บนเบาะยาวในโถงบรรทมของตำหนัก จู่ ๆ หลงอวี้เทียนก็ลืมตาและจ้องหน้าหลงจิ้งเฉินอย่างเย็นชา ทว่าแววตาของเขาก็เจือด้วยความผิดหวังอย่างไม่อาจปกปิด
“ท่านพ่อ…องค์จักรพรรดิ…”
แรงกดดันของหลงอวี้เทียนทำให้หลงจิ้งเฉินขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่น้อย สิ่งที่ทำให้เขาหดหู่ใจยิ่งกว่าเดิมคือฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่เขาคิดว่าหมดสติไปแล้วก็ลืมตาขึ้นมาทีละคน ๆ ในสภาพที่ไม่มีอาการผิดปกติใดแม้แต่น้อย
“เหอะ เจ้าก็ยังรู้ว่าข้าคือพ่อของเจ้า ! หลงจิ้งเฉิน ขอถามหน่อยเถอะว่าข้าทำสิ่งใดที่ไม่ดีต่อเจ้ากัน เจ้าจึงคิดทำในสิ่งที่ชั่วช้าอำมหิตเช่นนี้ ?”
หลงอวี้เทียนแค่นเสียงในลำคอ เขามั่นใจว่าตนเองดีกับบุตรชายและบุตรสาวทุกคนมาเสมอ แม้หลงจิ้งเฉินจะมิใช่บุตรชายโดยกำเนิดของเขา เขาก็ไม่เคยมองว่าหลงจิ้งเฉินเป็นคนอื่นคนไกล ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็ปฏิบัติต่อหลงจิ้งเฉินดั่งบุตรแท้ ๆ คนหนึ่งและไม่เคยทำสิ่งใดให้เจ็บแค้นใจ ไม่คิดเลยว่าหลงจิ้งเฉินจะมีจิตมุ่งร้ายต่อตนเช่นนี้
“ท่านพ่อ ข้า…”
หลงจิ้งเฉินมิใช่คนโง่เขลาเช่นกัน เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าการที่สถานการณ์กลับตาลปัตรเช่นนี้เป็นเพราะแผนการของฉินอวี้โม่และพวกอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้หลงซินเอ๋อร์ก็เพียงแสดงละครตบตาเขาและเชิญเขาลงโอ่งโดยที่เขาก็หลงกลเข้าอย่างเต็มเปา
* 请君入瓮 สำนวน เชิญท่านลงโอ่ง หมายถึงการใช้วิธีการที่คนผู้หนึ่งคิดค้นขึ้นเพื่อจัดการกับผู้อื่น มาใช้จัดการกับคนผู้นั้นเอง, ติดกับดักตัวเอง นอกจากนี้ยังแฝงความหมายใกล้เคียงกับคำว่า “ดาบนั้นคืนสนอง”
“พี่ใหญ่ ท่านพ่อไม่เคยปฏิบัติต่อท่านอย่างเลวร้าย ทว่าท่านกลับคิดที่จะฆ่าเขา อีกทั้งยังมีพี่รองที่เคารพนับถือท่านมาเสมอ ท่านจะโหดเหี้ยมมากเกินไปแล้ว !”
หลงซินเอ๋อร์ยืนขึ้นและมองหลงจิ้งเฉินอย่างโกรธแค้น
แม้นางจะมีเรื่องโต้เถียงกับหลงเพ่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ อยู่เป็นประจำ หลงซินเอ๋อร์ก็ไม่เคยคิดร้ายถึงขั้นสังหารผู้ใด หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ที่สังเกตเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลและคาดเดาแผนการของหลงจิ้งเฉินได้ตั้งแต่ต้น นางก็คงจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการสังหารบิดาและพี่น้องของตนเอง
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าโหดเหี้ยมเกินไปงั้นรึ ? ข้าเพียงต้องการทวงคืนสิ่งที่ควรจะเป็นของข้าเท่านั้น มันผิดอย่างไรกัน ? บิดาผู้หลอกลวงของเจ้าแย่งชิงบัลลังก์ไปจากบิดาของข้าและยึดครองมานานหลายปี เจ้าไม่คิดว่ามันตลกหรือที่เขาจะทำเป็นจิตใจดีและเมตตาต่อข้ามานาน ?”
