ภายในห้องของนิกายหมื่นบุปผาและคนอื่น ๆ สีหน้าของฮวาหรงบิดเบี้ยวอย่างที่สุด อันที่จริง นางคาดเดาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าฉินอวี้โม่อาจจะเข้าร่วมการแข่งขันประมูล ถึงอย่างไรนางก็มีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัวและถือได้ว่าไข่มุกวิญญาณวายุจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ที่สุดเมื่ออยู่ในมือของนาง
ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่ไม่เสนอราคาแม้แต่ครั้งเดียวส่งผลให้ฮวาหรงแอบพึงพอใจอยู่ลึกๆและเชื่อว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าร่วมการประมูล ไม่คิดเลยว่าเมื่อโป๋หย่ากำลังจะประกาศผลลัพธ์ ฉินอวี้โม่จะเสนอราคาแทรกขึ้นมาซึ่งเป็นการกระทำที่น่าหงุดหงิดยิ่งนัก
“ฉินอวี้โม่ ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยเป็นศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผา เหตุใดจึงกระทำสิ่งที่ก้าวร้าวเช่นนี้ ? ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าที่สุดของนิกายเราก็ถูกเจ้าฉกชิงเอาไปแล้ว และตอนนี้เจ้าจะแย่งไข่มุกวิญญาณวายุไปจากเราอีกรึ ?”
ฮวาหรงจงใจกล่าวเสียงดังเพื่อให้ทุกคนทราบว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือของฉินอวี้โม่
มีผู้คนจำนวนมากที่ทราบว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติที่ล้ำค่าในระดับเดียวกับไข่มุกวิญญาณวายุ การที่ได้ทราบว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้ครอบครองไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะกระตุ้นความโลภของผู้คนได้มากมายอย่างแน่นอน คงมิใช่เรื่องแปลกหากจะกล่าวว่าคนของสามสำนักและเก้านิกายอาจจะแตกหักกับฉินอวี้โม่เพียงเพราะไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และนี่ก็ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของฮวาหรงเช่นกัน
“โอ้ งั้นรึ ? ใครบอกล่ะว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติของนิกายหมื่นบุปผาตั้งแต่แรก ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จากคำยืนยันของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันถูกทิ้งไว้ในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผาโดยฉินอวี้โม่เองและมิใช่สมบัติของทางนิกาย ในทางตรงกันข้าม ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต่างหากที่ช่วยนำพาผลประโยชน์มากมายมาสู่นิกายหมื่นบุปผา การที่ฉินอวี้โม่ได้มันมาครองก็เป็นเพียงการทวงคืนสิ่งที่เคยเป็นของนางเท่านั้น
“ตอนนั้นที่ข้าเข้าร่วมกับนิกายหมื่นบุปผาก็เพราะต้องการสืบเรื่องมารดาเท่านั้น และตอนนี้นิกายหมื่นบุปผาก็ถลำลึกเข้าไปกับจอมยุทธ์ปีศาจมากเสียจนจอมยุทธ์ที่ยังมีสติความคิดดีในดินแดนไม่ต้องการเข้าร่วม คงยากที่ผู้คุมกฎฝั่งขวาจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ”
ฉินอวี้โม่กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง
ในเวลานี้เรียกได้ว่าเกียรติยศชื่อเสียงของนิกายหมื่นบุปผาย่อยยับป่นปี้จนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว และในทั่วทั้งดินแดนมหาเทพก็มีเพียงน้อยคนที่ยังมีทัศนคติที่ดีต่อพวกนางอยู่ ในเมื่อฉินอวี้โม่เข้าร่วมการเสนอราคาแล้ว ฮวาหรงก็ไม่มีทางได้ไข่มุกวิญญาณวายุไปครองอย่างแน่นอน ตอนนี้มันสายเกินกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะญาติดีต่อกันได้และไม่มีพื้นที่สำหรับการไว้หน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
“นั่นสิ ข้าก็คิดว่าเดิมทีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มิใช่สมบัติของนิกายหมื่นบุปผา ไข่มุกนั่นเป็นสมบัติพลังฟ้าดินที่ล้ำค่าและจะเลือกเจ้านายของมันด้วยตัวเอง ในเมื่อมันเลือกติดตามฉินอวี้โม่ นั่นก็หมายความว่ามันยอมรับนางด้วยความเต็มใจ บางทีตั้งแต่แรกเริ่มอาจเป็นเพราะนิกายหมื่นบุปผาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อแย่งชิงมันมา และตอนนี้มันก็เพียงพบเจ้านายที่เหมาะสมเท่านั้น”
