หลังจากใช้เวลาอยู่ในสมาคมทหารรับจ้างพักใหญ่ ฉินอี้เฟยก็ยังไม่ได้เบาะแสใดที่เป็นประโยชน์
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดมากนักและมีผู้คนในมณฑลกลางเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่ทราบเกี่ยวกับตัวตนของพวกเขา
“หากท่านจอมยุทธ์ต้องการจะสืบหาข่าวก็ไปที่ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรเถอะขอรับ พวกเขามีข้อมูลข่าวสารมากกว่าพวกเรา”
เด็กรับใช้ของสมาคมทหารรับจ้างกล่าวบอกฉินอี้เฟยด้วยความหวังดีและเสนอให้เขาไปสืบข่าวที่ศูนย์การค้าจ้าวสมุทร
“เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก”
ฉินอี้เฟยประกบกำปั้นแสดงความขอบคุณและออกจากสมาคมทหารรับจ้างไปทันที
ในเมืองซัวเยว่มีสาขาย่อยของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรเพียงสาขาเดียวเท่านั้นและมันมีขนาดไม่ใหญ่นัก หลังจากสอบถามข้อมูลและได้รับตำแหน่งของมันมา ฉินอี้เฟยก็มุ่งหน้าไปยังศูนย์การค้าจ้าวสมุทรทันที
ภายในโรงเตี๊ยม เด็กน้อยทั้งสองเก็บตัวอยู่ภายในห้องด้วยความเบื่อหน่ายเต็มที
“อ้ายฉือ เราออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกันดีกว่า”
เสี่ยวอ้ายโม่โยกศีรษะของเสี่ยวอ้ายฉือไปมาก่อนกล่าวพร้อมรอยยิ้มและแสดงสีหน้าความอยากรู้อยากเห็นออกมา
“ท่านลุงสั่งให้พวกเรารออยู่ที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น ดินแดนมหาเทพก็เต็มไปด้วยยอดฝีมือผู้ทรงพลังมากมาย หากเราบังเอิญไปพบคนชั่วร้ายเข้า เราไม่มีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเองแน่ ทางที่ดีเราอย่าออกไปเพ่นพ่านข้างนอกจะดีกว่า”
เสี่ยวอ้ายฉือกล่าวอย่างใจเย็น ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่งใจเย็นเกินวัยยิ่งนัก
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เราแค่จะไปเดินเล่นแถวนี้เองและไม่ไปที่ใดไกลสักหน่อย อีกอย่าง…ในเมื่อมีอสูรทั้งสองติดตามไปด้วย มันจะไม่เกิดเรื่องใด ๆ แน่”
เสี่ยวอ้ายโม่ชี้ไปยังราชันราชสีห์ที่กำลังหลับใหลและพยัคฆ์ภูตที่นอนอยู่บนพื้นก่อนเข้าไปเกาะแขนเสื้อของเสี่ยวอ้ายฉือด้วยท่าทางเหมือนเด็กตัวน้อยที่น่าสงสาร
“ถูกต้อง พวกเราจะปกป้องนายน้อยและนายหญิงทั้งสองเอง”
ในเวลานี้ราชันราชสีห์และพยัคฆ์ภูตก็ลืมตาและกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกมันคืออสูรมายาที่ฉินอวี้โม่สยบไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกมันก็บรรลุถึงระดับพสุธาเซียนขั้นสูงแล้ว แม้ยังถือว่าไม่พิเศษนักเมื่อเทียบกับอสูรในดินแดนมหาเทพ ทว่าตราบใดที่ไม่ประจันหน้ากับจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งจากสามสำนักและเก้านิกาย พวกมันก็สามารถปกป้องเด็กน้อยทั้งสองได้อย่างไม่เป็นปัญหา
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ต้องเชื่อฟังข้าและอย่าเดินเพ่นพ่านไปที่ใดล่ะ”
เสี่ยวอ้ายฉือกล่าวอย่างจนปัญหา เขาไม่อาจปฏิเสธเสี่ยวอ้ายโม่ได้เลย
จากนั้นราชันราชสีห์และพยัคฆ์ภูตก็จำแลงร่างเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามสองคน ก่อนที่พวกมันทั้งสองจะเดินนำเสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือออกไปจากโรงเตี๊ยม
สองมนุษย์สองอสูรเดินท่องไปบนถนนอย่างสบาย ๆ เด็กน้อยทั้งสองก็มองสภาพแวดล้อมรอบตัวของเมืองซัวเยว่แห่งนี้ด้วยความสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างมาก
ในดินแดนมหาเทพแห่งนี้ แม้แต่เมืองรองก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าเมืองหลักในดินแดนเทพมายามากนักและความแข็งแกร่งของผู้คนในเมืองนี้ก็เหนือชั้นยิ่งกว่าจอมยุทธ์ในดินแดนเทพมายาเสียอีก พวกเขาเหล่านี้ล้วนแข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมยุทธ์ฝีมือโดดเด่นอันดับต้น ๆ ของดินแดนเทพมายา
