หลงซินเอ๋อร์มองโอสถหลายเม็ดในมือของตนและประกายความผิดหวังปรากฏในแววตาครู่หนึ่งทว่านางไม่แสดงออกทางสีหน้า
“พี่ใหญ่ ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร”
นางพยักศีรษะอย่างหนักแน่นและเตรียมเดินออกไป
“น้องสาม อย่าลืมล่ะ นอกจากฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เจ้าต้องให้ท่านพ่อกินมันด้วย”
หลงจิ้งเฉินจับแขนหลงซินเอ๋อร์เบา ๆ และกล่าวกำชับนางอีกครั้ง
“เหตุใดจะต้องให้ท่านพ่อด้วยล่ะเจ้าคะ ?”
หลงซินเอ๋อร์เสแสร้งแสดงสีหน้าฉงนงุนงงและเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“น้องสาม เจ้าไม่สงสัยรึว่าท่านพ่อรักเจ้าเหมือนกับที่รักเฟยเอ๋อร์หรือไม่ โอสถนี้จะทำให้ท่านพ่อพูดความจริงทุกอย่างออกมา เจ้ามั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใดและสามารถใช้มันได้โดยที่ไร้ความกังวล”
วาจาของหลงจิ้งเฉินเต็มไปด้วยความโน้มน้าวใจและใช้ประโยชน์จากปมในจิตใจของหลงซินเอ๋อร์ได้อย่างชาญฉลาด
เขาทราบดีว่าสิ่งที่หลงซินเอ๋อร์ปรารถนามากที่สุดคือสิ่งใดและทราบว่าหลงซินเอ๋อร์เคารพหลงอวี้เทียนอย่างที่สุดและจะไม่มีทางเห็นด้วยกับการที่ใช้โอสถทำร้ายหลงอวี้เทียนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม นางจะไม่มีทางปฏิเสธหากทราบว่าโอสถนี้เป็นโอสถที่จะช่วยให้นางได้รับรู้ในสิ่งที่สงสัยมาตลอด
“ตกลง ข้าจะจดจำไว้ ขอบคุณพี่ใหญ่มากนะเจ้าคะ คนเหล่านั้นที่ริอาจวางแผนจับตัวพี่รอง ข้าจะเปิดโปงธาตุแท้ของคนพวกนั้นอย่างแน่นอน !”
หลงซินเอ๋อร์ลังเลครู่หนึ่งก่อนพยักศีรษะและเดินออกจากตำหนักพร้อมกับโอสถที่ได้รับจากหลงจิ้งเฉิน
เมื่อเห็นแผ่นหลังขององค์หญิงสามที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ หลงจิ้งเฉินก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ยัยน้องโง่เง่าเอ๋ย หลังจากแผนการทุกอย่างเสร็จสิ้น ข้าคงต้อง ‘ขอบคุณ’ เจ้าจริง ๆ!
หลงซินเอ๋อร์ออกจากตำหนักของตนและตรงไปยังตำหนักของหลงอวี้เทียนทันที
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็รออยู่ที่นั่นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว เมื่อเดินมาถึง หลงซินเอ๋อร์ก็ไม่คิดปิดบังสิ่งใดและมอบโอสถทั้งหมดให้กับฉินอวี้โม่ทันที รวมถึงเปิดเผยคำพูดทั้งหมดของหลงจิ้งเฉินก่อนหน้านี้
“หมายความว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของพี่ใหญ่จริง ๆ ข้าไม่เข้าใจเลย…ท่านพ่อดีกับพี่ใหญ่มาเสมอและไม่เคยทำให้เขาต้องขาดตกบกพร่องสิ่งใด เหตุใดพี่ใหญ่จึงทำเช่นนี้กับพวกเราได้ ?”
