ภายในห้องโถง ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที เสี่ยวอ้ายฉือไม่ได้รับอันตรายใด ๆ เขาเพียงปรากฏตัวอยู่ที่อื่นและยังไม่สามารถกลับมาได้ในตอนนี้
ข้อมูลที่ถูกส่งมาจากบุรุษวัยกลางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตนของเขาอย่างชัดเจน ทว่าฉินอวี้โม่และทุกคนรับรู้ได้ว่าตัวตนของเขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เกรงว่าตอนนี้เสี่ยวอ้ายฉือจะไม่ได้อยู่ในดินแดนมหาเทพอีกต่อไป…
“ข้าบอกทุกคนแล้วว่าไม่ต้องกังวล นี่อาจเป็นโอกาสของเสี่ยวอ้ายฉือ บางทีเขาอาจจะกลับมาในไม่ช้า”
เสี่ยวอ้ายโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความอิจฉาเล็กน้อย การที่บังเอิญได้หลุดเข้าไปในมิติของยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าถือเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
เสี่ยวอ้ายโม่ทราบดีว่าคราต่อไปที่ได้พบกับเสี่ยวอ้ายฉือ ความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าตนอย่างมากเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งสองคงจะต้องประชันฝีมือกันเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ใดจะเหนือกว่ากัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ เสี่ยวอ้ายโม่ก็ตัดสินใจทันทีว่าจะเพียรฝึกวิชาอย่างหนักและจะไม่ยอมน้อยหน้าเสี่ยวอ้ายฉืออย่างแน่นอน มิเช่นนั้น การประชันฝีมือกันในคราต่อไป นางก็จะไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้…
ทว่าต่อให้คิดเช่นนั้น เสี่ยวอ้ายโม่ก็ยินดีกับเสี่ยวอ้ายฉือจากใจจริง
แม้แฝดชายหญิงจะโต้เถียงกันเป็นประจำ ทว่าทั้งสองก็รักใคร่และผูกพันกันมาก อีกทั้งยังมีความเชื่อมโยงที่รับรู้ถึงกันได้ นี่คือสาเหตุที่เสี่ยวอ้ายโม่มั่นใจตั้งแต่ต้นว่าเสี่ยวอ้ายฉือปลอดภัยและไม่ได้รับอันตราย
“ก่อนอื่นเราต้องจัดการเรื่องวุ่นวายภายในดินแดนมหาเทพให้ได้ หลังจากนั้น หากเสี่ยวอ้ายฉือยังไม่กลับมา เราจะไปตามหาเขาด้วยกัน”
ฉินอวี้โม่ตัดสินใจทันทีและกล่าวพร้อมรอยยิ้มเพื่อมิให้ทุกคนคิดมากอีกต่อไป
ทุกคนพยักศีรษะตอบรับก่อนแยกย้ายออกจากห้องโถงไปทีละคน หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ในห้องโถงก็เหลือเพียงฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือ เสี่ยวอ้ายโม่และฉินอี้เฟย
“พี่ใหญ่ ท่านคงจะเหนื่อยมากแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะเจ้าค่ะ อย่ากังวลมากไปเลย”
ฉินอวี้โม่กล่าวเพื่อให้ฉินอี้เฟยออกไปพักผ่อนเสียก่อน
“ท่านลุง ข้าก็เหนื่อยมากเลย ไปพักผ่อนกันเถอะเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่ทราบดีว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีบางอย่างที่ต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว อีกทั้งยังรู้สึกได้ว่าฉินอี้เฟยยังไม่คลายความกังวลและรู้สึกผิดอยู่ในหัวใจ เพราะเหตุนั้นนางจึงตั้งใจกล่าวขึ้นมาและหาวปากกว้าง
“ถ้าเช่นนั้นเราไปพักกันเถอะ”
ฉินอี้เฟยลังเลครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นและเดินออกไปโดยมีคนของตระกูลหลานนำทางไปยังห้องพักสำหรับแขก
“โม่ฉือ การที่เสี่ยวอ้ายฉือบังเอิญหลุดเข้าไปในพื้นที่มิติของคนอื่น มันเกิดจากสาเหตุใดกัน ?”
