ทันทีที่สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจทั้งสามคนปรากฏตัว สายตาของทุกคนในงานประมูลก็จับจ้องไปที่พวกเขาเป็นตาเดียว แม้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจอมยุทธ์ปีศาจอาจจะส่งคนมาก่อกวนที่นี่ พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านั้นจะกล้ามาที่นี่จริง ๆ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นถึงเมืองราชวงศ์ของมณฑลกลาง การที่คนของจอมยุทธ์ปีศาจปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ถือว่าใจกล้ายิ่งนัก
“หากมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประมูล พวกเราก็ยินดีต้อนรับ แต่ถ้ามาเพื่อก่อกวนหรือสร้างปัญหา เชิญท่านทั้งสามกลับไปได้เลย”
สีหน้าของหลานจ้ง—ผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลหลานไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยและเขากล่าวขึ้นเบา ๆ โดยไม่แสดงท่าทางที่เป็นปฏิปักษ์เพียงเพราะทั้งสามมาจากจอมยุทธ์ปีศาจ
สถานการณ์ของดินแดนมหาเทพในตอนนี้ชัดเจนขึ้นมากแล้ว ฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจและขุมกำลังฝ่ายดีของดินแดนมหาเทพติดอยู่ในสถานการณ์จนมุมเป็นการชั่วคราว แม้ตระกูลหลานของพวกเขาจะต้องเข้าไปข้องเกี่ยวในไม่ช้าก็เร็ว แต่ตอนนี้ก็ยังมิใช่เวลาที่พวกเขาจะลงมือทำสิ่งใด
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการดำเนินงานประมูลต่อไปให้ราบรื่นที่สุด และหากว่าจอมยุทธ์ปีศาจมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ตระกูลหลานจะไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน
“เหอะ แน่นอนว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประมูล”
เห็นได้ชัดว่าผู้ที่เป็นหัวหน้าของคนทั้งสามจากจอมยุทธ์ปีศาจมีสถานะที่สูงพอสมควรและเป็นถึงผู้อาวุโสรองของขุมกำลัง เขาแค่นเสียงในลำคอและไม่คิดที่จะเปิดฉากโจมตีขณะเดินขึ้นไปยังชั้นที่สองและก้าวเข้าไปในห้องแยกห้องหนึ่ง
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นห้องของนิกายหมื่นบุปผา”
หลานเผิงกล่าวยืนยันเนื่องจากจำได้ทันทีว่าห้องแยกที่คนเหล่านั้นเดินเข้าไปคือห้องของขุมกำลังใด
ห้องพิเศษของสามสำนักและเก้านิกายอยู่ในชั้นที่สองทั้งหมดและสามคนจากจอมยุทธ์ปีศาจเดินเข้าไปในห้องที่สงวนไว้สำหรับตัวแทนของนิกายหมื่นบุปผา
“คนจากนิกายหมื่นบุปผาช่างไร้ยางอายจริง ๆ พวกนางไม่สนใจความคิดเห็นของผู้ใดและกล้าร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจอย่างเปิดเผย”
เหมียวเจินเจินกล่าวด้วยน้ำเสียงรังเกียจและนางทราบว่าตัวแทนจากนิกายหมื่นบุปผาในครานี้คือฮวาหรงซึ่งเป็นผู้คุมกฎฝั่งขวาในอดีต
ทุกคนในดินแดนมหาเทพทราบแล้วว่าขุมกำลังใหญ่และทรงพลังอย่างนิกายหมื่นบุปผาได้แอบร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจมานานแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะกล้าทำอะไรเปิดเผยและโจ่งแจ้งเช่นนี้
“หากต้องการมีหน้ามีตา พวกนางคงไม่เลือกร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจตั้งแต่แรกหรอก”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ นางเข้าใจลักษณะนิสัยของฮวาหรงและฮวาฟางเฟยมากทีเดียว ทั้งสองเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้เป้าหมายบรรลุผลสำเร็จ เพราะฉะนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกนางจะไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ของตน