หลงเฟยเอ๋อร์กล่าวด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ นางเองก็ชื่นชมหลงจิ้งเฉินมาตลอด ไม่คิดเลยว่าพี่ชายที่อ่อนโยนและอบอุ่นผู้นั้นจะวางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้ได้
“ฮ่าๆ ๆ คนเรามักไม่พึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีหรอก สิ่งที่เขาต้องการนั้นคาดเดาได้ง่ายมาก…”
ฉินอวี้โม่สามารถคาดเดาได้ว่าสิ่งที่หลงจิ้งเฉินหมายปองคือตำแหน่งผู้นำของตระกูลราชวงศ์ ส่วนเขาจะแอบร่วมมือกับจอมยุทธ์ปีศาจหรือไม่นั้นก็เป็นสิ่งที่ยังต้องทดสอบเพื่อพิสูจน์ต่อไป
“ดำเนินตามแผนการต่อไป หลงจิ้งเฉินเพียงคนเดียวทำอะไรได้ไม่มากหรอก ข้าอยากเห็นนักว่ายังมีใครที่อยู่เบื้องหลังเขา”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้กับทุกคนเพื่อยืนยันให้ทำตามแผนการที่วางเอาไว้
จากนั้นหลงซินเอ๋อร์ก็ตรงเข้าไปในห้องอาหาร และไม่นานนักนางก็กลับมาพร้อมกับจานอาหารว่าง
ประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมาและเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว นางก็ไปพบกับหลงจิ้งเฉินผู้ซึ่งรออยู่ในตำหนักแล้ว
“พี่ใหญ่ ข้าเอาโอสถนั้นไปให้ท่านพ่อและคนอื่น ๆ แล้ว ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับหลับใหลไม่ได้สติเลย ท่านช่วยไปดูกับข้าหน่อยเถอะว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน”
ความกังวลปรากฏทางสีหน้าของหลงซินเอ๋อร์อย่างชัดเจนและเป็นการแสดงปฏิกิริยาที่แนบเนียนอย่างไม่มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย
“น้องสามทำให้พวกเขากินโอสถด้วยวิธีใดรึ ?”
หลงจิ้งเฉินไม่ปักใจเชื่อวาจาของหลงซินเอ๋อร์ง่าย ๆ ทว่าเอ่ยถามเพื่อให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติม
“ข้าเสแสร้งว่าต้องการแสดงการขอโทษต่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ โดยอาสาที่จะเข้าไปในโรงครัวเพื่อเตรียมอาหารว่างให้กับทุกคนและใส่โอสถทั้งหมดลงไปในนั้น ทุกคนไม่สงสัยแม้แต่น้อยและกินมันเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน จู่ ๆ ทุกคนก็หมดสติไป พี่ใหญ่…ท่านพ่อและทุกคนจะไม่เป็นอะไรใช่รึไม่เจ้าคะ ?”
หลงซินเอ๋อร์แสร้งแสดงท่าทีกังวลและกระวนกระวายใจขณะรีบเดินกลับไป
“แน่นอน ทุกคนจะไม่เป็นอะไรหรอก ข้าจะไปกับเจ้าและตรวจดูอาการของทุกคนเอง”
หลงจิ้งเฉินพยักศีรษะอย่างพึงพอใจและไม่สงสัยสิ่งใดอีกต่อไป จากนั้นเขาก็เดินตามหลงซินเอ๋อร์ไปยังตำหนักของหลงอวี้เทียนทันที
ภายในโถงบรรทมของหลงอวี้เทียน หลงซินเอ๋อร์โบกมือส่งเด็กรับใช้ทั้งหมดออกไปแล้วและตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คนที่ ‘หมดสติ’ หลังจากรับประทานอาหารว่างที่ผสมโอสถของนาง
หลงจิ้งเฉินก้าวเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อยืนยันและพบว่ามีกลิ่นอายของโอสถที่ติดตัวฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ อยู่จริงซึ่งทำให้เขารู้สึกโล่งใจมากขึ้น
เขาโบกมือเล็กน้อยและพลังมายาก็หลั่งไหลออกจากปลายนิ้วมือเพื่อปิดผนึกพลังทั้งหมดในร่างของฉินอวี้โม่และทุกคน
“พี่ใหญ่ทำอะไรเจ้าคะ ?!”
หลงซินเอ๋อร์โพล่งออกไปด้วยความงุนงงและเข้าไปยืนขวางด้านหน้าหลงอวี้เทียนทันที
“น้องสาม ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ”
หลงจิ้งเฉินโบกมือเพื่อใช้แรงกดดันกดข่มร่างของหลงซินเอ๋อร์ไว้และกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ความแข็งแกร่งของเขาเหนือชั้นกว่าหลงเพ่ยเอ๋อร์เสียอีกและถือว่าเป็นจอมยุทธ์รุ่นเยาว์อันดับหนึ่งของตระกูลราชวงศ์ก็ว่าได้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของตนเองเอาไว้
“พี่ใหญ่ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ?!”
ใบหน้าของหลงซินเอ๋อร์ถอดสีราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ฮ่า ๆ ๆ สิ่งที่ข้าทำในตอนนี้คือสิ่งที่ข้าใฝ่ฝันมานาน ท่านพ่อดำรงตำแหน่งผู้นำของตระกูลราชวงศ์มานานเกินไปแล้วและถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงเสียที อีกทั้งยังมีหลงเพ่ยเอ๋อร์ที่เป็นเพียงสตรี เหตุใดนางจึงได้รับความรักความเอ็นดูทั้งหมดไปและทุกคนก็ให้ความเคารพกับนาง ?”
หลงจิ้งเฉินหัวเราะราวเสียสติก่อนกล่าวจุดประสงค์ที่แท้จริงและความริษยาในแววตาปรากฏชัดเจนอย่างไม่คิดปิดบัง
“พี่ใหญ่ ท่านหลอกข้า !”