จู่ ๆ หลงจิ้งเฉินก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและจ้องหน้าหลงอวี้เทียนด้วยแววตาชิงชังอย่างชัดเจน
เขาไม่รู้สึกว่าตนทำสิ่งใดผิดไปแม้แต่น้อย ทว่ามั่นใจว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม
“นั่นคือสิ่งที่เจ้าคิดรึ ?”
เมื่อได้ยินวาจาของหลงจิ้งเฉิน ความผิดหวังก็ฉายชัดบนใบหน้าของหลงอวี้เทียนทันที เขาเพียงส่ายศีรษะและถอนหายใจยาว
“หลงอวี้เทียน สาเหตุที่ท่านเลี้ยงดูข้าเป็นอย่างดีมาตลอดก็เป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ท่านมีต่อบิดาของข้า บัลลังก์นี้มิใช่ของท่านตั้งแต่แรก ยิ่งไปกว่านั้น ท่านไม่เคยคิดที่จะแต่งตั้งให้ข้าสืบทอดบัลลังก์ สิ่งที่กล่าวว่าเป็นความรักความเมตตานั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียงการแสดงออกเพียงพื้นผิวภายนอกเท่านั้น”
หลงจิ้งเฉินกล่าวต่อและไม่เรียกหลงอวี้เทียนว่าท่านพ่ออีกต่อไปโดยเรียกชื่อของเขาโดยตรง
“โอ้ ทำเรื่องที่ไร้ยางอายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ทว่ากลับกล่าวอ้างว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อความถูกต้องชอบธรรมอย่างนั้นรึ ? หลงจิ้งเฉิน…เจ้าเป็นความอับอายของตระกูลราชวงศ์จริง ๆ”
ในเวลานี้ฉินอวี้โม่ก็อดกล่าวออกไปไม่ได้ “หากเจ้าคิดเช่นนั้นจริง เหตุใดเจ้าจึงยังใช้ชีวิตอยู่กับตระกูลราชวงศ์มาจนถึงตอนนี้ ? การที่ถูกเลี้ยงดูโดยคนที่ทำให้บิดาของเจ้าต้องตายและแย่งชิงบัลลังก์ไป เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อบิดาที่ตายไปแล้วรึไง ? อย่านำเอาความถูกต้องชอบธรรมมากล่าวอ้างเลย แท้ที่จริงแล้วเจ้าเพียงต้องการครองบัลลังก์และหาข้ออ้างมารองรับมันเท่านั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าววาจาให้ตนเองดูดีหรอก”
นางไม่ไว้หน้าหลงจิ้งเฉินแม้แต่น้อยและกล่าวเปิดโปงความคิดของเขาอย่างตรงไปตรงมา
หลงจิ้งเฉินทราบดีว่าความจริงเป็นอย่างไร การที่เขากล่าวออกไปเช่นนั้นเพียงเพราะต้องการทำให้หลงอวี้เทียนรู้สึกผิดเท่านั้น
“หุบปาก !”
หลงจิ้งเฉินถูกฉินอวี้โม่จี้ปมจนเดือดดาลขึ้นมาทันทีและตวัดสายตามองหน้านางพร้อมตะโกนกร้าว
“หากไม่ต้องการเก็บดวงตาไว้ ก็เชิญจ้องต่อไปได้เลย !”