“ตอนนี้อาจมีคนของจอมยุทธ์ปีศาจเป็นจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในนิกายหมื่นบุปผา ถึงอย่างไรตอนนี้นิกายก็ไม่สามารถหาศิษย์ใหม่ ๆ มาเข้าร่วมได้และคงมีเพียงคนของจอมยุทธ์ปีศาจที่จะเข้ามาเติมเต็มเท่านั้น”
น้ำเสียงของอวิ๋นซื่อเทียนแสดงถึงความเย้ยหยันอย่างชัดเจนทว่าสิ่งที่นางกล่าวออกไปเป็นความจริงทุกประการ
นิกายหมื่นบุปผาในปัจจุบันมีศิษย์ของจอมยุทธ์ปีศาจประจำอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาเดิมที่ยังอยู่กับนิกายก็ถูกคนของจอมยุทธ์ปีศาจเหล่านั้นกดขี่ข่มเหงอย่างไม่ไยดีและมันทำให้ทุกคนหดหู่ใจยิ่งนัก
ทุกคนในห้องโถงแสดงสีหน้ารังเกียจเช่นกันและไม่ได้มีทัศนคติที่ดีต่อนิกายหมื่นบุปผาเลยสักนิด
“เอาล่ะ งานประมูลในครานี้จะมีของประมูลรวมทั้งหมดห้าสิบชิ้น แต่ละห้องจะมีรายการสิ่งของที่ระบุไว้ ทุกท่านสามารถตรวจดูรายการด้วยตัวเองและเตรียมพร้อมไว้ได้เลย อีกหนึ่งก้านธูป เราจะเริ่มการประมูลอย่างเป็นทางการ”
หลานจ้งโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลงและกล่าวเสียงดังฟังชัด
ทุกคนพยักศีรษะแสดงความเข้าใจและหลานเผิงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากในกล่องซึ่งบันทึกรายการสิ่งของที่จะแสดงในงานประมูลของวันนี้
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ตรวจดูรายการของประมูลและเห็นได้ชัดว่ามีสิ่งของดี ๆ มากมายที่ถูกนำออกมาประมูลในครานี้
ของประมูลสิบรายการแรกมิใช่สมบัติหายากทว่าล้วนอยู่ในระดับสูงมากและสามารถช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของผู้ที่อยู่ในระดับธรรมดาทั่วไปได้มาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นมิใช่สิ่งที่ดึงดูดใจคนจากสามสำนักและเก้านิกายมากนัก เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่เสนอราคาแข่งขันกัน
เรียกได้ว่าของประมูลหลายสิบชิ้นที่เหลือคือสิ่งที่ควรค่าแก่การแข่งขันที่แท้จริง
โดยเฉพาะของประมูลบางชิ้นในรายการที่แม้แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังให้ความสนใจ
อย่างไรก็ตาม รายการสิ่งของที่บันทึกไว้ในกระดาษมีเพียงสี่สิบห้ารายการเท่านั้นและอีกห้ารายการที่เหลือไม่มีข้อมูลระบุไว้แม้แต่น้อย
“ของประมูลห้ารายการสุดท้ายคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของงานประมูลครานี้ เราจะนำออกมาประมูลหนึ่งชิ้นในทุกๆเก้ารายการที่ผ่านไป แม้จะไม่มีข้อมูลบันทึกไว้ คนจากสามสำนักและเก้านิกายก็คงจะทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว”
หลานเผิงกล่าวกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ว่าของประมูลห้ารายการสุดท้ายที่ไม่มีระบุไว้ในรายการคือสิ่งที่ผู้คนจับตามองมากที่สุดในงานประมูลครานี้
ส่วนใหญ่แล้วคนจากสามสำนักและเก้านิกายมาที่นี่เพื่อของประมูลห้ารายการดังกล่าว กล่าวกันว่าหากครอบครองไปได้เพียงแค่หนึ่งในห้ารายการนั้น ผู้ที่ประมูลมันได้จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทั้งดินแดนได้เลย
“พี่อวี้โม่ เราพบสิ่งที่ท่านวานให้ช่วยตามหาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่องานประมูลจบลง ข้าจะให้คนนำมาให้กับท่าน หากท่านสนใจของสิ่งใดในงานประมูลนี้ก็เชิญร่วมประมูลได้เลย บิดาของข้ากล่าวไว้แล้วว่าเราจะคิดราคาจากท่านเพียงครึ่งหนึ่งจากที่ประมูลได้เท่านั้น”
หลานเผิงยิ้มและกล่าวถึงวาจาของหลานชางไห่
