เมื่อเห็นว่ามีเพียงฉินอี้เฟยและเสี่ยวอ้ายโม่ ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาในใจได้ทันที แม้กังวลอยู่ไม่น้อย นางก็ยังคงรักษาความสงบใจเย็นไว้ได้ นางเองก็สัมผัสได้เช่นเดียวกับเสี่ยวอ้ายโม่ว่าเสี่ยวอ้ายฉือยังคงปลอดภัยดี
“ท่านแม่ เสี่ยวอ้ายฉือออกไปเที่ยวเล่นในที่ใดที่หนึ่งและขาดการติดต่อกับเราชั่วคราว ข้าบอกท่านลุงแล้วว่าเสี่ยวอ้ายฉือยังปลอดภัยดีแต่ท่านลุงไม่เชื่อข้า เราทั้งสองจึงต้องรอเขาอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของหานโม่ฉือและหันมองฉินอวี้โม่ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เสี่ยวโม่เอ๋อร์ ข้าขอโทษจริง ๆ ที่ดูแลเสี่ยวอ้ายฉือไว้ไม่ได้”
ฉินอี้เฟยกล่าวด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย เขาเป็นคนพาหลานทั้งสองมาที่ดินแดนมหาเทพ การที่เสี่ยวอ้ายฉือหายตัวไปเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกผิดและแอบโทษตัวเองอยู่ในใจ
“พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เสี่ยวอ้ายโม่บอกแล้วว่าเสี่ยวอ้ายฉือไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสหรือโชคชะตาของเขา เราแทรกแซงอะไรไม่ได้หรอก”
ฉินอวี้โม่กล่าวปลอบประโลมฉินอี้เฟยและไม่สงสัยในวาจาของเสี่ยวอ้ายโม่แม้แต่น้อย แม้นางเองจะยังกังวลใจ ทว่านางก็ทราบดีว่าสถานการณ์เช่นนี้มิใช่สิ่งที่ตนจะแก้ไขอะไรได้ และนี่อาจจะเป็นโอกาสอันดีของเสี่ยวอ้ายฉือ
“เรากลับไปที่เมืองราชวงศ์กันก่อนเถอะ เราอาจจะได้ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับเสี่ยวอ้ายฉือที่นั่น”
นางตัดสินใจอย่างรวดเร็วและกล่าวออกไปทันที เสี่ยวอ้ายฉือทั้งชาญฉลาดและมีไหวพริบที่เป็นเลิศ ตราบใดที่ไม่เกิดอันตราย เขาจะต้องหาทางส่งข่าวหรือติดต่อมาอย่างแน่นอน
หลังจากนั้น เขาก็เรียกคนของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรที่ออกตามหาเสี่ยวอ้ายฉือกลับมาก่อนที่ทุกคนจะออกเดินทางไปยังเมืองราชวงศ์ด้วยกัน…
ณ เมืองราชวงศ์ของมณฑลกลาง ในเวลานี้หลายคนที่คิดจะเดินทางไปที่เมืองหลิงอวิ๋นในตอนแรกเพื่อสืบหาเบาะแสก็ได้รับข่าวล่าสุดจากฉินอวี้โม่และกลับมารวมตัวกันเพื่อรอพวกนางกลับมา…
ในอีกฟากหนึ่ง ณ ดินแดนลึกลับ เสี่ยวอ้ายฉือตามบุรุษวัยกลางคนไปเรื่อย ๆ จนไปถึงภูเขาแห่งหนึ่งที่ล้อมรอบไปด้วยกลุ่มเมฆหนา บนยอดเขาก็มีคฤหาสน์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ซึ่งมีทิวทัศน์งดงามและพิเศษอย่างยิ่ง และนี่คือที่พักของบุรุษวัยกลางคนนั่นเอง
เสี่ยวอ้ายฉือสัมผัสได้ว่าที่ที่ตนอยู่ในตอนนี้มีสภาวะพลังที่หนาแน่นกว่าดินแดนมหาเทพหลายเท่าตัว เพียงก้าวเข้ามาที่นี่ ทุกรูขุมขนในร่างกายก็ราวกับเปิดออกและดูดซับสภาวะพลังเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่ซึ่งทำให้รู้สึกสบายใจอย่างที่สุด
“ยายแก่ ดูสิว่าข้าพาใครมาด้วย”
บุรุษวัยกลางคนจับมือเสี่ยวอ้ายฉือและตะโกนเสียงดังด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เอ๋ ? เจ้าพาใครมารึ ?”