ด้วยความแข็งแกร่งของเสี่ยวอ้ายฉือและคณะ พวกเขาก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใดเป็นพิเศษ คนเหล่านั้นคิดเพียงว่ามีนายน้อยและคุณหนูจากตระกูลใหญ่สักแห่งออกมาเดินเที่ยวเล่นและไม่กล้าทำสิ่งใดยั่วยุหรือกวนใจ
เด็กน้อยทั้งสองจับจ่ายซื้อของจุกจิกที่วางขายสองข้างถนนเป็นพักใหญ่ก่อนเตรียมกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทว่าในตอนนั้นเองที่บทสนทนาของผู้คนจำนวนหนึ่งดังขึ้นและดึงดูดความสนใจของเด็กทั้งสอง
“พวกเจ้าได้ยินมาหรือไม่ว่ารองจ้าวนิกายฉินเทียนแห่งนิกายกระบี่สายฟ้าและจ้าวนิกายของนิกายหมื่นบุปผามีเรื่องบาดหมางกันครั้งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น ลือกันว่ารองจ้าวนิกายฉินเทียนก็มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนระดับต่ำเช่นกัน”
ใครคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงเบาราวกับกังวลว่าผู้อื่นจะได้ยินเข้า
“พวกเขากำลังพูดถึงท่านตาของเรารึ ?”
เสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือหันมองหน้ากันทันที บุรุษผู้นั้นกล่าวถึงจอมยุทธ์ที่มาจากดินแดนในระดับต่ำกว่าและมีนามว่า ‘ฉินเทียน’ ผู้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองจ้าวนิกายของนิกายกระบี่สายฟ้า ทั้งสองจึงเชื่อว่าคนที่ถูกกล่าวถึงจะต้องเป็นท่านตาของพวกตนอย่างแน่นอน
“จะต้องใช่ท่านตาแน่ๆ และดูเหมือนว่าตอนนี้ท่านตาจะอยู่ที่นิกายกระบี่สายฟ้า”
เสี่ยวอ้ายโม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนก้าวออกไปข้างหน้าและเอ่ยถามคนเหล่านั้นพร้อมรอยยิ้ม “ท่านลุง ไม่ทราบว่านิกายกระบี่สายฟ้าที่ท่านกล่าวถึงอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ ?”
เด็กตัวน้อยกะพริบตาปริบ ๆ กอปรกับหน้าตาน่ารักน่าชังทำให้จอมยุทธ์ทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้าทันที
“นิกายกระบี่สายฟ้าอยู่ไกลไปจากที่นี่มาก พวกเจ้าเด็กตัวน้อยทั้งสองยังไปที่นั่นไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ทั้งดินแดนของเราก็กำลังตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายและสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นก็มิใช่คนดี เด็กที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างพวกเจ้าควรจะเก็บตัวอยู่ในบ้านไว้ พวกเจ้าจะได้ไม่ตกเป็นเป้าหมายของบุคคลชั่วร้ายเหล่านั้น”
จอมยุทธ์คนดังกล่าวอดเอ่ยเตือนเด็กน้อยทั้งสองด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่ได้
“ขอบคุณท่านลุงทั้งสอง พวกเราเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือกล่าวขอบคุณจอมยุทธ์ทั้งสองด้วยท่าทางนอบน้อม
บุรุษทั้งสองรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อยทั้งสองยิ่งนักจนพวกเขาอดเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างที่ทราบไม่ได้ ท้ายที่สุดเสี่ยวอ้ายโม่และเสี่ยวอ้ายฉือก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนมหาเทพมากขึ้น
หลังจากกล่าวร่ำลากับจอมยุทธ์ทั้งสอง สองมนุษย์สองอสูรก็กลับไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อหารือกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าท่านแม่และท่านพ่อจะอยู่ที่นิกายกระบี่สายฟ้าเช่นกัน เราจะได้พบทุกคนเมื่อไปถึงที่นั่น”
เสี่ยวอ้ายโม่กล่าวด้วยสีหน้าแววตาตื่นเต้นและมีความสุขอย่างที่สุดที่ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับมารดาและทุก ๆ คน ทั้งสองไม่ได้พบหน้าบิดามารดามานานแล้วและคิดถึงทั้งสองอย่างสุดหัวใจ
“เมื่อท่านลุงกลับมา เราจะรีบมุ่งหน้าไปที่นิกายกระบี่สายฟ้ากันทันที”
เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยม เสี่ยวอ้ายฉือก็ตัดสินใจอย่างหนักแน่นในทันที ทั้งสองอดทนเฝ้ารอจนท้องฟ้ามืดสนิทและในที่สุดฉินอี้เฟยก็กลับมา
“ท่านลุง เราทราบแล้วว่าท่านตา ท่านพ่อ ท่านแม่และคนอื่น ๆ อยู่ที่ใด !”
