เมื่อออกจากโรงประมูล ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลหลาน
“ดูเหมือนจะมีคนแอบตามเรามา”
หลานเผิงและคนอื่น ๆ มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา หลังจากก้าวเดินไปเพียงไม่นาน พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของบรรดาสมาชิกจอมยุทธ์ปีศาจที่แอบซุ่มตามมาไม่ไกล
“หลานเผิง เจ้าพาทุกคนกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลานก่อนเถอะ ข้าและโม่ฉือจะล่อคนพวกนั้นออกไปนอกเมืองสักหน่อย”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับหลานเผิงและคนอื่น ๆ หากยังอยู่ในเมืองราชวงศ์แห่งมณฑลกลาง คนเหล่านั้นอาจไม่กล้าลงมือทำสิ่งใด ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งก็มิใช่สิ่งที่เหมาะสมนัก นางจึงต้องการมองหาพื้นที่เปิดโล่งที่อยู่ห่างออกไป คนเหล่านั้นต้องการสิ่งที่อยู่ในมือของพวกนางและบังเอิญว่าฉินอวี้โม่เองก็สนใจในที่สิ่งที่อยู่ในมือของพวกเขาเช่นกัน
“เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะรอท่านอยู่ที่คฤหาสน์”
หลานเผิงและคนอื่น ๆ ไม่ปฏิเสธขณะตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนเดินเลี้ยวไปในอีกทางหนึ่งของถนนซึ่งแยกไปคนละทางกับฉินอวี้โม่
“เราจะทำอย่างไรกันดี ? พวกเขาแยกกันแล้ว”
ใครคนหนึ่งกล่าวขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ แยกออกเป็นสองกลุ่ม
“ตามฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือต่อไป สิ่งของทุกอย่างอยู่กับพวกนาง ไม่จำเป็นต้องสนใจคนอื่น ๆ ที่เหลือ”
บุรุษผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มของจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวตัดสินใจทันทีว่าจะตามฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือต่อไป สิ่งที่พวกเขาต้องการอยู่ที่คนทั้งสอง ส่วนสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่กับหลานเผิงหรือคนอื่น ๆ นั้น พวกเขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
ในตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมและจอมยุทธ์ปีศาจยังไม่สามารถเปิดศึกกับดินแดนมหาเทพได้อย่างเป็นทางการ ครานี้พวกเขาทำได้เพียงพยายามแย่งชิงสิ่งของที่ต้องการมาจากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเท่านั้น
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนไปถึงหน้าประตูเมืองโดยที่คนของจอมยุทธ์ปีศาจก็ยังคงตามมาไม่ห่าง
และแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนเช่นนี้ก็ดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ ได้มากมาย
คนของสามสำนักและเก้านิกายผู้ซึ่งเพิ่งออกจากโรงประมูลก็สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกันและเดินตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ ประชากรของเมืองราชวงศ์บางส่วนก็เดินตามไปด้วยความอยากรู้ความเห็น ภายในเวลาเพียงสั้น ๆ ผู้คนที่กำลังเดินตามฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและคณะคนจากจอมยุทธ์ปีศาจก็มีเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไม่สนใจการกระทำของคนเหล่านั้นและยังคงเดินหน้าตรงไปยังทิศทางนอกเมือง
สมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจขมวดคิ้วมุ่นและไม่คาดคิดเลยว่าจะมีผู้คนเดินตามมามากมายเช่นนี้
“เหอะ หากพวกเขาอยากตามมานักก็ปล่อยให้พวกเขาตามมาเถอะ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรเราหรอก ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ”
ฮวาหรงแค่นเสียงเย็นชาขณะชำเลืองมองผู้คนที่เดินตามมาและพยายามปกปิดความกังวลในหัวใจ
“เป็นจริงอย่างที่ว่า ปล่อยให้คนพวกนั้นตามมา พวกเราไม่ต้องไปสนใจ”
ผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักห้าขุนเขาก็กล่าวขึ้นเช่นกันและเมินเฉยต่อบรรดาผู้คนที่เดินตามมาเพื่อชมเรื่องน่าตื่นเต้น
ทันทีที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือออกจากตัวเมือง ทั้งสองก็เหาะตรงไปที่เนินเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พวกนางใช้ความเร็วที่ไม่มากนักและเพียงพอที่จะปล่อยให้ฮวาหรงและคนของจอมยุทธ์ปีศาจตามมาได้ทัน
ฮวาหรงและคนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเลขณะตามไปอย่างรวดเร็ว คนอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นก็มองหน้ากันเล็กน้อยก่อนตัดสินใจตามไปเช่นกัน พวกเขาไม่ยอมพลาดเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เนินเขาแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองราชวงศ์ไปไม่ไกลนักและใช้เวลาเดินทางไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก่อนทั้งสองมาถึงยอดเนินเขา
“โผล่หัวออกมา”
ฉินอวี้โม่มองตรงไปยังทิศทางที่ฮวาหรงและคนอื่น ๆ ตามพวกตนมาพลางกล่าวขึ้นเบา ๆ
ฮวาหรงและคนอื่น ๆ ก็ทราบดีว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือน่าจะสังเกตเห็นพวกตนมานานแล้ว เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีท่าทีประหลาดใจใด ๆ คณะของพวกเขาจึงปรากฏตัวอย่างรวดเร็วก่อนหยุดลงและล้อมรอบฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไว้
“ส่งของเหล่านั้นมาซะ !”
