‘เมืองหลิงอวิ๋น’ คือเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในอาณาเขตของมณฑลกลางซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองซัวเยว่กับเมืองราชวงศ์และถือเป็นเส้นทางการจราจรที่สำคัญ
เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของมันไม่ถือเป็นจุดผ่านของที่ใดนัก โดยปกติจึงมีผู้คนปรากฏให้เห็นเพียงไม่มาก
เวลานี้ ฉินอี้เฟยที่อยู่ภายในโรงเตี๊ยมมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้านี้เขาและหลานทั้งสองเดินทางออกมาพร้อมกับคนของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรสาขาเมืองซัวเยว่และมาถึงเมืองหลิงอวิ๋นเมื่อวานนี้ เดิมทีพวกเขาวางแผนที่จะพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืนและออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น ทว่าเคราะห์ร้ายที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดบางอย่างเสียก่อน
จู่ ๆ เสี่ยวอ้ายฉือผู้ซึ่งพักอยู่ในห้องก่อนหน้านี้ก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน เขาและคนอื่น ๆ ก็ออกตามหาทั่วบริเวณแล้ว ทว่ายังไม่พบร่องรอยใด ๆ
ตอนนี้คนของศูนย์การค้าสาขาเมืองซัวเยว่กำลังกระจายตัวออกไปรอบ ๆ เพื่อตามหาในขณะที่เขาอยู่ที่โรงเตี๊ยมเพื่อคอยปกป้องคุ้มกันเสี่ยวอ้ายโม่และรอฟังข่าว
ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้วทว่ายังไม่ได้รับเบาะแสที่เป็นประโยชน์ใดและนั่นทำให้เขากังวลใจอย่างที่สุด
“ท่านลุง อย่ากังวลไปเลย ไม่มีเรื่องร้ายใดเกิดขึ้นกับเสี่ยวอ้ายฉือหรอกเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่จับมือฉินอี้เฟยและกล่าวเพื่อมิให้เขากังวลมากจนเกินไป
ทั้งสองเป็นฝาแฝดชายหญิงและย่อมมีความเชื่อมโยงถึงกันอย่างที่ตัดไม่ขาด แม้ไม่สามารถระบุได้ว่าเสี่ยวอ้ายฉืออยู่ใด เสี่ยวอ้ายโม่ก็มั่นใจว่าตอนนี้เขาปลอดภัยอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวอ้ายโม่รู้สึกได้ว่าจะต้องมีบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของเสี่ยวอ้ายฉือและเรียกให้เขาเข้าไปหา แทนที่จะเป็นการถูกจับตัวไปอย่างไม่เต็มใจ
อย่างไรก็ตาม นางยังไม่กล่าวออกไปในตอนนี้ เพราะต่อให้กล่าวถึงสิ่งที่คาดเดา ท่านลุงของนางก็อาจไม่ปักใจเชื่อ
“เสี่ยวอ้ายโม่ เจ้าทราบหรือไม่ว่าเสี่ยวอ้ายฉืออยู่ที่ใด ?”
ฉินอี้เฟยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกังวลอย่างชัดเจนขณะมองเสี่ยวอ้ายโม่และรู้สึกได้ว่านางน่าจะทราบบางสิ่งบางอย่าง เพียงแต่ไม่ยอมกล่าวออกมา
“ข้าทราบเพียงว่าตอนนี้เขาปลอดภัยดีทว่าไม่ทราบตำแหน่งที่ชัดเจนเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไรท่านลุงก็ไม่ต้องกังวลเกินไป ตอนนี้เราควรไปหาท่านพ่อท่านแม่และหอมแก้มพวกท่านกันก่อนเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่มองฉินอี้เฟยพลางกล่าวออกไป นางอดทนรอที่จะไปตามหาฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่ไหวอีกต่อไป
“รอก่อนเถอะ การที่ข้าพาพวกเจ้ามาที่นี่ ข้าก็มีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครองพวกเจ้า หากยังไม่ได้ข่าวของเสี่ยวอ้ายฉือ ข้าก็คลายความกังวลไม่ได้จริง ๆ”
ฉินอี้เฟยลูบศีรษะเด็กน้อยตรงหน้าอย่างอ่อนโยนแม้ยังขมวดคิ้วมุ่นก็ตาม
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่กล่าวอย่างจนปัญญา อย่างไรก็ตาม นางเชื่อว่าเมื่อได้พบบิดาและมารดาของตน ทั้งสองจะเชื่อวาจาของนางและเดินทางออกไปจากที่นี่ได้
…
ภายในมิติว่างเปล่าแห่งหนึ่ง เสี่ยวอ้ายฉือยืนนิ่งขณะมองบุรุษวัยกลางคนตรงหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้
“ท่านเป็นใครหรือขอรับ ? เหตุใดกลิ่นอายบนตัวของท่านถึงทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดเช่นนี้ ?”
