ราคาประมูลที่สูงถึงสองร้อยล้านแก่นหินวิญญาณทำให้บรรยากาศของงานประมูลดุเดือดถึงขีดสุด
สองร้อยล้านแก่นหินวิญญาณมิใช่จำนวนน้อยนิดสำหรับสามสำนักและเก้านิกายและมันมากพอที่จะรองรับงบประมาณค่าจับจ่ายใช้สอยของขุมกำลังระดับสองได้นานถึงหลายสิบปี
เรียกได้ว่าสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจกล้าหาญอย่างที่สุดและการที่เขาสามารถเสนอราคาประมูลถึงสองร้อยล้านแก่นหินวิญญาณได้อย่างสบาย ๆ เช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งนัก
“สองร้อยหนึ่งล้าน !”
หลายคนลังเลครู่ใหญ่และถอนตัวจากการแข่งขันประมูล ส่วนฮวาหรงเองก็หยุดคิดครู่หนึ่ง ทว่านางก็ยังไม่มีความคิดว่าจะยอมแพ้
“ฮวาหรง นี่เจ้า…”
คนของจอมยุทธ์ปีศาจตวัดสายตามองฮวาหรงด้วยแววตามุ่งร้าย น่าเสียดายที่ตอนนี้ฮวาหรงยังมีประโยชน์ต่อพวกเขาและยังไม่สามารถลงมือทำอะไรนางได้
“สองร้อยสองล้าน!”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศคุกรุ่นเมื่อคนของสำนักเบิกภูเขากล่าวทบราคาเช่นกัน
รากฐานของพวกเขาอาจไม่แข็งแกร่งเท่ากับจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่าพวกเขาก็ด้อยกว่าเพียงไม่มาก แม้สองร้อยล้านแก่นหินวิญญาณเป็นจำนวนที่สูงจนน่าตกใจ พวกเขาก็สามารถสู้ได้อย่างไม่เดือดร้อน
“สองร้อยสามล้าน !”
ตัวแทนของสำนักห้าขุนเขาก็กล่าวขึ้นมาเช่นกันและยังไม่หยุดขานราคาประมูล สำหรับพวกเขาในตอนนี้ โอสถทะลวงสวรรค์สำคัญเกินกว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ไม่ว่าฝ่ายใดชนะประมูลและได้มันไป ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นจะพัฒนาขึ้นมากอย่างแน่นอน ต่อให้พวกเขาร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้ว นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องยอมล้มเลิกตัดใจไปจากสมบัติล้ำค่าเช่นนี้
“สองร้อยยี่สิบล้าน !”
ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจโกรธเกรี้ยวและขานราคาที่เพิ่มขึ้นถึงเกือบยี่สิบล้านแก่นหินวิญญาณทันที ตอนนี้เขายังมั่นใจว่าตนจะเป็นผู้ชนะ
ฮวาหรงลังเลเล็กน้อยและในที่สุดนางก็ล้มเลิกการประมูลในส่วนของตน คนของสำนักห้าขุนเขาและสำนักเบิกภูผาเองก็ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจหยุดการเสนอราคาแข่งขันเช่นกัน
สองร้อยยี่สิบล้านแก่นหินวิญญาณเป็นราคาที่เกินงบประมาณของพวกเขาไปมากและไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะเสนอราคาต่อไป
“เหอะ !”
เมื่อได้ยินเพียงความเงียบและไม่มีผู้ใดแข่งขันกับตนอีก ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจก็แค่นเสียงเย็นชาและรู้สึกโล่งใจขึ้นมา การที่คนเหล่านี้ไม่เสนอราคาอีกต่อไป คาดการณ์ได้ว่าคงจะไม่มีผู้ใดที่เข้าร่วมการแข่งขันอีก เพราะฉะนั้นราคาประมูลของโอสถทะลวงสวรรค์น่าจะหยุดเพียงเท่านี้
“มีผู้ใดที่ต้องการจะเสนอราคาอีกหรือไม่เจ้าคะ ?”
โป๋หย่าคิดไม่ถึงเลยว่าโอสถทะลวงสวรรค์จะมีราคาประมูลที่สูงถึงเพียงนี้ ทว่ามันก็มิใช่เรื่องแปลกที่หลายขุมกำลังจะพยายามแย่งชิงกัน หลังจากปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติ นางก็คลี่ยิ้มบางและเอ่ยถามตามขั้นตอน
ทั้งโรงประมูลตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดทันที ในเมื่อสามสำนักและเก้านิกายถอนตัวจากการประมูลแล้วก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถเสนอราคาสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจได้อีก
“ถ้าเช่นนั้น โอสถทะลวงสวรรค์นี้ก็จะตกเป็นของ…”
ขณะโป๋หย่ากำลังจะประกาศผลการประมูล เสียงหวานใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
“สองร้อยยี่สิบเอ็ดล้าน”
เจ้าของเสียงดังกล่าวทบราคาเพิ่มอีกหนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณโดยตรง
ปัง !