ฮวาหรงกล่าวอย่างเย็นชาและเป้าหมายหลักของนางก็คือไข่มุกวิญญาณวายุ
“หากส่งของเหล่านั้นมาแต่โดยดี พวกข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป ไม่เช่นนั้น…อย่าหาว่าพวกข้าใจร้ายก็แล้วกัน !”
ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารอย่างชัดเจน
“โอ้ พวกเจ้าประมูลมันไม่ได้จึงวางแผนที่จะแย่งชิงมันไปโดยตรงสินะ”
ฉินอวี้โม่ไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมาแม้แต่น้อยขณะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “บังเอิญว่าข้าก็ต้องการวารีรวมจิตและโอสถทะลวงสวรรค์ที่พวกเจ้าประมูลได้ไปเช่นกัน หากส่งมันมาแต่โดยดี ข้าก็จะปล่อยพวกเจ้าไป ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะไม่สูญเสียเพียงแค่สองอย่างนั้น”
คนของจอมยุทธ์ปีศาจและฮวาหรงสนใจในสิ่งที่นางประมูลได้ ฉินอวี้โม่เองก็สนใจในวารีรวมจิตและโอสถทะลวงสวรรค์เช่นกัน แม้ไม่จำเป็นต้องใช้มัน นางก็สามารถมอบให้กับบิดา เซิ่งเซียวหรือคนอื่น ๆ ได้และมันจะช่วยพวกเขาได้เป็นอย่างมาก
ต่อให้คนเหล่านั้นไม่พยายามแย่งชิงของประมูลไปจากพวกนาง อันที่จริงฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็วางแผนที่จะแย่งชิงของประมูลมาจากพวกเขาตั้งแต่แรกแล้ว
“ยโสโอหังยิ่งนัก พวกเจ้าเพียงสองคนจะทำอะไรได้รึ ?”
บรรดาสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจมองฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลน
แม้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีความแข็งแกร่งที่มากพอสมควร พวกนางก็ไม่มีทางต่อกรกับฝ่ายของพวกเขาที่มีกันหลายคนเช่นนี้ เพราะฉะนั้น การที่นางกล่าววาจาเช่นนั้นได้อย่างมั่นใจถือเป็นความยโสโอหังอย่างที่สุด
“เพียงแค่เราสองคนก็ถือว่ามากเกินพอ”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย อันที่จริงแล้วไม่ต้องนับว่าเป็นสองคนด้วยซ้ำ เพราะหานโม่ฉือเพียงคนเดียวก็สามารถรับมือกับพวกเขาทั้งหมดได้
ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือในปัจจุบันนี้ลึกล้ำเกินหยั่งถึงและคนนอกไม่มีทางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้คงจะไม่ด้อยไปกว่าบรรดาผู้นำของสามสำนักและเก้านิกาย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหลานที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้เท่าใดนัก
“ฮ่า ๆ ๆ ตลกชะมัด ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าพวกเจ้าจะฝีมือสักเพียงใด !”