เสียงหวานดังขึ้นในอากาศและใครคนหนึ่งก็เดินออกมาจากในคฤหาสน์
คนผู้นั้นคือสตรีวัยกลางคนที่ดูมีอายุประมาณสี่สิบปี นางสวมอาภรณ์เรียบ ๆ ดูธรรมดาทว่ารูปลักษณ์ของนางกลับดูโดดเด่นอย่างมาก ความอ่อนโยนที่แผ่ออกมาแสดงถึงความเป็นกันเองและทำให้ผู้คนต้องการเข้าไปใกล้
ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มบาง ๆ ประดับและทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกถูกชะตาในทันที
“เฮ้ ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่ารักน่าชังเสียจริง”
เมื่อสายตาของนางบรรจบลงที่เสี่ยวอ้ายฉือ รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ฉีกกว้างมากขึ้นและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พ่อหนุ่มตัวน้อย เจ้ามีชื่อว่าอะไรรึ ?”
นางก้มหน้ามองเสี่ยวอ้ายฉือและอดยื่นมือออกไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไม่ได้
“ท่านย่า ข้าชื่อว่าฉินอ้ายฉือขอรับ”
โดยปกติแล้วเสี่ยวอ้ายฉือจะไม่ชอบการเข้าใกล้ผู้อื่นมากนัก ต่อให้เป็นญาติพี่น้องหรือสหายในดินแดนมหาเทพที่ต้องการจะสวมกอดเขาก็ยังมิใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม สตรีวัยกลางคนผู้นี้กลับทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้ขณะปล่อยให้นางอุ้มตนได้ตามต้องการ
“ยายแก่ ก่อนหน้านี้ข้าผ่านไปที่ดินแดนมหาเทพ จู่ ๆ หนุ่มน้อยนี่ก็โผล่มาในมิติของข้า ตอนนี้ข้ายังส่งเขากลับไปไม่ได้จึงพาเขากลับมาด้วยกันและจะให้เขาอยู่กับเราสักระยะ เจ้าจะขัดข้องหรือไม่ ?”
บุรุษวัยกลางคนกล่าวและเห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของสตรีตรงหน้าเป็นอย่างมาก หากนางไม่เห็นด้วย เขาก็อาจจะต้องพาเสี่ยวอ้ายฉือไปที่อื่น
“เยี่ยม เยี่ยมไปเลย การอยู่บนภูเขาตลอดทั้งวันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อยิ่งนัก การที่เสี่ยวอ้ายฉือโผล่เข้ามาในมิติของเจ้าหมายความว่าเขามีโชคชะตาเกี่ยวพันกับเรา หากเจ้าส่งเขากลับไป ข้าจะโกรธเจ้ามาก”
เห็นได้ชัดว่าสตรีวัยกลางคนรู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวอ้ายฉือเป็นอย่างมาก นางไม่เคยได้เข้าใกล้เด็กตัวน้อย ๆ มานานนับหมื่นปี นับตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุกับบุตรสาวของพวกเขา ทั้งสองก็ไม่เคยเข้าใกล้เด็กคนใดอีกเลย แม้แต่ก่อนหน้านี้สตรีวัยกลางคนก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเข้าใกล้เด็กที่มีอายุไล่เลี่ยกับเสี่ยวอ้ายฉือเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายบางอย่างที่แผ่มาจากเสี่ยวอ้ายฉือกลับทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดและต้องการเข้าใกล้เพื่อทำความรู้จักมากขึ้น บางทีมันอาจเป็นโชคชะตาบางอย่างที่ถูกกำหนดไว้
“เสี่ยวอ้ายฉือ เรียกข้าว่าย่าหย่าก็แล้วกัน เจ้าไม่ต้องไปสนใจเจ้าตาแก่นี่เลย เข้าไปข้างในกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปกินอะไรอร่อย ๆ สักหน่อย เจ้าคงจะหิวมากแล้ว”
นางวางเสี่ยวอ้ายฉือลงตามเดิมและจับมือเขาไว้ด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“หิวนิดหน่อยขอรับ”
เสี่ยวอ้ายฉือพยักศีรษะเบา ๆ เขาเองก็รู้สึกถูกชะตากับสตรีวัยกลางคนผู้นี้มากนัก ด้วยเหตุผลบางประการ เขารู้สึกว่ากลิ่นอายจากสตรีผู้นี้คล้ายคลึงกับมารดาของตนทว่ายังไม่อาจมั่นใจได้อย่างแน่ชัด…
จากนั้นสตรีวัยกลางคนและเด็กน้อยก็เดินไปยังอีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์และเมินเฉยต่อบุรุษวัยกลางคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไปอย่างสมบูรณ์