“ฉินอวี้โม่ เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว !”
ทุกคนตกตะลึงไปตาม ๆ กัน และเมื่อค้นพบแหล่งที่มาของเสียงนั้น บุรุษชราจากจอมยุทธ์ปีศาจก็ตบโต๊ะดังปังด้วยโทสะที่คุกรุ่นและกล่าวพร้อมจิตสังหารชัดเจนในแววตา
“เฮ้ อย่ามัวแต่พูดพล่ามไร้สาระน่า หากไม่คิดจะเสนอราคา โอสถทะลวงสวรรค์นี้ก็จะตกเป็นของข้า เจ้าเชิญชมไปอย่างเงียบ ๆ เถอะ”
ฉินอวี้โม่ตอบกลับเบา ๆ และไม่มีท่าทีหวาดหวั่นใดขณะเมินเฉยต่อจิตสังหารที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา
“เวรเอ๊ย !”
คนของจอมยุทธ์ปีศาจกัดฟันกรอดทว่ายังไม่ยอมล้มเลิกตัดใจไปจากโอสถทะลวงสวรรค์ เพราะเหตุนั้น เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันแน่นก่อนขานราคาออกไป
“สองร้อยสามสิบล้าน !”
ราคาประมูลของเขาเพิ่มขึ้นสิบล้านแก่นหินวิญญาณในคราวเดียวซึ่งถือเป็นการทบราคาที่มากพอสมควร
“สองร้อยสามสิบเอ็ดล้าน”
ฉินอวี้โม่จงใจเสนอราคาต่อไปอย่างสบาย ๆ โดยไม่ทบราคาที่มากจนเกินไป ทว่าเพียงเพิ่มครั้งละหนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณเท่านั้น
“สองร้อยสี่สิบล้าน !”
ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นก็กังวลว่าอาจถูกเยาะเย้ยถากถางได้หากยังกล่าวสิ่งใดต่อไป เขาจึงไม่กล่าวอะไรอีกและเพียงเสนอราคาโดยตรง
“สองร้อยสี่สิบเอ็ดล้าน”
ฉินอวี้โม่ยังคงทบราคาเพิ่มต่อไปราวกับไม่ต้องการยอมแพ้
“สองร้อยห้าสิบล้าน ! ฉินอวี้โม่ หากเจ้ายังจะเสนอราคาต่อไป เจ้าก็เอาโอสถทะลวงสวรรค์นี้ไปได้เลย !”
ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจตะโกนเสียงแข็งและประกาศราคาสุดท้ายของตน
“ชิชิ จอมยุทธ์ปีศาจช่างร่ำรวยจริงเชียว ทบราคาเพิ่มตั้งห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณทั้งที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ สตรีตัวเล็ก ๆ อย่างข้ามิอาจเทียบเคียงได้เลย”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าววาจาที่ทำให้ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจสับสนงุนงง
“เจ้าหมายความว่าอะไร ?”
เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัยเนื่องจากไม่เข้าใจความหมายที่ฉินอวี้โม่พยายามจะสื่อ
คนอื่น ๆ มองไปยังห้องพิเศษของฉินอวี้โม่อย่างสงสัยใคร่รู้เช่นกันพลางคาดเดาไปว่าความหมายของนางคือสิ่งใด
“แม่นางโป๋หย่าประกาศเงื่อนไขของการประมูลโอสถทะลวงสวรรค์ไว้อย่างชัดเจนแล้ว นั่นก็คือจะต้องทบราคาไม่ต่ำกว่าห้าล้านแก่นหินวิญญาณในแต่ละครั้ง การที่ข้าทบครั้งละหนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณก่อนหน้านี้ย่อมไม่มีความหมายใดและไม่จำเป็นต้องทบราคาเพิ่มด้วยซ้ำ น่าเสียดายจริงๆที่จอมยุทธ์ปีศาจร่ำรวยยิ่งนักและยังคงต้องการประมูลต่อไป ข้าล่ะอดชื่นชมไม่ได้จริง ๆ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวความจริงที่ทำให้สีหน้าของฝ่ายจอมยุทธ์ปีศาจหม่นลงยิ่งกว่าเดิม
“พรืด ! ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
คนอื่น ๆ เข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่ในทันทีและอดหัวเราะพรืดไม่ได้
“จริงด้วย ข้าเองก็ลืมไปเสียสนิทว่าแม่นางโป๋หย่าประกาศไว้ว่าจะต้องเสนอราคาอย่างน้อยห้าล้านแก่นหินวิญญาณในแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนจากสามสำนักและเก้านิกายหรือแม่นางฉินอวี้โม่เมื่อครู่นี้ก็เพิ่มเพียงครั้งละหนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณเท่านั้น”
ใครคนหนึ่งตระหนักได้ทันที เมื่อนึกย้อนไปถึงคนเหล่านั้นที่ขานราคาเพิ่มครั้งละหนึ่งล้านแก่นหินวิญญาณซึ่งทำให้สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจต้องเสียเพิ่มอีกห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณโดยที่ไม่จำเป็นนั้น เขาก็รู้สึกสาแก่ใจอยู่ไม่น้อย
บรรดาขุมกำลังของดินแดนมหาเทพและจอมยุทธ์ปีศาจเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมานาน และการที่จอมยุทธ์ปีศาจต้องจ่ายไปมากมายเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาจะร่ำรวยและทรงอิทธิพล มันก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลย
“บัดซบ บัดซบจริง ๆ !”