เด็กน้อยทั้งสองรีบปรี่ออกไปข้างหน้าและเกาะแขนเสื้อของฉินอี้เฟยขณะแจ้งข่าวที่ได้ทราบมาทันที
“นิกายกระบี่สายฟ้างั้นรึ ?”
ฉินอี้เฟยไม่ได้เบาะแสที่เป็นประโยชน์มาจากศูนย์การค้าจ้าวสมุทร ทว่าเขาก็ใช้เงินไปเป็นจำนวนหนึ่งเพื่อขอให้คนเหล่านั้นช่วยสืบข่าวให้และบอกว่าตัวเขาจะไปที่นั่นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
“เราไปที่นิกายกระบี่สายฟ้าเพื่อตามหาท่านแม่ ท่านพ่อและท่านตากันเถอะ”
เสี่ยวอ้ายโม่พยักหน้าหงึกหงักและปรารถนาที่จะเดินทางไปที่นั่นทันที
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ตอนนี้เรายังอยู่ไกลไปจากนิกายกระบี่สายฟ้าพอสมควร หากขี่อสูรมายาไปที่นั่น คาดว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งถึงสองเดือน พรุ่งนี้ข้าจะไปสอบถามดูว่าที่นี่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายหรืออุปกรณ์สำหรับเดินทางพิเศษใดหรือไม่ การที่เราจะออกเดินทางในตอนนั้นก็ยังไม่ถือว่าสายเกินไป”
ฉินอี้เฟยลูบศีรษะหลานตัวน้อยทั้งสองและกล่าวเบา ๆ ดินแดนมหาเทพในตอนนี้วุ่นวายโกลาหลกว่าแต่ก่อนมากนักและเด็กน้อยสองคนก็โดดเด่นเป็นเป้าสายตามากจนเกินไป การเดินทางจากที่นี่ไปถึงนิกายกระบี่สายฟ้าจะต้องข้ามผ่านสถานที่อันตรายมากมายและพวกเขาต้องเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุดก่อน
เด็กน้อยทั้งสองไม่คัดค้านและพยักศีรษะอย่างว่าง่าย
ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ และไม่เกิดเรื่องวุ่นวายใด เช้าตรู่วันต่อมา ฉินอี้เฟยก็พาเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ไปยังศูนย์การค้าจ้าวสมุทร
“ท่านจอมยุทธ์ขอรับ เราได้สืบข่าวที่ท่านต้องการทราบแล้ว ท่านจะพบกับแม่นางฉินอวี้โม่และคุณชายหานโม่ฉือได้ที่นิกายกระบี่สายฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางฉินอวี้โม่ก็สนิทสนมกับนายน้อยของพวกเรามากขอรับ”
ผู้จัดการของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรให้การต้อนรับฉินอี้เฟยและเด็กทั้งสองอย่างสุภาพก่อนยื่นแผนที่ฉบับหนึ่งซึ่งมีเครื่องหมายระบุพิกัดของนิกายกระบี่สายฟ้าอย่างชัดเจน
“ที่นี่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นำไปสู่นิกายกระบี่สายฟ้าหรือมีพาหนะเดินทางที่รวดเร็วรึไม่?
ฉินอี้เฟยมองดูแผนที่ดังกล่าวครู่หนึ่งและเอ่ยถามออกไป เขาไม่นึกสงสัยในตัวผู้จัดการของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม เขายังต้องระมัดระวังให้รอบคอบจึงไม่ปักใจเชื่อเสียทีเดียว
“อันที่จริง หากท่านต้องการพบแม่นางฉินอวี้โม่ ท่านไม่ต้องไปที่นิกายกระบี่สายฟ้าให้เสียเวลาหรอกขอรับ อีกประมาณหนึ่งเดือนข้างหน้า ในเมืองราชวงศ์ของมณฑลกลาง ตระกูลหลานของเราจะจัดงานประมูลครั้งใหญ่และนายน้อยจะเชิญแม่นางฉินอวี้โม่ไปที่นั่นอย่างแน่นอน ในฐานะแขกของตระกูลหลาน ท่านจะได้พบกับพวกนางขอรับ”
ผู้จัดการครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมา