กล่องใบนั้นดูธรรมดาเรียบง่ายโดยที่มีขนาดไม่ใหญ่นักและดูเก่าแก่พอสมควร
อย่างไรก็ตาม คลื่นพลังประหลาดภายในกล่องนั้นทำให้ฉินอวี้โม่ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และไข่มุกเลี่ยงวารีในร่างของนางก็ราวกับมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อกับสิ่งที่อยู่ภายในกล่องนั้นและส่งคลื่นพลังที่รุนแรงออกมา
“นายหญิง มันคือไข่มุกวิญญาณวายุ !”
เสียงของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และเป็นการยืนยันสิ่งที่อยู่ในกล่อง
สมบัติพลังฟ้าดินเช่นเดียวกับพวกมันล้วนมีการเชื่อมโยงถึงกัน ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของไข่มุกวิญญาณวายุถูกบดบังไว้ ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และไข่มุกเลี่ยงวารีจึงไม่สามารถรับรู้ถึงตัวตนของมันได้ ทว่าในตอนนี้เมื่อกล่องใบนั้นถูกเปิดออก มันจึงไม่สามารถบดบังกลิ่นอายของไข่มุกวิญญาณวายุได้อีกต่อไปและไข่มุกทั้งสองก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน
“ไม่คิดเลยว่าไข่มุกวิญญาณวายุจะปรากฏอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกว่าไข่มุกวิญญาณวายุนั่นยังไม่ตื่นขึ้นมาและไม่มีสติรับรู้ของมันเอง หากไม่มีความรู้สึกที่พิเศษระหว่างกันละก็ บางทีเราก็อาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงไข่มุกธรรมดาทั่วไปเท่านั้น”
ไข่มุกเลี่ยงวารีกล่าวพลางถอนหายใจ แม้ว่ามันจะสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังผันผวนของไข่มุกวิญญาณวายุ ทว่ามันก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณของอีกฝ่าย เพราะเหตุนั้น มันจึงรับรู้ได้ว่าไข่มุกวิญญาณวายุยังคงหลับใหลและไม่ฟื้นสติขึ้นมา
“นายหญิง ท่านจะต้องหาทางประมูลไข่มุกวิญญาณวายุนั่นมาให้ได้ มันจะมีส่วนช่วยที่ยิ่งใหญ่สำหรับท่าน”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กล่าวต่อเพื่อให้ฉินอวี้โม่ประมูลไข่มุกวิญญาณวายุมาให้ได้
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับเบา ๆ ต่อให้ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่กล่าวสิ่งใด นางก็ไม่มีทางพลาดโอกาสนี้อยู่แล้ว
“สิ่งนี้คือ ‘ไข่มุกวิญญาณวายุ’ ซึ่งเป็นสมบัติพลังฟ้าดินที่ล้ำค่ายิ่งนักและทุกท่านคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตาม พลังมายาของไข่มุกวิญญาณวายุก็สูญหายไปมากและตอนนี้มันเป็นเพียงไข่มุกธรรมดาทั่วไปเท่านั้น หากต้องการฟื้นฟูพลังของมันกลับคืนมา มันคงมิใช่เรื่องง่ายนัก เพราะฉะนั้นผู้ใดที่ต้องการร่วมประมูลมันจะต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบเสียก่อน”
โป๋หย่ากล่าวเตือนทุกคนและแจ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของไข่มุกวิญญาณวายุ….
“แม่นางโป๋หย่า ราคาประมูลเริ่มต้นของไข่มุกวิญญาณวายุคือเท่าใดรึ ?”
ใครคนหนึ่งอดเอ่ยถามออกไปไม่ได้ ราคาของสมบัติพลังฟ้าดินอย่างไข่มุกวิญญาณวายุไม่มีทางต่ำอย่างแน่นอน
“ราคาเริ่มต้นของมันจะอยู่ที่ห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณ และการเสนอราคาในแต่ละครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านแก่นหินวิญญาณเจ้าค่ะ”
โป๋หย่ากล่าวเปิดราคาขึ้นมาซึ่งไม่ถือว่าเหนือความคาดหมายนัก ทว่าราคาเริ่มต้นที่ห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณนี้ก็สูงกว่าราคาปิดประมูลของของประมูลหลายชิ้นก่อนหน้านี้แล้ว
“หกสิบล้าน !”