ก่อนหน้านี้เสี่ยวอ้ายฉือกำลังนอนหลับอยู่ในโรงเตี๊ยมและจู่ ๆ ก็เหมือนได้ยินเสียงเรียกบางอย่างก่อนปรากฏตัวขึ้นมาในมิติพิเศษแห่งนี้
เสี่ยวอ้ายฉือไม่ทราบเลยว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใดและเขาก็ไม่สามารถมองทะลุธาตุแท้ของบุรุษวัยกลางคนตรงหน้าได้ เขาสัมผัสได้เพียงว่าบุรุษผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนักและมีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยซึ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ ๆ
“เจ้าหนู เจ้าเข้ามาในมิติของข้าได้อย่างไร ?”
บุรุษวัยกลางคนมองเสี่ยวอ้ายฉือและเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ก่อนหน้านี้เขาเพียงเคลื่อนที่ผ่านที่แห่งหนึ่งและมีเด็กน้อยปรากฏตัวท่ามกลางความว่างเปล่า กลิ่นอายจากเด็กน้อยคนนั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่อาจอธิบายได้ส่งผลให้เขาต้องการเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัวและรู้สึกถูกชะตาขึ้นมา ต้องกล่าวเลยว่าโดยปกติเขาไม่ชอบเด็กเล็กเท่าใดนัก นับประสาอะไรกับการแสดงความอ่อนโยนเช่นนี้
“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน…”
เสี่ยวอ้ายฉือส่ายหน้าอย่างจนปัญหาและไม่ทราบเลยว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไร
“ท่านส่งข้ากลับไปได้หรือไม่ ?”
เสี่ยวอ้ายฉือกล่าวออกไปโดยตรงเนื่องจากทราบดีว่าการที่จู่ ๆ ตนหายตัวมาเช่นนี้ ทั้งท่านลุงและเสี่ยวอ้ายโม่จะต้องเป็นกังวลอย่างมาก เพราะเหตุนั้นเขาจึงต้องการกลับไปโดยเร็วที่สุด
“กลับไปที่ใด ?”
บุรุษวัยกลางคนเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าเสี่ยวอ้ายฉือและลูบศีรษะเด็กน้อยเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
“เมืองหลิงอวิ๋น”
เสี่ยวอ้ายฉือไม่ต่อต้านการกระทำของบุรุษแปลกหน้าทว่ารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขากล่าวชื่อเมืองที่ฉินอี้เฟยพักอยู่และมองบุรุษตรงหน้าอย่างมีความหวัง
“เมืองหลิงอวิ๋น…มันคือที่ใดกัน ?”
บุรุษวัยกลางคนประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาก็มั่นใจว่าไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน
“เมืองขนาดเล็กแห่งหนึ่งในดินแดนมหาเทพ”
เสี่ยวอ้ายฉือแปลกใจและงุนงงกับท่าทางของอีกฝ่าย บุรุษตรงหน้าดูเหมือนจะไม่รู้จักเมืองหลิงอวิ๋นอย่างแท้จริง หรือเขาจะมิใช่ประชากรของดินแดนมหาเทพ ?
“ดินแดนในระดับต่ำกว่าอย่างนั้นหรือ ?”
บุรุษวัยกลางคนแปลกใจอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะมาจากดินแดนในระดับที่ต่ำกว่า
“เจ้าหนูน้อย หากเจ้ากำลังกล่าวถึงดินแดนมหาเทพละก็ เกรงว่าเจ้าจะไม่ได้กลับไปในอนาคตอันใกล้นี้”
เขาแตะศีรษะเด็กน้อยและเปิดเผยความจริงออกไป
สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้แม้ไม่ห่างไกลจากดินแดนมหาเทพนัก ทว่ามันก็มีข้อจำกัดที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองดินแดน แม้แต่บุคคลที่ทรงพลังในระดับเขาก็ยังไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ตามต้องการ
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ช่วยข้าส่งข้อความไปแจ้งข่าวกับครอบครัวและสหายของข้าได้หรือไม่ว่าข้าปลอดภัยดี ?”