บุรุษชราจากจอมยุทธ์ปีศาจแทบกระอักเลือดพร้อมกับจับจ้องไปที่บรรดาผู้คนที่หัวเราะเยาะเขาด้วยสายตาที่ดุร้าย ทว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ราคาประมูลสุดท้ายของพวกเขาจบลงที่สองร้อยห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณและไม่มีทางที่จะกลับคำได้อีกแล้ว ต่อให้การขานราคาของฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ จะไม่เข้าเงื่อนไข ทว่าการขานราคาของจอมยุทธ์ปีศาจก็เข้าตรงตามเงื่อนไขทุกอย่างและพวกเขาทำได้เพียงต้องยอมรับเท่านั้น
“ขอแสดงความยินดีกับท่านจอมยุทธ์จากจอมยุทธ์ปีศาจที่ได้ครอบครองโอสถทะลวงสวรรค์ไปในราคาสองร้อยห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณเจ้าค่ะ หลังจากนี้จะมีคนนำโอสถไปให้ที่ห้องของท่าน โปรดเตรียมแก่นหินวิญญาณไว้ให้ครบถ้วน”
โป๋หย่าจงใจเน้นย้ำประโยคสุดท้ายส่งผลให้บุรุษชราจากจอมยุทธ์ปีศาจโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม
เขาโบกมือเล็กน้อยและหน้าต่างของห้องก็ปิดลงทันที ในตอนนี้เขาไม่ต้องการสนใจสถานการณ์ภายนอกอีกต่อไป
“ฮ่า ๆ ๆ หวังว่าในอนาคตท่านจอมยุทธ์จากจอมยุทธ์ปีศาจจะร่ำรวยเช่นนี้อีก ศูนย์การค้าจ้าวสมุทรของเราชื่นชอบบุคคลเช่นท่านเป็นอย่างยิ่ง”
หลานเผิงหัวเราะอย่างชอบใจและไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่อจอมยุทธ์ปีศาจแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่กังวลเช่นกันว่าคนเหล่านั้นจะก่อเรื่องสร้างปัญหาขึ้นมาที่นี่
ทุกคนหัวเราะเสียงดังและเยาะเย้ยจอมยุทธ์ปีศาจอย่างไม่ปิดบัง
ภายในห้องของสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจและขุมกำลังอื่น ๆ ที่ร่วมมือกัน ใบหน้าของฮวาหรงและอีกหลายคนก็มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่ ทว่าพวกนางก็ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนจนเกินไป
“เหอะ !”
สมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจแค่นเสียงเย็นชาและไม่กล่าวสิ่งใดต่อขณะรองานประมูลดำเนินต่อไป
ของประมูลเก้ารายการต่อมาก็เป็นเพียงของธรรมดาทั่วไป แม้จะเป็นของที่มีระดับสูง พวกมันก็ยังไม่ถือว่าเป็นสมบัติที่หายากและไม่ได้กระตุ้นความสนใจของคนจากสามสำนักและเก้านิกายมากนัก
ฉินอวี้โม่ก็เสนอราคาไปหลายครั้งเพื่อประมูลแร่ระดับสูงจำนวนหนึ่งมาซึ่งสามารถช่วยพัฒนาพลังอำนาจของคฤหาสน์เฟิงหัวได้
ไม่นานนัก งานประมูลก็ดำเนินมาถึงรายการที่สี่สิบซึ่งเป็นสมบัติลึกลับชิ้นที่สี่
“สมบัติลึกลับชิ้นที่สี่ในงานประมูลของวันนี้ ข้าเชื่อว่าทุกท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาแล้ว มันมิใช่ตัวช่วยในการฝึกยุทธ์หรือแร่พิเศษใด หากแต่เป็นไข่มุกลึกลับ”
โป๋หย่าส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลงและกล่องใบหนึ่งปรากฏในมือของนาง
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่กล่องใบนั้นปรากฏขึ้น ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ถึงความผันผวนในร่างกายของตนเอง