เดิมทีหลานชางไห่วางแผนที่จะไม่รับเงินประมูลจากฉินอวี้โม่แม้แต่แดงเดียว ทว่าหลานเผิงทราบดีว่าหากทำเช่นนั้น ฉินอวี้โม่จะไม่มีทางยินยอมแน่ เขาจึงคิดหาทางประนีประนอมเช่นนี้ขึ้นมา
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณท่านลุงหลานไว้ล่วงหน้า”
ฉินอวี้โม่ไม่เกรงใจอีกต่อไปและพยักศีรษะตอบตกลง ในรายการของประมูลมีหลายสิ่งที่นางต้องการเข้าร่วมประมูลอย่างแท้จริง
หลังจากเวลาครบหนึ่งก้านธูป สตรีงามนางหนึ่งก็ก้าวขึ้นบนเวทีและงานประมูลก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
สตรีผู้นั้นถือเป็นคนดังที่เป็นที่รู้จักกันดีของเมืองราชวงศ์ซึ่งมีพรสวรรค์ที่สูงมากและรูปลักษณ์ที่โดดเด่นชวนมอง เรียกได้ว่านางงดงามพอที่จะจัดเป็นหนึ่งในสามสตรีงามของเมืองราชวงศ์ได้เลย ทันทีที่ก้าวขึ้นบนเวที นางก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาในหมู่ผู้เข้าร่วมงานและทำให้บรรยากาศของทั้งโรงประมูลมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ไม่สนใจในของประมูลรายการแรก ๆ และคนอื่นจากสามสำนักและเก้านิกายก็ไม่เข้าร่วมการประมูลพวกมันเช่นกัน
ในทางตรงกันข้าม ผู้คนในห้องโถงชั้นล่างขานราคาประมูลอย่างต่อเนื่องและของประมูลเหล่านั้นล้วนถูกปิดไปในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดถึงสองเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่คิดมากจนเกินไป ผู้ที่ชนะการประมูลล้วนแสดงสีหน้าความภาคภูมิใจอย่างชัดเจน การที่ประมูลเอาชนะคนอื่น ๆ ได้เช่นนี้ถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีเช่นกัน
ไม่นานนักการประมูลก็ดำเนินไปจนครบเก้ารายการซึ่งล้วนปิดประมูลไปในราคาที่สูงทั้งสิ้น จากนั้นของประมูลชิ้นที่สิบซึ่งเป็นหนึ่งในห้ารายการนั้นก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ๆ ๆ ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ของประมูลรายการที่สิบไม่มีบันทึกไว้ในรายการของประมูล อย่างไรก็ตาม ข้าบอกได้เลยว่าคุณค่าของมันเหนือกว่าของประมูลทั้งหมดที่ถูกระบุไว้ในรายการ หากได้มันไปครอง แม้แต่ผู้ที่มีพลังในขอบเขตราชาเซียนขั้นต้นก็จะมีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับจอมยุทธ์ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดได้ !”
สตรีงามนามว่า ‘โป๋หย่า’ กล่าวเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้คนก่อนกล่องใบเล็กเท่าฝ่ามือใบหนึ่งปรากฏในมือของนาง
เมื่อกล่องใบนั้นปรากฏต่อสายตา คนจากสามสำนักและเก้านิกายที่นิ่งเฉยก่อนหน้านี้ก็แสดงความสนใจมันทันทีในขณะที่หน้าต่างของสองห้องถูกเปิดออกและเผยให้เห็นผู้ที่อยู่ด้านใน
ทุกคนในห้องโถงก็เงียบไปตาม ๆ กันขณะมองไปยังโป๋หย่าบนเวทีด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้และรอให้นางกล่าวต่อไป
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘วารีรวมจิต’ หลังจากกลืนกินมัน คนผู้นั้นจะมีพลังในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดเป็นช่วงสั้นๆ และจะอยู่ในสภาวะนั้นนานสามชั่วยาม ยิ่งไปกว่านั้น การกลืนกินวารีรวมจิตก็อาจจะช่วยพัฒนาพรสวรรค์ของคนผู้นั้นได้ ผู้ที่ติดอยู่ในสภาวะคอขวดก็อาจมีโอกาสทะลวงพลังได้สำเร็จเช่นกัน”
ชื่อของมันถูกประกาศออกมาอย่างชัดเจนและทำให้ทั้งโรงประมูลเงียบสงัดไปชั่วครู่หนึ่ง
วารีรวมจิตมิใช่โอสถ หากแต่เป็นสมบัติที่ถูกสกัดมาจากสภาวะพลังฟ้าดินซึ่งแอบแฝงไปด้วยพลังงานที่วิเศษอย่างมาก
ไม่คิดเลยว่าของประมูลรายการที่สิบจะเป็นวารีรวมจิตที่น่าอัศจรรย์นั้น !