ภายในหุบเขา การต่อสู้ครั้งดุเดือดกำลังดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด
แม้เตรียมความพร้อมไว้อย่างรอบคอบ เสียซื่อและฮวาหรงก็ประมาทฉินอวี้โม่มากจนเกินไป การที่ฉินอวี้โม่ใช้อสูรรวมร่างกับซิวทำให้พลังการต่อสู้ของนางเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากส่งผลให้เสียซื่อ ฮวาหรงและสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจไม่มีโอกาสต่อกรกับนางได้เลย
กองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็ทำให้ทั้งเสียซื่อและฮวาหรงรู้สึกถึงแรงกดดันเป็นอย่างมากเช่นกัน สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจที่เดินทางมากับเขาในครานี้รับมือกับอสูรเหล่านั้นไม่ได้และตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทันที
“มันจบแล้ว !”
หลังจากได้รับข่าวว่าอวิ๋นซื่อเทียนและทุกคนหนีออกไปจากนิกายหมื่นบุปผาได้อย่างปลอดภัย ฉินอวี้โม่ก็ไม่ต้องการเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป แม้นางจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าการสังหารผู้อาวุโสสี่ของจอมยุทธ์ปีศาจก็มิใช่เรื่องง่าย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางคือการเดินทางไปรวมตัวกับทุกคนที่นิกายกระบี่สายฟ้าและหารือถึงแผนการต่อไป
พลังงานมหาศาลเอ่อล้นออกมาจากร่างของฉินอวี้โม่และเกิดแสงสีแดงส่องสว่างไปทั่วบริเวณพร้อมกับคลื่นพลังที่ร้อนระอุซึ่งทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจ
“นี่มันพลังอะไรกัน ?”
สีหน้าของฮวาฟางเฟยบิดเบี้ยวไปในทันที พลังอันแรงกล้าที่เผชิญในตอนนี้ทำให้นางหวั่นใจไม่น้อย
“ถอยเร็วเข้า !”
เสียซื่อรับรู้ได้ถึงลางร้ายบางอย่างและตะโกนเสียงดังเพื่อบอกให้สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจทุกคนล่าถอยออกไปโดยเร็ว
“สามพันเพลิงคำราม !”
นางกล่าวขึ้นเบา ๆ และสภาพแวดล้อมโดยรอบก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นทะเลเพลิงที่ลุกโชนส่องสว่างไปทั่วทั้งหุบเขาทันที
สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจหลายคนที่ล่าถอยออกไปช้าเกินไปต่างก็ถูกเพลิงปกคุลมไปทั่วร่างและมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านหายไปในอากาศก่อนที่จะได้ส่งเสียงร้องด้วยซ้ำ
“ฮวาฟางเฟย เสียซื่อ ไม่ว่าจอมยุทธ์ปีศาจจะมีแผนการใดอยู่ พวกเจ้าก็ไม่มีทางทำสำเร็จแน่ กลับไปบอกผู้นำของพวกเจ้าด้วยว่าข้าจะรอเขาที่นิกายกระบี่สายฟ้า !”
ฉินอวี้โม่กล่าวทิ้งท้ายและหายวับไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่
“บัดซบ !”
ฮวาฟางเฟยและเสียซื่อมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย พวกนางจัดเตรียมแผนการนี้มาเป็นเวลานานและมั่นใจว่ารอบคอบมากแล้ว ทว่าสุดท้ายฉินอวี้โม่ก็ยังหนีเอาตัวรอดไปได้ ไพ่ตายที่แท้จริงของนางเหนือกว่าความคาดหมายของทุกคนอย่างแท้จริง
“กลับไปหารือกับท่านผู้นำก่อนเถอะ ดูเหมือนว่าเราจะต้องวางแผนให้รอบคอบยิ่งกว่าเดิม !”
ในตอนนี้ ฉินอวี้โม่มีพลังมากพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อทั้งจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว เพราะเหตุนั้น แผนการเดิมที่พวกเขาวางไว้จะต้องได้รับการแก้ไขปรับเปลี่ยน มิฉะนั้นก็มีแนวโน้มว่าแผนการของพวกเขาจะเผชิญกับความล้มเหลวต่อไปในอนาคต
หลังจากนั้นเสียซื่อก็นำสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจส่วนที่เหลือเดินทางกลับไปทันทีในขณะที่ร่างอวตารของฮวาฟางเฟยก็หายวับไปในอากาศเช่นกัน
ภายในโถงกว้างของถ้ำบนยอดเขา ศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาก็ยังคงรออยู่ที่นี่ เมื่อฉินอวี้โม่มุ่งหน้ากลับมา นางก็เปิดเผยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในกับพวกนางทันที
“ไม่แปลกใจเลยที่ในตอนแรกท่านผู้คุมกฎฝั่งขวาจะไม่ต้องการให้เราเข้ามาในถ้ำด้วยกัน ที่แท้นางก็ร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจนี่เอง !”