เสี่ยวอ้ายฉือไม่สงสัยในวาจาของอีกฝ่ายและประกบกำปั้นทั้งสองเข้าด้วยกันด้วยท่าทางใจเย็นจนดูราวกับเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
บุรุษวัยกลางคนชอบอกชอบใจกับท่าทางของเด็กน้อยตรงหน้ายิ่งนักและแววตาแสดงถึงความเอ็นดูอย่างชัดเจน ช่างเป็นเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดูจริง ๆ!
“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากลับไปที่เรือนของข้าก่อนเถอะ หลังจากนี้ข้าจะส่งข่าวไปบอกครอบครัวของเจ้าว่าเจ้าปลอดภัยดี”
เขาตัดสินใจทันทีและวางแผนที่จะพาเสี่ยวอ้ายฉือกลับไปด้วยกัน
“ขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณผู้อาวุโสเป็นการล่วงหน้า”
เสี่ยวอ้ายฉือพยักศีรษะและตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
แม้ยังเยาว์วัยนัก เสี่ยวอ้ายฉือก็ชาญฉลาดและมีไหวพริบที่ดี หากเป็นใครคนอื่นที่กล่าววาจาเช่นนี้ เขาก็ไม่มีทางคล้อยตามง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม บุรุษวัยกลางคนตรงหน้ามีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดและทำให้เขาไว้ใจไปโดยสัญชาตญาณ
“ไปกันเถอะ”
บุรุษวัยกลางคนโบกมือเล็กน้อยและอุ้มเสี่ยวอ้ายฉือขึ้นบนหลังของตน จากนั้นทั้งสองก็หายเข้าไปในมิติอย่างรวดเร็ว…
อีกค่ำคืนหนึ่งผ่านพ้นไปอย่างช้า ๆ และฉินอี้เฟยยังไม่ได้ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับเสี่ยวอ้ายฉือ
คนของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรก็มีท่าทีกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้ฉินอี้เฟยจะเชื่อวาจาของเสี่ยวอ้ายโม่ที่กล่าวว่าเสี่ยวอ้ายฉือปลอดภัยดี เขาก็อดกังวลใจไม่ได้
“ตอนนี้เราจะรอต่อไปก่อน หากยังไม่มีความคืบหน้าในอีกสองวันข้างหน้า พวกท่านพาเสี่ยวอ้ายโม่ไปที่เมืองราชวงศ์ก่อนและข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อตามหาอ้ายฉือต่อไป”
ภายในห้องหนึ่ง ฉินอี้เฟยวางแผนสำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป คนตระกูลหลานจากศูนย์การค้าจ้าวสมุทรยังมีงานของตนเองที่ต้องจัดการและไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป เพราะเหตุนั้นเขาจึงตัดสินใจให้คนเหล่านี้พาเสี่ยวอ้ายโม่ไปพบกับฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก่อน รวมถึงแจ้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้พวกนางได้ทราบเพื่อที่จะได้ไม่กังวลจนเกินไป
“เข้าใจแล้วขอรับ เราจะติดต่อไปหาท่านผู้นำและให้คนที่นั่นช่วยสืบอีกแรง”
คนของตระกูลหลานลังเลเล็กน้อยก่อนพยักศีรษะตอบตกลง
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปตามหาเสี่ยวอ้ายฉืออีกครั้งและฉินอี้เฟยเองก็ตัดสินใจที่จะพาเสี่ยวอ้ายโม่ออกไปค้นหาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะออกไปจากโรงเตี๊ยม จู่ ๆ กลิ่นอายที่คุ้นเคยก็ปรากฏในทิศทางของทางเข้าโรงเตี๊ยม มันคือกลิ่นอายของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือที่มุ่งหน้ามาที่นี่อย่างรีบร้อนนั่นเอง
“พี่ใหญ่…”
เมื่อพบหน้าฉินอี้เฟย ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็กล่าวทักทายทันที
“ท่านแม่~”
เสี่ยวอ้ายโม่มีสีหน้าท่าทางตื่นเต้นและรีบปรี่เข้าไปหามารดาทันที
“อ้ายโม่”
ฉินอวี้โม่สวมกอดบุตรสาวตัวน้อยและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ได้ ? แล้วอ้ายฉือล่ะ ?”
นางจุมพิตบนหน้าผากของเสี่ยวอ้ายโม่ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย สีหน้าของนางไม่แสดงความรู้สึกใดทว่ามีลางสังหรณ์บางอย่างอยู่ภายในใจแล้ว