ฟู่อวิ๋นซิวกล่าวเสียงดังและแสดงถึงความสนับสนุนที่มีต่อฉินอวี้โม่
การใช้แก่นหินวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้เพื่อประมูลไข่มุกวิญญาณวายุมิใช่สิ่งที่คุ้มค่าสำหรับสำนักเมฆาครามของพวกเขา ทว่าการที่ฉินอวี้โม่จะประมูลได้มันไปก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ฟู่อวิ๋นซิวแสดงความสนับสนุนต่อฉินอวี้โม่อย่างเต็มที่ ทว่าในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับภูมิหลังที่แท้จริงของนาง การที่มีแก่นหินวิญญาณมากมายเช่นนี้ ไม่รู้เลยว่านางและสหายไปครอบครองมันมาจากที่ใด…
ขุมกำลังต่าง ๆ ในสามสำนักและเก้านิกายก็ล้วนแสดงความเห็นของพวกเขาออกมาซึ่งเป็นการตำหนิการกระทำของฮวาหรงและสนับสนุนฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน
“ฮวาหรง อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย หากต้องการจะประมูลก็เสนอราคามาเถอะ หากไม่มีเงินทองมากพอก็เพียงรับชมอย่างเงียบ ๆ ไป ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ยอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจและประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่ากันอีก”
ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมาและไม่ต้องการเสียเวลาโต้ตอบกับฮวาหรงอีกต่อไป
ไข่มุกวิญญาณวายุนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องได้มันมาครอง หากฮวาหรงต้องการมัน นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะใจกล้ามากพอหรือไม่ การที่คิดจะใช้ทรัพย์สินเงินทองมากมายของนิกายหมื่นบุปผาเพียงเพื่อแลกกับไข่มุกวิญญาณวายุที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ฮวาหรงจะต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน
“เหอะ ฉินอวี้โม่ บางคราการมีสมบัติล้ำค่ามากมายเกินไปก็มิใช่เรื่องดีนักหรอก หากไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องรักษาพวกมัน ไม่เพียงแต่สมบัติเท่านั้น ทว่าแม้แต่ชีวิตของเจ้าก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้ !”
ฮวาหรงแค่นเสียงเย็นชาและกล่าววาจาเชิงข่มขู่อย่างไม่ปิดบัง
“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ในเมื่อข้ากล้าเสนอราคาเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าข้ามั่นใจมากแล้ว ต่อให้เป็นตาเฒ่าของจอมยุทธ์ปีศาจที่มาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าก็จะทำให้เขากลับไปมือเปล่า !”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากก่อนกล่าวด้วยวาจาที่มั่นใจและหนักแน่นอย่างยิ่งซึ่งทำให้ทุกคนอดที่จะเชื่อมั่นในคำพูดของนางไม่ได้
ดวงตาของฮวาหรงฉายประกายบางอย่างเล็กน้อย ในเวลานี้เห็นได้ชัดว่านางกำลังข่มขู่ฉินอวี้โม่ ทว่าอีกฝ่ายกลับบอกว่านางเป็นห่วง ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะเป็นห่วงศัตรูอย่างเจ้างั้นรึ ? มันไม่มีทางเป็นไปได้ !
“สามร้อยสิบล้าน…มีผู้ใดต้องการประมูลอีกหรือไม่เจ้าคะ ?”
โป๋หย่าทราบความหมายได้จากวาจาของฮวาหรงและเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดที่จะเสนอราคาเพิ่มอีกแล้ว นางจึงกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน
ในตอนนี้ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากทุกคนและมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะสามารถสู้ราคานี้ได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่สูงจนแม้แต่ฮวาหรงก็ไม่สู้ราคาอีกต่อไป แน่นอนว่าไม่มีใครอื่นที่คิดจะแข่งขันกับฉินอวี้โม่อีก
“สามร้อยสิบล้านครั้งที่หนึ่ง ! สามร้อยสิบล้านครั้งที่สอง !”
โป๋หย่าเริ่มประกาศไปตามขั้นตอนการปิดประมูล ทว่าทุกคนก็ยังคงนิ่งเงียบและไม่มีทีท่าว่าผู้ใดจะประมูลต่อไป
“สามร้อยสิบล้านครั้งที่สาม! ปิดการประมูล !”