ฉินอวี้โม่เงยหน้าสบตาหานโม่ฉือและเอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย
มิติที่ก่อตัวโดยผู้แข็งแกร่งมิใช่สิ่งที่ผู้ใดจะฝ่าเข้าไปได้ง่าย ๆ การที่เสี่ยวอ้ายฉือเข้าไปปรากฏตัวในมิติของคนผู้นั้น คาดว่าอาจเป็นเพราะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกัน
“ความสัมพันธ์ทางสายเลือด…และมันจะต้องเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่เหนียวแน่นมาก”
หานโม่ฉือไม่ปิดบังและกล่าวออกไปโดยตรงซึ่งทำให้ฉินอวี้โม่ประหลาดใจยิ่งนัก
“ความสัมพันธ์ทางสายเลือดงั้นรึ ? โม่ฉือ เจ้าทราบถึงตัวตนของบุรุษผู้นั้นหรือไม่ ?”
ฉินอวี้โม่สันนิษฐานได้ราง ๆ ว่าบุรุษผู้นั้นอาจเกี่ยวข้องกับพลังลึกลับในร่างของตน ในภพก่อน นางจำได้ว่าตนเป็นเด็กกำพร้าและยังสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านั้นไป หรือผู้ที่เสี่ยวอ้ายฉืออยู่ด้วยในตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับชีวิตภพก่อนของข้า ?
“ข้าพอจะคาดเดาได้ ทว่ายังไม่แน่ใจนัก ยิ่งไปกว่านั้น ความทรงจำของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์และความทรงจำบางอย่างก็ยังคงเลือนรางมากนัก ถึงอย่างไรบุรุษผู้นั้นก็จะไม่ทำร้ายเสี่ยวอ้ายฉืออย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกังวลหรอก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
หานโม่ฉือดึงร่างบางของฉินอวี้โม่เข้ามาสวมกอดเพื่อปลอบประโลมเนื่องจากทราบดีว่าหัวใจของนางยังคงเป็นกังวล
ฉินอวี้โม่เข้าใจความหมายของหานโม่ฉือเป็นอย่างดี ภายในร่างกายของนางยังมีปริศนาซ่อนไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ต้นกำเนิดในอดีตของนางก็ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนและความแข็งแกร่งของนางในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะทราบเรื่องเหล่านั้น
“เข้าใจแล้ว…”
นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามระงับความรู้สึกในหัวใจ พลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในร่างของนางในตอนนี้ นางทราบดีว่ามันจะปรากฏเมื่อนางแข็งแกร่งมากพอ และเมื่อถึงตอนนั้น ปริศนาความลับทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผยออกมา
ทั้งสองพูดคุยกันอีกพักใหญ่และปล่อยวางเรื่องของเสี่ยวอ้ายฉือไปก่อนชั่วคราว
ตลอดหลายวันต่อมา ทั้งสองก็เก็บตัวอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลานเพื่อเฝ้ารอเวลาเริ่มต้นของงานประมูลโดยได้บอกเล่าสถานการณ์ของดินแดนมหาเทพให้ฉินอี้เฟยได้ทราบ รวมถึงเบาะแสเกี่ยวกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเช่นกัน
ฉินอี้เฟยไม่สนใจงานประมูลที่กำลังจะถูกจัดขึ้นแม้แต่น้อย หลังจากไตร่ตรองดู เขาก็ตัดสินใจเดินทางไปที่นิกายกระบี่สายฟ้าเพื่อไปพบกับฉินเทียนก่อน
ฉินอวี้โม่ไม่คัดค้านและให้ศิษย์ของนิกายกระบี่สายฟ้านำทางฉินอี้เฟยไปที่นั่นในขณะที่พวกตนอยู่ที่นี่ต่อเพื่อรอเข้าร่วมงานประมูล
เมื่อถึงวันงาน ฉินอวี้โม่และทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังห้องแยกที่หรูหราและมีขนาดใหญ่ที่สุดของโรงประมูลตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อรอให้งานประมูลเริ่มต้นขึ้น
“เสี่ยวอ้ายโม่ หากเจ้าสนใจหรือชอบสิ่งใดก็บอกมาได้เลย อาผู้นี้จะซื้อให้เจ้าเอง”
หลานเผิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง หลังจากได้ทำความรู้จักและใช้เวลากับเสี่ยวอ้ายโม่ในหลายวันนี้ เขาก็สนิทสนมกับนางและชื่นชอบเด็กสาวตัวน้อยนี้เป็นอย่างมาก แม้แต่หลานชางไห่ผู้นำตระกูลหลานก็รู้สึกถูกชะตากับเสี่ยวอ้ายโม่อย่างมากและกำชับกับหลานเผิงเป็นพิเศษว่าหากเสี่ยวอ้ายโม่ถูกใจของชิ้นใด เขาก็ควรซื้อให้กับนางโดยที่ไม่ต้องนึกเสียดายเงิน
