสวรรค์ของเจ้าก็ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว แต่น่าเสียดายที่เจ้ายังอ่อนแอเกินไป หากได้ฝึกฝนต่อไปสักระยะ เราอาจฆ่าเจ้าไม่ได้ ทว่าวันนี้เจ้าไม่มีทางหนีพ้นแน่ !”
ฮวาฟางเฟยปลดปล่อยพลังมายาทั้งหมดออกไปและใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังในการโจมตีตอบโต้ฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่ไม่กล้าประมาทเช่นกันและรับมือกับฮวาฟางเฟยอย่างเต็มที่ ในเวลานี้เสียซื่อก็โจมตีเข้าใส่นางจากอีกทิศทางหนึ่งเช่นกันและเป็นการโจมตีที่เกรี้ยวกราดอย่างมาก
สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ก็ล้วนติดพันอยู่กับอสูรมายาของฉินอวี้โม่โดยที่ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ของฉินอวี้โม่และอีกสองคนได้เลย
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายดุเดือดอย่างที่สุด ในตอนนี้ฉินอวี้โม่ก็มีเกราะที่ก่อตัวขึ้นมาจากร่างของซิว ความแข็งแกร่งของนางจึงมากพอที่จะประจันหน้ากับฮวาฟางเฟยได้อย่างไม่เสียเปรียบ
ยิ่งไปกว่านั้น ฮวาฟางเฟยตรงหน้านางในตอนนี้ก็มีพลังเพียงเจ็ดในสิบส่วนของร่างจริง กอปรกับเสียซื่อที่มิได้ถือว่าแกร่งกล้ามากนัก แม้จะร่วมมือกัน ทั้งสองก็ตกกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว
“พลังนั้นจะต้องอยู่ในร่างของฉินอวี้โม่แน่ มิเช่นนั้นนางก็คงจะไม่มีพรสวรรค์ที่มากถึงระดับนี้และสามารถต่อกรกับพวกเราทั้งสองคนได้”
ฮวาฟางเฟยและเสียซื่อพยักศีรษะอย่างเข้าใจตรงกันและแววตามุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าอย่างไร ครานี้พวกนางก็ต้องจับตัวฉินอวี้โม่กลับไปให้ได้และไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสได้หลบหนี
หลังจากนั้นการต่อสู้บนหุบเขาก็ดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ทว่าในอีกฟากหนึ่ง ฮวาฟางเฟยซึ่งอยู่ภายในนิกายหมื่นบุปผาก็ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ศิษย์ทุกคนรับคำสั่งของข้าไป ตอนนี้รีบจับตัวหานโม่ฉือ เหมียวเจินเจิน อวิ๋นซื่อเทียนและจางซือถงโดยเร็ว หากพวกนางขัดขืนก็สังหารได้ทันที”
เวลานี้ร่างอวตารของนางกำลังต่อสู้อยู่กับฉินอวี้โม่ส่งผลให้ร่างหลักไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นการชั่วคราว เพราะเหตุนั้น นางจึงทำได้เพียงออกคำสั่งให้ทุกคนจับตัวหานโม่ฉือและทุกคนไว้ก่อน
หากไม่มีหนทางเอาชนะฉินอวี้โม่ได้ การจับตัวหานโม่ฉือและสหายของนางเป็นตัวประกันก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เมื่อถึงตอนนั้น ฮวาฟางเฟยก็ไม่ต้องกังวลว่าฉินอวี้โม่จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของนางอีกต่อไป
“เกิดอะไรขึ้น ?”
คำสั่งของจ้าวนิกายแห่งนิกายหมื่นบุปผาก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองไปยังทิศทางต้นเสียงด้วยสีหน้าที่สับสนงุนงงและไม่รีบร้อนลงมือทำสิ่งใด
“ไม่นะ ฮวาฟางเฟยคงจะค้นพบตัวตนที่แท้จริงของอวี้โม่แล้วเป็นแน่”
ฮวาเยว่ผู้ซึ่งกำลังฝึกวิชาอยู่ในเรือนมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่งของฮวาฟางเฟย นางลุกพรวดขึ้นทันทีและมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนที่พักของเหมียวเจินเจิน จางซือถงและอวิ๋นซื่อเทียนอย่างรวดเร็ว
ฮวาฟางเฟยยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจแล้วและนางไม่มีทางปล่อยให้อวิ๋นซื่อเทียนและทุกคนตกอยู่ในกำมือของคนเหล่านั้นได้ ศิษย์ฝั่งขวาหลายคนก็น่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของฮวาฟางเฟยอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะเหตุนั้น ในสถานการณ์นี้ นางจึงเป็นเพียงคนเดียวที่จะช่วยอวิ๋นซื่อเทียนและสหายได้
ภายในห้องพักของอวิ๋นซื่อเทียน สีหน้าของหลายคนเปลี่ยนไปเช่นกัน พวกนางได้ทราบข่าวจากหานโม่ฉือแล้วและกำลังจะหลบหนีออกไป ทว่าจู่ ๆ ก็มีคำสั่งมาจากฮวาฟางเฟยอย่างที่คาดไม่ถึง ศิษย์ฝั่งขวาหลายคนไม่ถูกกับพวกนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยคำสั่งจากฮวาฟางเฟย คนเหล่านั้นจะต้องพยายามจับตัวพวกนางด้วยทุกวิถีทาง แน่นอนว่าพวกนางไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านั้นจับตัวไปและกลายเป็นภาระตัวถ่วงของฉินอวี้โม่
“ไปกันเถอะ รีบไปหาหานโม่ฉือที่หอชั้นนอกกันเถอะ”
อวิ๋นซื่อเทียนจับมือเหมียวเจินเจินและจางซือถงขณะมุ่งหน้าไปยังประตูเรือนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ก้าวออกจากเรือน พวกนางก็พบว่ามีผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่รอบตัว
“เหอะ อวิ๋นซื่อเทียน พวกเจ้าคิดจะหนีไปที่ใดรึ ?!”
หัวหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้ก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นผู้อาวุโสของฝั่งขวานั่นเอง พวกนางก้าวออกมายืนขวางหน้าทั้งสามและจ้องมองด้วยแววตามุ่งร้ายอย่างไม่ปิดบัง
“ไสหัวไปให้พ้น !”
อวิ๋นซื่อเทียนตวาดเพียงสั้น ๆ และหยิบระเบิดพลังมายาจำนวนหนึ่งออกมาโยนเข้าใส่จุดที่คนเหล่านั้นยืนอยู่ทันที
ตูมมม !
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาพร้อมกับคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ทันระวังตัวและได้รับแรงระเบิดจนกระเด็นออกไปและบาดเจ็บกันเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้อาวุโสของฝั่งขวามีความแข็งแกร่งกันมากพอสมควรและแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
“จับตัวพวกนางไว้ !”
ฮวาเฉินออกคำสั่งทันทีและศิษย์ฝั่งขวาหลายคนก็ตรงเข้าไปหาคนทั้งสามอย่างไม่ลังเล
“หยุดเดี๋ยวนี้ !”
เสียงตะโกนดังขึ้นและร่างของฮวาเยว่ก็เหาะเข้ามาจากระยะไกลโดยเข้ามายืนขวางหน้ากลุ่มของอวิ๋นซื่อเทียนไว้
“ผู้คุมกฎฮวาเยว่ นี่ท่านคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งของท่านจ้าวนิกายอย่างนั้นหรือ ?”
สีหน้าของฮวาเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยและกล่าวเสียงดังออกไป