“ข้าไม่ได้เห็นภรรยาของข้ามีความสุขเช่นนี้มานานเหลือเกิน”
บุรุษวัยกลางคนส่ายศีรษะเบา ๆ พลางถอนหายใจยาวก่อนเดินตามทั้งสองเข้าไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เสี่ยวอ้ายฉือ บอกข้อมูลของบิดามารดาเจ้ามาเถอะ ข้าจะได้ส่งข่าวไปบอกพวกเขา”
เขาเอ่ยถามขณะเดินตามเข้าไป
เสี่ยวอ้ายฉือไม่ทราบว่าตอนนี้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออยู่ที่ใด หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขาก็บอกตำแหน่งของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรสาขาใหญ่ให้กับบุรุษวัยกลางคน ไม่ว่าอย่างไรบิดามารดาของเขาจะต้องไปเข้าร่วมงานประมูลครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น และต่อให้ทั้งสองไม่ไปที่นั่น เสี่ยวอ้ายฉือก็เชื่อว่าศูนย์การค้าจ้าวสมุทรจะแจ้งข่าวให้บิดามารดาของเขาทราบอย่างแน่นอนและเมื่อถึงตอนนั้นทั้งสองก็จะคลายกังวลกันได้
บุรุษวัยกลางคนก็จดตำแหน่งดังกล่าวไว้และลูกแก้วสีน้ำเงินปรากฏในมือของเขา จากนั้นปลายนิ้วมือของเขาก็ขยับไปมาเล็กน้อยและแผ่พลังมายาเข้าไปก่อนที่ข้อความจะถูกส่งไปยังศูนย์การค้าจ้าวสมุทร ณ เมืองราชวงศ์ของมณฑลกลางภายในดินแดนมหาเทพ
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลาน ฉินอวี้โม่ก็แจ้งให้ทุกคนได้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลิงอวิ๋นก่อนหน้านี้และสีหน้าของพวกเขาแสดงถึงความกังวลขึ้นมา
แม้ฉินอวี้โม่และเสี่ยวอ้ายโม่จะสัมผัสได้ว่าเสี่ยวอ้ายฉือยังปลอดภัยดี ทว่าเสี่ยวอ้ายฉือก็ยังเด็กมากนัก หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู เขาจะเผชิญกับภยันตรายอย่างแน่นอน
“ท่านผู้นำ มีใครบางคนส่งข่าวมาขอรับ”
บุรุษคนหนึ่งวิ่งโร่เข้ามาจากด้านนอก เขาคือผู้จัดการของศูนย์การค้าจ้าวสมุทรสาขาใหญ่และเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลหลาน
เขาเข้ามาพร้อมกับกระดาษบันทึกในมือและสีหน้าดูกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด
“ข่าวอะไรรึ ?”
หลานชางไห่ยังไม่ทันกล่าวสิ่งใดทว่าหลานเผิงลุกพรวดและรับกระดาษแผ่นนั้นมาทันที
“ท่านลุง ท่านพ่อและท่านแม่ ข้าปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วง”
บนกระดาษแผ่นนั้นมีข้อความอยู่เพียงไม่กี่คำ ทว่าทำให้หลานเผิงตกใจเป็นอย่างมาก
“ดูเหมือนจะเป็นข้อความจากเสี่ยวอ้ายฉือ…”
เขาเงยหน้ามองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือพร้อมกล่าวสิ่งที่คาดคิดไว้
ฉินอวี้โม่รับแผ่นกระดาษดังกล่าวไปดูด้วยตัวเองทันทีและพบว่ามันเป็นลายมือของบุตรชายอย่างแท้จริง ลายมือในกระดาษยังดูขยุกขยิกและมีลักษณะการใช้คำที่เหมือนกับเสี่ยวอ้ายฉือไม่มีผิด
“ข้อความนี้ถูกส่งมาจากที่ใดรึเจ้าคะ ?”
หลังจากตรวจดู นางก็เงยหน้ามองผู้จัดการศูนย์การค้าและเอ่ยถามทันที
“จู่ ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาในศูนย์การค้าของเราขอรับ นอกจากกระดาษแผ่นนี้ก็ยังมีลูกแก้วสีน้ำเงินที่ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน”
ผู้จัดการกล่าวพร้อมหยิบลูกแก้วออกมายื่นให้กับฉินอวี้โม่
ฉินอวี้โม่ก็รับมันมาและเติมพลังมายาลงไปก่อนพบกับตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นมาบนลูกแก้วลูกนั้น มันคือข้อความที่มาจากบุรุษวัยกลางคนนั่นเอง
หลังจากอ่านข้อความบนนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและไม่กังวลอีกต่อไป