“จริงรึเจ้าคะ ? ขอบคุณท่านอาหลานเผิงเป็นการล่วงหน้าเจ้าค่ะ”
เสี่ยวอ้ายโม่ไม่เกรงใจและพยักหน้าหงึกหงักทันทีก่อนขยับเข้าไปหอมแก้มหลานเผิงอย่างเอาใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลานเผิงก็ฉีกกว้างยิ่งขึ้นและหันไปมองเซิ่งเซียวด้วยสีหน้ายั่วยุราวกับต้องการจะบอกว่า ‘เห็นรึไม่ว่าเสี่ยวอ้ายโม่สนิทกับข้าเพียงใด อิจฉาล่ะสิ ? ฮ่า ๆ ๆ’
จากนั้นทุกคนก็หัวเราะกันอย่างร่าเริงภายในห้องในขณะที่บุคคลสำคัญหลายคนเดินหน้าเข้ามาในโรงประมูลอย่างต่อเนื่อง
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ ทุกขุมกำลังในสามสำนักและเก้านิกายล้วนส่งตัวแทนมาร่วมงานประมูลครานี้ แม้แต่บรรดาผู้มีอิทธิพลของเมืองราชวงศ์ก็เข้าร่วมการประมูลนี้เช่นกัน
เมื่อมองลอดผ่านหน้าต่างออกไปสำรวจดู ฉินอวี้โม่ก็ได้พบหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาจากสำนักเมฆาคราม สำนักเบิกภูเขาและขุมกำลังใหญ่อื่น ๆ
ขุมกำลังเหล่านั้นล้วนมีที่นั่งในห้องแยกบนชั้นที่สองในขณะที่ขุมกำลังใหญ่ของเมืองราชวงศ์นั่งอยู่ในห้องแยกบนชั้นที่สาม ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือกระจายตัวกันไปในห้องโถงเพื่อรอให้งานประมูลเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดของงานประมูลครานี้คือหลานจ้ง—ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลหลานซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็นรองเพียงแค่หลานชางไห่และถือเป็นหนึ่งในยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพ
เมื่อผู้คนเข้ามาในโรงประมูลเป็นจำนวนมากแล้ว หลานจ้งก็เดินขึ้นบนเวทีสูงตรงกลางและเตรียมประกาศเปิดงานอย่างเป็นทางการ
เขาโบกมือเล็กน้อยและทุกคนก็เงียบเสียงลง
“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเข้าร่วมงานประมูลของตระกูลหลานในครานี้”
เขากล่าวเสียงดังฟังชัดเพื่อต้อนรับแขกทุกคนพร้อมรอยยิ้ม
ทุกคนก็ปรบมือตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน ตระกูลหลานเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงเกียรติยศมากและเป็นที่รู้จักกันดีในดินแดนมหาเทพ
“ในงานประมูลครานี้มีสมบัติมากมายที่จะถูกนำออกมาประมูลและมีบุคคลสำคัญจากสามสำนักและเก้านิกายเป็นจำนวนมากที่เข้าร่วมการประมูลนี้ ข้าต้องขอกล่าวไว้ล่วงหน้าเลยว่าผู้ใดก็ตามที่คิดจะก่อกวนหรือสร้างความวุ่นวายขึ้นมาจะถูกขึ้นบัญชีดำของตระกูลหลานทันที และคนผู้นั้นจะไม่มีสิทธิ์ซื้อสินค้าที่ศูนย์การค้าของเราอีกต่อไป อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าชดเชยที่สอดคล้องอีกด้วย !”
น้ำเสียงของเขาชัดเจนและหนักแน่นขณะแผ่แรงกดดันออกไปจนทำให้ทุกคนรับรู้ได้
แม้แต่หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันนี้ ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสตระกูลหลานผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าฮวาฟางเฟยอย่างแน่นอน
ทุกคนพยักศีรษะแสดงความเข้าใจ ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือโรงประมูลของตระกูลหลานและพวกเขาไม่กล้าทำสิ่งใดที่จะเป็นการก่อความวุ่นวายอย่างแน่นอน แม้แต่คนจากสามสำนักและเก้านิกายก็ยังต้องหวั่นใจเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ ๆ ตระกูลหลานชื่นชอบการวางมาดใหญ่โตเสียจริง !”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นพร้อมกับคลื่นพลังรุนแรงที่แผ่ไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้น ห้วงมิติก็ถูกแยกออกจากกันและคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
ผู้มาใหม่ทั้งสามสวมอาภรณ์เครื่องแบบที่เหมือนกันซึ่งก็คือเสื้อคลุมสีดำและหน้ากากสีดำสนิท ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจนั่นเอง