ภายในงานประมูล บรรยากาศคุกรุ่นขึ้นมาอย่างกะทันหันและคนส่วนใหญ่ยืนขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่หนิงยวี่ย่วนและสมาชิกตระกูลหนิงคนอื่น ๆ
“ที่นี่คือดินแดนมหาเทพ มิใช่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า หากไม่ได้มาด้วยสันติก็เชิญกลับไปที่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสียเถอะ อย่ามาก่อเรื่องสร้างปัญหาอยู่ที่นี่ !”
ใครหนึ่งกล่าวออกมาเช่นกันขณะสายตาจับจ้องไปที่กลุ่มคนนับสิบจากตระกูลหนิง
“โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยแทรกแซงเรื่องของดินแดนมหาเทพของเรา ทว่าครานี้ตระกูลหนิงฝ่าฝืนกฎและต้องการเข้ามาวางมาดใหญ่โตในดินแดนมหาเทพของเรา ไม่กังวลหรือว่าตระกูลอื่น ๆ จะมีความเห็นใดกับเรื่องนี้ ?”
ฟู่อวิ๋นซิวยืนขึ้นภายในห้องของสำนักเมฆาครามและกล่าวออกมา
สำนักเมฆาครามเป็นหัวหน้าของสามสำนักและเก้านิกายและยังมีพลังอำนาจที่ยากเกินหยั่งถึง ต่อให้ไม่ทรงพลังมากเท่ากับตระกูลหนิง พวกเขาก็มิใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่าย ๆ ในเวลานี้เขาก็มั่นใจว่าขุมกำลังอื่น ๆ จะมีจุดยืนอยู่ในฝ่ายเดียวกับสำนักเมฆาครามอย่างแน่นอน
“ถูกต้อง ดินแดนมหาเทพของเราไม่เคยเข้าไปแทรกแซงเรื่องของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ การที่จู่ ๆ พวกเจ้าโผล่มาที่นี่และคิดจะอวดอ้างชื่อเสียงของตระกูลช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระยิ่งนัก หากอยากจะประมูลต่อก็เชิญได้เลย แต่หากคิดจะก่อกวนละก็…แม้แต่พวกเราจอมยุทธ์ปีศาจก็จะไม่อยู่เฉยแน่”
สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจก็แสดงจุดยืนออกมาเช่นกันและตัดสินใจยืนอยู่ในฝ่ายเดียวกับสามสำนักและเก้านิกายของดินแดนมหาเทพเป็นการชั่วคราว
ความคิดของพวกเขาก็เรียบง่ายมาก การต่อสู้ระหว่างจอมยุทธ์ปีศาจและดินแดนมหาเทพจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน หากคนของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เข้ามาแทรกแซงละก็ มันจะเต็มไปด้วยปัจจัยที่ไม่แน่นอน
กล่าวได้ว่าหากโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตั้งตัวเป็นกลาง มันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
“พวกเจ้าคิดจะมีปัญหากับตระกูลหนิงงั้นรึ ?!”
วาจาเหล่านั้นทำให้สีหน้าของหนิงยวี่ย่วนบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในความเป็นจริง นางก็สามารถประมูลราคาต่อไปได้ ทว่าหากทำเช่นนั้น มันจะหมายความว่านางยอมก้มหัวให้กับคนเหล่านี้ซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่อาจทำใจยอมรับได้
“พวกเราไม่ได้คิดจะสู้กับตระกูลหนิง ทว่านั่นก็ขึ้นอยู่การตัดสินใจของพวกเจ้าเอง ดินแดนมหาเทพของเราและโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงกันและกัน หากพวกเจ้าถอยกลับไปเสียตอนนี้ เราจะไม่กล่าวสิ่งใดอีก !”
ผู้อาวุโสของตระกูลหลานกล่าวออกมาอย่างชัดเจน แม้เขาจะได้ยินถ้อยคำข่มขู่ของตระกูลหนิงเมื่อครู่ เขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือดินแดนมหาเทพและมิใช่โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลหนิงไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาขุมกำลังใหญ่ของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็มีข้อตกลงบางอย่างร่วมกันอยู่ หากตระกูลหนิงลงมือทำสิ่งใดลงไป ขุมกำลังใหญ่เหล่านั้นไม่มีทางยอมอยู่เฉยแน่
อีกอย่างหนึ่งคือนอกเหนือจากตระกูลใหญ่เหล่านั้น ในโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ควรจะมีข้อจำกัดอื่น ๆ เช่นกัน ไม่เช่นนั้น เกรงว่าดินแดนมหาเทพคงถูกคนของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รุกรานเข้ามานานแล้ว
“ดี ! ดีมาก !”