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ไข่มุกวิญญาณวายุในตอนนี้จะสูญเสียพลังไปและยังคงหลับใหล หลายคนก็ยังให้ความสนใจกับมันมาก ตัวแทนหลายคนจากสามสำนักและเก้านิกายก็แสดงความสนใจในไข่มุกวิญญาณวายุดังกล่าวเช่นกัน ทันทีที่คนแรกเสนอราคาออกไป ราคาประมูลก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ราคาประมูลทบจากหกสิบล้านแก่นหินวิญญาณและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงหนึ่งร้อยล้านแก่นหินวิญญาณโดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง นอกเหนือจากสามสำนักและเก้านิกาย ขุมกำลังระดับสองหลายขุมกำลังก็เข้าร่วมการแข่งขันเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการประมูลไข่มุกวิญญาณวายุนี้
‘ไข่มุกวิญญาณวายุ’ เป็นสมบัติพลังฟ้าดินที่ไม่เพียงแต่จะมีพลังที่แกร่งกล้าเท่านั้น ทว่ามันอาจช่วยให้ผู้ครอบครองได้พบโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน หากไขว่คว้าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นั้นมาได้สำเร็จ ขุมกำลังระดับสองเช่นพวกเขาก็อาจจะเติบโตพัฒนาจนเทียบชั้นกับสามสำนักและเก้านิกายได้
ราคาประมูลยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและบรรลุถึงสองร้อยล้านแก่นหินวิญญาณภายในเวลาเพียงไม่นาน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้แข่งขันประมูลราคาก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ และตอนนี้ขุมกำลังระดับสองทั้งหมดได้ถอนตัวจากการแข่งขันแล้ว เพราะเหตุนั้น การประมูลไข่มุกวิญญาณวายุจึงเป็นการแข่งขันระหว่างสามสำนักและเก้านิกาย รวมถึงจอมยุทธ์ปีศาจ
“สองร้อยยี่สิบล้าน !”
ฮวาหรงเสนอราคาขึ้นอีกครั้งและตั้งใจที่จะประมูลไข่มุกวิญญาณวายุมาให้จงได้
เนื่องจากในอดีตที่นิกายหมื่นบุปผาเคยมีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการครอบครอง มันจึงได้กลายเป็นขุมกำลังอันดับต้น ๆ ของดินแดนมหาเทพ พวกนางจึงตระหนักดีว่าสมบัติพลังฟ้าดินเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากเพียงใด
แม้ไข่มุกวิญญาณวายุจะสูญเสียพลังเป็นการชั่วคราว ทว่าพลังเหล่านั้นก็จะฟื้นฟูกลับคืนมาเป็นปกติในสักวัน และเมื่อถึงตอนนั้น ไข่มุกวิญญาณวายุก็จะสามารถแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะเหตุนั้น นางจึงตั้งเป้าหมายที่จะเอาชนะการประมูลไข่มุกวิญญาณวายุให้จงได้
“สองร้อยสามสิบล้าน!”
จอมยุทธ์ปีศาจเองก็สนใจไข่มุกวิญญาณวายุเช่นกันและสาเหตุที่แท้จริงที่พวกเขาเข้าร่วมงานประมูลในครานี้ก็เพื่อไข่มุกวิญญาณวายุเม็ดนี้ สำหรับโอสถทะลวงสวรรค์ก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงผลพลอยได้ที่ไม่ได้คาดคิดไว้เท่านั้นและเป็นความเห็นแก่ตัวของผู้อาวุโสเอง
พวกเขาขานราคาออกไปเช่นกันและแสดงทัศนคติที่มุ่งมั่นอย่างผิดปกติ
“สองร้อยห้าสิบล้าน !”
สำนักเมฆาครามซึ่งยังไม่เคยร่วมประมูลสิ่งใดในวันนี้ก็ขานราคาประมูลเป็นครั้งแรก พวกเขาก็ต้องการไข่มุกวิญญาณวายุไปครองเช่นกัน
พวกเขาตระหนักถึงศักยภาพของไข่มุกวิญญาณวายุเป็นอย่างดี การที่ได้ครอบครองมันจะช่วยพวกเขาได้มาก ตอนนี้สำนักเมฆาครามก็เป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งในบรรดาสามสำนักและเก้านิกายและพวกเขาจะปล่อยให้ใครครอบครองสมบัติชิ้นนี้ไปไม่ได้
ทันทีที่พวกเขาขานราคาประมูล หลายขุมกำลังในสามสำนักและเก้านิกายก็ถอนตัวจากการแข่งขันทันทีโดยมีเพียงสำนักเบิกภูผาและสำนักห้าขุนเขาเท่านั้นที่ยังประมูลต่อไปและไม่คิดยอมแพ้
“สามร้อยล้าน !”
ฮวาหรงกัดฟันกรอดและเสนอราคาเพิ่มอีกห้าสิบล้านแก่นหินวิญญาณทันที สามร้อยล้านแก่นหินวิญญาณถือเป็นแก่นหินวิญญาณแปดในสิบส่วนที่นางมีอยู่ หากราคายังเพิ่มสูงต่อไป เกรงว่านิกายหมื่นบุปผาก็คงไม่มีโอกาสได้ครอบครองไข่มุกวิญญาณวายุเป็นแน่
“โอ้ ใจป้ำไม่เบา ถ้าเช่นนั้น สำนักเบิกภูผาของเราจะไม่เข้าร่วมการเสนอราคาอีกต่อไป”
ตัวแทนจากสำนักเบิกภูผากล่าวขึ้นเบา ๆ แก่นหินวิญญาณมากถึงสามร้อยล้านก้อนมิใช่สิ่งที่จะใช้จ่ายได้ง่าย ๆ หากเดินหน้าแข่งขันต่อไปและชนะประมูลไข่มุกวิญญาณวายุ สถานะการเงินของพวกเขาจะได้รับผลกระทบมากพอสมควร ซ้ำร้ายในตอนนี้จอมยุทธ์ปีศาจก็กำลังเตรียมความพร้อมและจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องลงทุนมากเช่นนี้เพียงเพื่อของสิ่งเดียว
“ถ้าเช่นนั้นก็เชิญผู้คุมกฎฝั่งขวาเถิด”
คนของสำนักห้าขุนเขายิ้มให้กับฮวาหรงและมีความคิดเช่นเดียวกับสำนักเบิกภูผา นอกจากนี้ ยังมีของประมูลอื่นที่ยังมาไม่ถึงและพวกเขายังมีแก่นหินวิญญาณเหลือสำหรับการประมูลสมบัติลึกลับชิ้นสุดท้าย
“บัดซบ !”
จอมยุทธ์ปีศาจก็ต้องการเสนอราคาต่อไป ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาลงทุนไปกับโอสถทะลวงสวรรค์เป็นจำนวนมากแล้วและเหลือแก่นหินวิญญาณกับตัวไม่ถึงสามร้อยล้านก้อน เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเสนอราคาได้อีก พวกเขาก็ทำได้เพียงจ้องหน้าฮวาหรงตาเขม็งและถอนตัวจากการประมูล
ใบหน้าของฮวาหรงในตอนนี้ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ราวกับว่าไข่มุกวิญญาณวายุอยู่ตรงหน้าแค่เอื้อมและนั่นทำให้นางมีความสุขอย่างที่สุด
“ช่างมันเถอะ หากมันมีราคาที่มากกว่าสามร้อยล้านแก่นหินวิญญาณ มันก็ไม่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอีกแล้ว”
ฟู่อวิ๋นซิวลังเลครู่หนึ่งก่อนถอนตัวจากการประมูลไข่มุกวิญญาณวายุเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวอย่างจอมยุทธ์ปีศาจ มันจึงไม่เหมาะที่จะใช้จ่ายมากเกินไปเพียงเพื่อประมูลไข่มุกวิญญาณวายุที่ยังไม่สามารถมั่นใจได้ด้วยซ้ำว่าจะฟื้นฟูพลังของมันให้สำเร็จได้หรือไม่
นิกายหมื่นบุปผาร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจมานานแล้ว เป็นธรรมดาที่พวกนางจะไม่ต้องพะวงเรื่องของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ขุมกำลังฝ่ายดีอื่น ๆ ของดินแดนมหาเทพก็ยังต้องรักษาระดับความแข็งแกร่งและสถานภาพการเงินไว้เพื่อให้รับมือกับจอมยุทธ์ปีศาจได้
เมื่อได้ยินว่าฟู่อวิ๋นซิวก็ถอนตัวจากการประมูลเช่นกัน ทุกคนก็มิให้ความสนใจอีกต่อไป ขุมกำลังใหญ่ทั้งหลายถอนตัวแล้วและคนที่เหลือก็ไม่มีความมั่งคั่งมากพอที่จะเทียบชั้นกับฮวาหรงได้ เพราะฉะนั้นผู้ชนะสุดท้ายของการประมูลไข่มุกวิญญาณวายุก็น่าจะเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้ว
โป๋หย่ากวาดสายตามองฝูงชนและเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดต้องการขานราคาประมูลต่อ นางจึงเตรียมกล่าวผลสรุปในครานี้
“สามร้อยสิบล้าน”
ฉินอวี้โม่ไม่มีทางปล่อยให้ไข่มุกวิญญาณวายุตกไปอยู่ในมือของฮวาหรงได้ง่าย ๆ นางจึงกล่าวเสนอราคาออกไปซึ่งทำให้รอยยิ้มของฮวาหรงชะงักทันที
“ฉินอวี้โม่ เจ้าคิดจะทำอะไร ?!”
ฮวาหรงเรียกสติกลับคืนมาและตวัดสายตาเขม็งจ้องไปยังห้องพิเศษของฉินอวี้โม่พร้อมกล่าวเสียงดัง
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็สนใจไข่มุกวิญญาณวายุเช่นกัน ถึงอย่างไรข้าก็ยังมีแก่นหินวิญญาณเหลืออยู่อีกมากและไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป ทำไมรึ ? ท่านมีปัญหาอะไรอย่างนั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มยียวนซึ่งทำให้ฮวาหรงทั้งโกรธแค้นและพูดไม่ออก