ศิษย์เหล่านี้หาใช่คนโง่เขลา พวกนางรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลจากบทสนทนาระหว่างฉินอวี้โม่และฮวาหรงก่อนหน้านี้แล้ว
“เหอะ ผู้คุมกฎฝั่งขวาไม่รู้จักสำนึกในบุญคุณเลยจริง ๆ ก่อนหน้านี้นางได้รับบาดเจ็บสาหัสและเป็นศิษย์น้องอวี้โม่ที่เป็นคนช่วยนางไว้แท้ ๆ ทว่านางไม่เพียงแต่จะไม่ขอบคุณเท่านั้น แต่ยังร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจเพื่อพยายามกำจัดเจ้าอีก โชคดีที่ศิษย์น้องอวี้โม่แข็งแกร่งมาก ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะพลาดท่าเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นได้ !”
ศิษย์คนหนึ่งแค่นเสียงในลำคอและไม่มีทัศนคติที่ดีต่อฮวาหรงอีกต่อไป
“นิกายหมื่นบุปผาในตอนนี้มิใช่ที่ที่เราควรอยู่อีกต่อไป ศิษย์น้องอวี้โม่ เจ้าจะไปที่ใดรึ ? พวกเราขอติดตามไปด้วยได้หรือไม่ ?”
ศิษย์พี่คนหนึ่งที่รู้สึกประทับใจในตัวฉินอวี้โม่เป็นทุนเดิมกล่าวขึ้นเป็นคนแรก จอมยุทธ์ปีศาจคือศัตรูของผู้คนทั่วทั้งดินแดน เพราะฉะนั้นแล้วพวกนางก็ควรที่จะร่วมมือกันเพื่อกำจัดอีกฝ่าย การที่จ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผายอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจ พวกนางก็ไม่อาจทำใจกลับไปที่นั่นได้อีก และในตอนนี้การติดตามฉินอวี้โม่คือทางเลือกที่ดีที่สุด
“ข้าวางแผนจะไปที่นิกายกระบี่สายฟ้า หากศิษย์พี่ทั้งหลายไม่ขัดข้องก็เชิญตามข้ามาได้เลย”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ปฏิกิริยาตอบสนองของคนเหล่านี้ผิดจากที่นางคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีนางคิดว่าศิษย์พี่เหล่านี้จะเกิดความลังเลขึ้นมา ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่เช่นนี้
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราก็ไปที่นิกายกระบี่สายฟ้ากันเถอะ”
ศิษย์พี่เหล่านั้นพยักศีรษะตอบตกลงทันทีและทุกคนเดินลงจากภูเขาจันทราไปพร้อมกับฉินอวี้โม่เพื่อมุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่สายฟ้าอย่างรวดเร็ว
“นิกายหมื่นบุปผาของเราเป็นหนึ่งในสามสำนักและเก้านิกายแท้ ๆ ด้วยการที่มีพลังอำนาจและอิทธิพลเช่นนี้ เหตุใดท่านจ้าวนิกายจึงต้องร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจอีกล่ะ ?”
ระหว่างเดินทาง ศิษย์พี่หลายคนก็เอ่ยด้วยความสงสัยและงุนงง พวกนางไม่อาจทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้เลย
“ฮ่าๆๆ มิใช่เรื่องง่ายที่คนเราจะพอใจในสิ่งที่มี บางทีตำแหน่งจ้าวนิกายอาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับฮวาฟางเฟยและนางต้องการสิ่งที่มากกว่านั้น”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ นางเองก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงของฮวาฟางเฟยและทำได้เพียงคาดเดาออกมาเช่นนี้
การที่ฮวาฟางเฟยตกลงร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจจะต้องเป็นเพราะผลประโยชน์บางอย่างเป็นแน่ เดิมทีตำแหน่งจ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผาก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงส่งมากในดินแดนมหาเทพ เพียงแต่ดูเหมือนว่านางจะต้องการในสิ่งที่มากกว่านั้น บางทีฮวาฟางเฟยอาจต้องการปกครองทั้งดินแดนมหาเทพก็เป็นได้…
เมื่อฮวาหรงเดินออกจากหุบเขาและพบว่าศิษย์ทั้งหมดหายตัวไปแล้ว สีหน้าของนางก็บิดเบี้ยวอย่างมาก
“เหอะ เจ้าพวกศิษย์เนรคุณ !”
ฮวาหรงสบถกับตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดแม้แต่น้อยและนางทราบได้ทันทีว่าศิษย์เหล่านั้นจะต้องติดตามไปกับฉินอวี้โม่อย่างแน่นอน
ในเวลานี้นางก็ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันของนิกายหมื่นบุปผาแล้วและภารกิจเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการเดินทางกลับไปที่นิกายหมื่นบุปผาและวางแผนกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในหัวใจของฮวาหรงก็มีความสุขอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้ฮวาเยว่ออกจากนิกายไปแล้ว สถานะของนางในนิกายหมื่นบุปผาก็จะถูกยกระดับขึ้น แม้จะอยู่ใต้คน ๆ เดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น ในอนาคตข้างหน้า ฮวาฟางเฟยจะไว้วางใจนางและพึ่งพาอาศัยนางมากขึ้นอย่างแน่นอน…
ฉินอวี้โม่และคณะศิษย์พี่เดินทางมุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่สายฟ้าโดยใช้เวลาร่วมเจ็ดวันก่อนเข้ามาถึงในอาณาเขตของนิกาย
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง นางก็ได้พบกับหลานเผิงที่มารอต้อนรับอยู่แล้ว
“พี่อวี้โม่ ในที่สุดท่านก็มาถึงเสียที เมื่อสองวันก่อน ผู้อาวุโสฮวาเยว่นำคณะศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผามาถึงที่นี่แล้ว ในช่วงเวลานี้พี่โม่ฉือและท่านลุงก็ไม่ว่างนัก ข้าจึงมารอต้อนรับท่านที่นี่”
ในบรรดาผู้ที่ออกมาต้อนรับในครานี้ มีเพียงหลานเผิงคนเดียวเท่านั้นที่ฉินอวี้โม่รู้จัก ส่วนคนอื่น ๆ เป็นคนที่นางเพิ่งได้พบหน้าเป็นครั้งแรก
หลังจากกล่าวทักทายกัน ทุกคนก็เดินไปยังนิกายกระบี่สายฟ้าด้วยกัน
“พี่อวี้โม่ ท่านคงไม่ทราบว่าตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในนิกายหมื่นบุปผาได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนแล้วและผู้นำของสามสำนักและเก้านิกายต่างก็ได้รับข่าวนี้แล้ว หากคาดเดาไม่ผิด เกรงว่าขุมกำลังที่ยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจจะเริ่มแสดงตัวในไม่ช้า”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาก็ส่งคนไปจับตาดูสถานการณ์ของนิกายหมื่นบุปผาเพื่อป้องกันมิให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดที่คาดไม่ถึง
ฮวาเยว่นำคณะศิษย์ส่วนใหญ่ของนิกายหมื่นบุปผาออกมาและตอนนี้มีศิษย์ในนิกายเหลือเพียงหนึ่งในห้าส่วนเท่านั้นซึ่งมีความแข็งแกร่งที่ไม่ได้มากนัก เหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้ก็ทราบไปถึงหูของขุมกำลังอื่น ๆ ในสามสำนักและเก้านิกายแล้ว
ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฉินอวี้โม่ล้วนทราบเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้วและไม่รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม อีกหลายขุมกำลังไม่เคยทราบถึงสถานการณ์เหล่านี้มาก่อนและตกใจกันอย่างมาก พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าขุมกำลังที่ทรงพลังเช่นนิกายหมื่นบุปผาจะเลือกผูกมิตรร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจและกลายเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของทั้งดินแดนมหาเทพ
นอกเหนือจากนิกายหมื่นบุปผาก็ยังมีขุมกำลังอื่นที่แอบร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจเช่นกัน และคาดการณ์ได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเปิดเผยธาตุแท้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“กลับไปหารือกันอย่างจริงจังจะดีกว่า ตอนนี้ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ปีศาจยังไม่มากพอและจะไม่เกิดวิกฤตใดกับดินแดนมหาเทพในช่วงเวลาอันใกล้นี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องติดต่อกับขุมกำลังอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจวางแผนสิ่งใด”