ผู้อาวุโสของจอมยุทธ์ปีศาจหัวเราะลั่นและไม่ได้คิดจริงจังกับวาจาของอีกฝ่ายเท่าใดนัก
“ข้ากำลังมอบโอกาสให้กับพวกเจ้า หากไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ พวกเจ้าเพียงต้องส่งวารีรวมจิตและโอสถทะลวงสวรรค์มาให้ข้าเท่านั้น แต่หากยืนกรานที่จะต่อสู้ พวกเจ้าจะต้องเสียมากกว่านั้นอย่างแน่นอน”
ฉินอวี้โม่ยักไหล่และกล่าวเน้นย้ำอีกครั้ง
“ฉินอวี้โม่ เจ้าจะมั่นใจจนเกินไปแล้ว ข้าทราบดีว่าเจ้าแข็งแกร่งและมีฝีมือมาก แต่ในเมื่อพวกเรามีกันมากเช่นนี้ คิดหรือว่าพวกเจ้าเพียงสองคนจะเอาชนะเราได้ ?”
ฮวาหรงกล่าวเย้ยหยันอย่างไม่หวาดหวั่นใจ แม้ฉินอวี้โม่จะมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาและก่อนหน้านี้ก็สามารถเอาชนะนางได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความแข็งแกร่งของนางก็พัฒนาขึ้นจากตอนนั้นแล้วและตอนนี้ก็ยังมีผู้อาวุโสหลายคนของจอมยุทธ์ปีศาจที่ร่วมด้วย หากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมีกันเพียงสองคน การที่ต้องการจะเอาชนะนางและคนของจอมยุทธ์ปีศาจก็เป็นได้เพียงเรื่องเพ้อฝัน
“จะเอาชนะได้รึไม่นั้น เมื่อต่อสู้กันก็จะได้รู้เอง ถึงอย่างไรข้าก็ให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว ทว่าพวกเจ้ากลับไม่เห็นคุณค่าของมัน”
ฉินอวี้โม่กางมือออกเล็กน้อยและกล่าวทิ้งท้ายก่อนเงียบไป
“ลงมือกันเถอะ รีบจัดการให้เสร็จเรื่อง !”
เวลานี้มีผู้คนอยู่รอบตัวเป็นจำนวนมากและพวกเขาส่วนใหญ่เพียงต้องการรับชมเรื่องที่น่าตื่นเต้นโดยไม่คิดที่จะลงมือทำสิ่งใด อย่างไรก็ตาม ยังมีบางขุมกำลังที่เป็นสหายกับฉินอวี้โม่และหากคิดจะกำจัดพวกนาง เกรงว่าค่ำคืนนี้จะดำเนินไปอีกยาวไกลแน่ เพราะเหตุนั้น วิธีการที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาในตอนนี้คือการช่วงชิงสิ่งที่ต้องการมาจากฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือโดยเร็วที่สุด
ในเวลานี้ นอกเหนือจากสมาชิกของจอมยุทธ์ปีศาจสามคนก็ยังมีจอมยุทธ์อีกมากกว่าสิบคนจากฝ่ายของฮวาหรง สำนักห้าขุนเขา นิกายเต่าดำและนิกายเมฆาล่องลอย พวกเขามองหน้ากันเพียงเล็กน้อยก่อนตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือด้วยกัน
พวกเขาไม่เคยต่อสู้กับหานโม่ฉือมาก่อน ทว่าเลือกที่จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเพื่อล้อมรอบฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือไว้
“รอข้าเดี๋ยว…”
หานโม่ฉือคลายมือที่จับมือฉินอวี้โม่ไว้ขณะกล่าวขึ้นเบา ๆ และตรงเข้าไปประจันหน้ากับอีกฝ่าย
ฉินอวี้โม่ก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยและดูจะไม่กังวลเลยสักนิดว่าหานโม่ฉือจะเพลี่ยงพล้ำหรือเสียเปรียบอีกฝ่าย ในทางกลับกัน นางดูสงบนิ่งและใจเย็นอย่างมาก
ตูมมม ! ตูมมม !
คนของหลายขุมกำลังกระหน่ำโจมตีเข้าใส่หานโม่ฉือจนเกิดเสียงปะทะอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม พลังมายาของหานโม่ฉือกลับควบแน่นกลายเป็นโล่ป้องกันรอบตัวและขวางกั้นกระบวนท่าโจมตีเหล่านั้นอย่างไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าการโจมตีของคนเหล่านี้ไม่มีผลใด ๆ ต่อเขาเลยสักนิด
“มันจบแล้ว !”
เขาเปล่งเสียงอย่างเย็นชาออกมาเพียงสั้น ๆ และแรงกดดันอันทรงพลังก็แผ่ออกไปกดข่มคู่ต่อสู้ทันที