หนิงยวี่ย่วนไม่เคยถูกฉีกหน้าเช่นนี้มาก่อนและสีหน้าของนางบิดเบี้ยวเหยเกอย่างชัดเจน หลังจากกวาดสายตามองทุกคนในงานประมูล สายตาของนางก็หยุดลงที่ห้องพิเศษของฉินอวี้โม่
“เจ้า ! สตรีในห้องนั้นออกมาซะ ข้าอยากจะเห็นนักว่าคนของดินแดนมหาเทพจะมีฝีมือกันสักเพียงใด !”
นางจดจำได้ว่าสตรีที่อยู่ในห้องแยกห้องนั้นคือผู้ที่ริเริ่มจุดชนวนให้ทุกคนในโรงประมูลตำหนิต่อว่าตระกูลหนิงของนางและนั่นทำให้หนิงยวี่ย่วนไม่พอใจอย่างที่สุด
แม้ไม่สามารถรับมือกับคนของดินแดนมหาเทพจำนวนมากมายเช่นนี้ นางก็ต้องการสั่งสอนผู้ที่ริอาจดูหมิ่นตระกูลหนิงของพวกตนเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
“เจ้าต้องการจะท้าดวลข้างั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ลุกขึ้นยืนและเปิดหน้าต่างเพื่อมองตรงไปที่หนิงยวี่ย่วนโดยตรง
ทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน หนิงยวี่ย่วนก็ชะงักไปเล็กน้อยทันที ไม่คิดเลยว่าในดินแดนมหาเทพจะมีสตรีที่ดูงดงามและโดดเด่นมากถึงเพียงนี้
ในชีวิตที่ผ่านมาของนาง นางวางท่าโอหังมาตลอดและมั่นใจว่าตนคือสตรีงามอันดับหนึ่งของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีนางคิดว่าในดินแดนมหาเทพก็คงจะไม่มีสตรีใดที่จะโดดเด่นเกินไปกว่านาง ทว่าตอนนี้เห็นได้ชัดว่านางคิดผิดไปเสียแล้ว
ทั้งรูปลักษณ์และกลิ่นอายของฉินอวี้โม่ทำให้นางรู้สึกกดดันเป็นอย่างมากและนึกริษยาอยู่ภายในใจ
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่สมบูรณ์แบบและกลิ่นอายที่น่าหลงใหลเช่นนี้ หนิงยวี่ย่วนก็อดรู้สึกด้อยกว่าอีกฝ่ายไม่ได้
“ใช่ ข้าอยากจะสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าสำนึกและทำให้เจ้าตระหนักว่าบุคคลที่ต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายข้าได้ !”
หนิงยวี่ย่วนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะจ้องหน้าฉินอวี้โม่ด้วยจิตสังหารในแววตา สตรีที่ดูโดดเด่นเช่นนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไปและไม่ควรปล่อยให้คนของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ทราบเกี่ยวกับตัวตนนางโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ตำแหน่งสตรีงามอันดับหนึ่งของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของหนิงยวี่ย่วนจะต้องสั่นคลอนเป็นแน่
“บังเอิญข้าก็ต้องการจะแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่าคนของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก ในเมื่อเจ้าอยากจะต่อสู้นัก ก็เชิญได้เลย”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยและพุ่งตรงออกจากห้องพิเศษก่อนปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าหนิงยวี่ย่วน
พลังของหนิงยวี่ย่วนก็ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริงและบรรลุถึงขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุดแล้ว โลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ลึกลับซ่อนเงื่อนยิ่งกว่าดินแดนมหาเทพอย่างแท้จริง และอายุของนางก็มากกว่าฉินอวี้โม่เพียงสองถึงสามปีเท่านั้น
“มั่นใจในตัวเองจริงเชียว !”