เมื่อโป๋หย่ากล่าวปิดประมูล นั่นก็หมายความว่าไข่มุกวิญญาณวายุตกเป็นของฉินอวี้โม่ไปโดยสมบูรณ์แล้ว
“ฮ่า ๆ ๆ แม่นางอวี้โม่ ข้าจะให้คนส่งของประมูลให้ท่านหลังจากนี้และท่านสามารถตรวจสอบสินค้าได้ในตอนนั้น”
สำหรับการที่ฉินอวี้โม่และหลานเผิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อีกทั้งนางและสหายเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลหลาน รวมถึงการที่นางสามารถประมูลทุกอย่างโดยที่จ่ายเพียงครึ่งราคา โป๋หย่าต่างก็ทราบเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งร้อยห้าสิบห้าล้านแก่นหินวิญญาณสำหรับไข่มุกวิญญาณวายุก็ยังเป็นราคาที่ทำให้นางและศูนย์การค้าจ้าวสมุทรพึงพอใจอย่างที่สุด…
“ขอบคุณมาก”
ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณโป๋หย่าในขณะที่เมินเฉยต่อทุกสายตาและปิดหน้าต่างห้องพิเศษตามเดิม
อย่างไรก็ตาม นางคิดในใจว่าหากจ่ายเพียงครึ่งหนึ่งของราคาทั้งหมด ตระกูลหลานอาจทำกำไรได้ไม่มากนัก เมื่อถึงเวลานั้น นางตั้งใจจะหารือเรื่องนี้อีกครั้งและจ่ายในจำนวนที่มากกว่านั้น…
“บัดซบ !”
ภายในห้องพิเศษของฮวาหรง ทั้งนางและตัวแทนจากจอมยุทธ์ปีศาจล้วนมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวเหยเกด้วยความโกรธแค้น
ในตอนแรกฉินอวี้โม่พยายามปั่นราคาโอสถทะลวงสวรรค์เพื่อทำให้จอมยุทธ์ปีศาจต้องสูญเสียมากยิ่งขึ้นและตอนนี้นางก็แย่งชิงไข่มุกวิญญาณวายุไปจากฮวาหรงได้สำเร็จ การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการยั่วยุพวกนางอย่างแท้จริงและน่าโมโหยิ่งนัก
“ฉินอวี้โม่ ชายแก่ผู้นี้จะต้องสั่งสอนนางให้ได้ !”
บุรุษชราจากจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวด้วยจิตสังหารที่แรงกล้า หากเขามีทั้งโอสถทะลวงสวรรค์ ไข่มุกวิญญาณวายุและไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ ฉินอวี้โม่จะไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบหนีเอาตัวรอดอย่างแน่นอน
หลังจากงานประมูลครานี้สิ้นสุด เขาจะเรียกลูกน้องมาที่นี่เพื่อกำจัดฉินอวี้โม่ให้จงได้ !
“ข้าจะส่งข่าวไปที่นิกาย เราจะไม่ปล่อยฉินอวี้โม่ไปแน่ !”
สีหน้าของฮวาหรงเหยเกอย่างที่สุดและนางหยิบอุปกรณ์สื่อสารออกมาเพื่อส่งข้อความไปหาฮวาฟางเฟย
เมื่อจบงานประมูลครานี้ ฉินอวี้โม่จะเดินทางกลับไปที่นิกายกระบี่สายฟ้าอย่างแน่นอน ครานี้คณะเดินทางของฉินอวี้โม่ที่มาที่เมืองราชวงศ์แห่งนี้ก็เป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นและมันจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกนาง การกำจัดฉินอวี้โม่และทุกคนที่มากับนางให้สิ้นซากในคราเดียวถือเป็นการบรรเทาปัญหาให้กับจอมยุทธ์ปีศาจได้มากทีเดียว
ในอีกฟากหนึ่ง ฉินอวี้โม่ไม่ทราบเรื่องที่ฮวาหรงติดต่อไปหาฮวาฟางเฟย ทว่าในเวลานี้เด็กรับใช้ก็นำไข่มุกวิญญาณวายุมาส่งให้กับนางถึงห้อง
ไข่มุกวิญญาณวายุมีขนาดเล็กกว่าไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และไข่มุกเลี่ยงวารีเล็กน้อยซึ่งในตอนนี้นางไม่สามารถสัมผัสถึงความผันผวนใด ๆ ที่แผ่มาจากมันได้เลย ไข่มุกวิญญาณวายุในปัจจุบันนี้ไม่มีร่องรอยของพลังมายาแม้แต่น้อยและดูเหมือนมันกลายเป็นเพียงไข่มุกธรรมดาที่ไร้ความพิเศษใด
“นายหญิง แม้ไข่มุกวิญญาณวายุจะไม่มีพลังใด ๆ ในตอนนี้ มันก็มิใช่ปัญหาสำหรับเรา ตราบใดที่ใช้เวลาสักครึ่งปี เราก็จะสามารถกระตุ้นพลังของมันกลับคืนมาได้และจะทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผู้ช่วยที่ดีที่สุดของนายหญิง”
เสียงของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ สมบัติพลังฟ้าดินอย่างพวกมันไม่เพียงแต่มีการเชื่อมโยงต่อกันเท่านั้น ทว่ายังมีการส่งเสริมที่วิเศษต่อกันซึ่งมีเพียงน้อยคนที่จะทราบมัน