ใบหน้าของหลงซินเอ๋อร์ซีดเผือดขึ้นเรื่อย ๆ ขณะยกนิ้วชี้หน้าหลงจิ้งเฉินอย่างโกรธแค้น
“เหอะ หากคิดจะโทษใคร ก็โทษความโง่เขลาของตัวเจ้าเถอะ ท่านพ่อเป็นบุคคลที่ชาญฉลาดยิ่งนัก ไม่รู้เลยว่าเหตุใดเขาถึงให้กำเนิดลูกสาวที่โง่เขลาเช่นเจ้าได้ หลงซินเอ๋อร์…เจ้าไม่สงสัยบ้างเลยรึว่าข้าจะหลอมโอสถที่ทำให้ทุกคนพูดความจริงได้อย่างไร ? ยิ่งไปกว่านั้น น้องรองก็บ่มเพาะพลังอยู่ในตำหนักมาโดยตลอด ไม่ว่าตระกูลหลานจะมีความสามารถเพียงใดก็ไม่มีทางที่จะจับตัวนางไปจากพระราชวังได้หรอก”
หลงจิ้งเฉินแค่นเสียงเย็นชาและกล่าววาจาดูแคลนหลงซินเอ๋อร์ ในเวลานี้ความอ่อนโยนและรักใคร่ที่เขาแสดงออกก่อนหน้านี้ไม่หลงเหลืออีกต่อไป
“หรือว่าคนที่จับตัวพี่รองไปจะเป็นท่าน ?!”
หลงซินเอ๋อร์ทิ้งตัวลงบนพื้นและน้ำตาไหลอาบแก้มขณะมองบุรุษหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาสิ้นหวัง
“เจ้าคิดถูกแล้ว หากไม่ทำเช่นนั้น เจ้าจะถูกความรู้สึกเข้าครอบงำจนขาดสติและช่วยให้ข้ามีโอกาสได้อย่างไร ? หลงซินเอ๋อร์ ความริษยาไม่เพียงแต่เป็นภัยต่อตัวเจ้าเองเท่านั้น ทว่ายังทำให้ท่านพ่อและทุกคนเป็นอันตรายไปด้วย ไม่ต้องกังวล ถึงอย่างไรครานี้เจ้าก็ช่วยข้าไว้มาก เพราะฉะนั้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้าก็แล้วกัน !”
หลงจิ้งเฉินพยักศีรษะและยอมรับว่าเป็นคนจับตัวหลงยวี่เอ๋อร์ไปจริง
“ช่างมีจิตใจที่อำมหิตยิ่งนัก !”
หลงซินเอ๋อร์ชี้นิ้วตรงไปที่หลงจิ้งเฉินและต้องการลุกขึ้นไปตบหน้าเขาสักครา หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่และคนอื่นๆ ที่คาดเดาแผนการสมคบคิดของเขาได้และใช้กลอุบายหลอกล่อเขามาติดกับ เกรงว่าหลงอวี้เทียนและทุกคนอาจได้รับอันตรายอย่างแท้จริง
“ฮ่า ๆ ๆ เป็นเพราะความริษยาและความเห็นแก่ตัวของเจ้าที่ทำร้ายพวกเขา มิใช่ความผิดของข้า”
หลงจิ้งเฉินไม่แยแสแม้แต่น้อยขณะเดินเข้าไปหาหลงอวี้เทียนทีละก้าว ๆ
“พี่ใหญ่ ได้โปรด ปล่อยท่านพ่อไปเถอะ !”
หลงซินเอ๋อร์ผู้ซึ่งนั่งอยู่บนพื้นกล่าวอ้อนวอนทันที
“สายไปเสียแล้ว !”
หลงจิ้งเฉินส่ายศีรษะเบา ๆ ขณะยกฝ่ามือขึ้นมาและฟาดตรงไปที่จุดตายของหลงอวี้เทียน
“เจ้าลูกไม่รักดี !”
น้ำเสียงเย้ยหยันดังขึ้นพร้อมกับหลงอวี้เทียนผู้ซึ่งลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน แรงกดดันอันทรงพลังก็แผ่ตรงไปที่หลงจิ้งเฉิน ส่งผลให้ฝ่ามือของเขาชะงักแข็งทื่อไปทันทีและไม่อาจโจมตีได้อีก
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
สีหน้าของหลงจิ้งเฉินเปลี่ยนแปลงไปทันใด ไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ หลงอวี้เทียนจะลืมตาตื่นขึ้นมาเช่นนี้และดูเหมือนว่าพลังของอีกฝ่ายจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เช่นกัน ในเวลานี้หัวใจของหลงจิ้งเฉินสั่นไหวอย่างมิอาจควบคุม