หนิงยวี่ย่วนมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาดูแคลน นางรับรู้ได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอยู่เพียงขอบเขตราชาเซียนขั้นกลางเท่านั้นและเทียบชั้นกับตนไม่ได้แม้แต่น้อย
ในโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีคนที่อายุเท่าฉินอวี้โม่และอยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นกลางเป็นจำนวนมากซึ่งหนิงยวี่ย่วนสามารถจัดการกับคนเหล่านั้นได้โดยแทบไม่ต้องออกแรง
“รบกวนท่านช่วยเตรียมสังเวียนประลองให้เราด้วยเจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่หันไปพยักศีรษะให้กับผู้อาวุโสของตระกูลหลาน ในเมื่อไม่สามารถต่อสู้กันที่นี่ได้โดยตรง นางจึงขอให้พวกเขาช่วยเตรียมสังเวียนสำหรับประลองฝีมือ
“รอประเดี๋ยว”
ผู้อาวุโสของตระกูลหลานผู้นั้นพยักศีรษะก่อนที่สังเวียนประลองจะปรากฏขึ้นในห้องโถงเดิมภายในเวลาไม่นาน
ทุกคนก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีพวกเขาเพียงต้องการเข้าร่วมงานประมูลเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะได้ชมเรื่องที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้
พวกเขาทั้งหมดล้วนเคยได้ยินเกี่ยวกับฉินอวี้โม่มาก่อนแล้วและกล่าวกันว่านางเป็นสตรีที่งดงามมากที่สุดในดินแดนมหาเทพ อีกทั้งพลังของฉินอวี้โม่ก็แกร่งกล้ามาก แม้แต่ฮวาหรงจากนิกายหมื่นบุปผาและจอมยุทธ์ปีศาจก็ยังต้องเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อประจันหน้ากับสตรีผู้นี้
สำหรับหนิงยวี่ย่วน ความแข็งแกร่งของนางก็ถือว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ด้วยพลังในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงสุด หากอยู่ในดินแดนมหาเทพ นางจะเป็นคนที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งอย่างแน่นอน
ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นงดงาม เพียงการยืนเคียงข้างกันก็เป็นภาพที่เจริญหูเจริญตาจนยากที่ผู้คนจะละสายตาไปได้
“พวกเจ้าคิดว่าใครจะชนะ ?”
บุรุษคนหนึ่งกระซิบกระซาบด้วยความสงสัยใคร่รู้
“จะต้องเป็นจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่แน่ แม้พลังภายนอกจะดูอ่อนแอกว่า ทว่าความสามารถในการต่อสู้ที่กระโดดข้ามระดับของนางก็มิใช่สิ่งที่พวกเราจะจินตนาการได้ แม้หนิงยวี่ย่วนจะดูแข็งแกร่งมากกว่า นางก็อาจจะมิใช่คู่มือของจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่”
บุรุษอีกคนกล่าวแสดงความสนับสนุนต่อฉินอวี้โม่อย่างเต็มที่
พวกเขาล้วนเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับฉินอวี้โม่มามากและสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงที่ซ่อนไว้ของนางจะต้องเหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงเชื่อว่าฉินอวี้โม่จะสามารถเอาชนะหนิงยวี่ย่วนได้
ยิ่งไปกว่านั้น หนิงยวี่ย่วนก็เป็นคนของโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะคนของดินแดนมหาเทพ พวกเขาย่อมสนับสนุนและคอยเอาใจช่วยฉินอวี้โม่อย่างเต็มที่
“เป็นจริงอย่างที่ว่า จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ทรงพลังยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้น เพียงยืนเทียบเคียงกัน ความมีสง่าราศีของหนิงยวี่ย่วนก็ดูเหมือนจะหม่นหมองลงไป ต่อให้นางจะมาจากโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ นางก็ไม่มีทางสู้กับจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ได้แน่”
บุรุษอีกคนกล่าวด้วยความเชื่อมั่นในฝีมือของฉินอวี้โม่อย่างไร้ข้อกังขา
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขากล่าวมาก็เป็นความจริงทุกประการ หนิงยวี่ย่วนเป็นสตรีรูปงามโดดเด่นก็จริง ทว่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าฉินอวี้โม่ ความงามนั้นก็หม่นหมองลงมากและคุณค่าของนางก็ดูจะลดลงจนอยู่ในระดับของสาวรับใช้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือกิริยาท่าทาง นางก็ด้อยกว่าฉินอวี้โม่ทุกประการ