หานโม่ฉือเดินเข้ามาขวางหน้าฉินอวี้โม่และกล่าวขึ้นเบา ๆ ทว่าแรงกดดันที่เจือในน้ำเสียงทำให้หลงจิ้งเฉินนิ่งเงียบไปทันทีและไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก
“หลงจิ้งเฉิน ข้าเคยบอกเจ้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นแล้ว เจ้าก็ทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นและข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดอีกต่อไป เจ้าอยากจะคิดอย่างไรก็เชิญเลย ตราบใดที่คิดว่าการกระทำของตนคู่ควรกับบิดาที่ตายไป ข้าก็จะไม่กล่าวสิ่งใดอีก”
หลงอวี้เทียนยิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญาทว่าเจือด้วยความโล่งใจ
ในอดีต บิดาของหลงจิ้งเฉินเสียชีวิตไปเพื่อปกป้องหลงอวี้เทียนจริงและฝากฝังหลงจิ้งเฉินไว้กับเขาก่อนตาย และนั่นเป็นความจริงที่หลงจิ้งเฉินปฏิเสธไม่ได้
เรียกได้ว่าบุญคุณของการอบรมเลี้ยงดูตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมถึงการสั่งสอนวิชาทุกอย่างนั้นมากพอที่จะชดเชยบุญคุณของการช่วยชีวิตครานั้นแล้ว
“หลงจิ้งเฉิน ข้าขอถามเจ้า ใครกันที่ช่วยเจ้าก่อกรรมทำชั่วพวกนี้ และตอนนี้น้องรองของเจ้าอยู่ที่ใด ?”
หลงอวี้เทียนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา หลงจิ้งเฉินไม่มีทางดำเนินแผนการเช่นนี้เพียงลำพังอย่างแน่นอน แม้ความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ธรรมดา ทว่าการที่คิดจะลักพาตัวหลงยวี่เอ๋อร์ไปโดยที่ไม่มีใครรับรู้เป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางทำได้ด้วยตัวลำพังแน่ เพราะเหตุนั้นเขาจะต้องมีใครบางคนหนุนหลังอยู่อย่างแน่นอน
แม้มีความเป็นไปได้สูงว่าคนเหล่านั้นอาจเป็นจอมยุทธ์ปีศาจ หลงอวี้เทียนก็สังหรณ์ใจว่ามันอาจจะเป็นตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นในเมืองราชวงศ์มากกว่า
“ตอนนี้น้องรองยังปลอดภัยดี ตราบใดที่ท่านปล่อยข้าไป ข้าก็จะปล่อยน้องรองกลับมา”
เมื่อนึกถึงหลงยวี่เอ๋อร์ หลงจิ้งเฉินผู้ซึ่งหวาดหวั่นใจก่อนหน้านี้ก็เรียกคืนความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้ง ตราบใดที่ตำแหน่งของหลงยวี่เอ๋อร์ยังไม่รั่วไหลออกไป ต่อให้เขาจะทำสิ่งที่ชั่วร้ายเกินให้อภัย คนเหล่านี้ก็ไม่กล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอน
“หลงจิ้งเฉิน เจ้าช่างชั่วช้ายิ่งนัก เจ้าถึงขั้นใช้ชีวิตของพี่รองเพื่อข่มขู่ท่านพ่อเช่นนี้รึ ?!”
หลงเฟยเอ๋อร์จ้องหน้าหลงจิ้งเฉินอย่างโกรธเคืองและต้องการสังหารคนผู้นี้ด้วยมือของตนเอง นางเคยชื่นชมหลงจิ้งเฉินมากและความสัมพันธ์ของพี่น้องในอดีตดำเนินมาด้วยดีเสมอมา ไม่คิดเลยว่าหลงจิ้งเฉินจะกลับกลายเป็นคนจิตใจชั่วช้าเช่นนี้ พวกนางดวงตามืดบอดเกินไปจริงๆ
“หลงจิ้งเฉิน พี่รองเคารพและไว้วางใจเจ้ามาตลอด เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือที่ทรยศความไว้วางใจของนางเช่นนี้ ?”
หลงซินเอ๋อร์กล่าวพลางกำหมัดแน่น ทว่าสายตาของนางมองไปที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างวิงวอน
ฉินอวี้โม่คาดเดาความคิดของหลงซินเอ๋อร์ได้ทันที องค์หญิงสามผู้โอหังและวางท่าก่อนหน้านี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยคิดไว้ อย่างน้อยที่สุด แม้นางจะเอาแต่ใจมากนัก ทว่าเมื่อพี่สาวของนางตกอยู่ในอันตราย นางก็ยังยืนหยัดเพื่อพี่สาว เพียงเพราะเรื่องนี้ ฉินอวี้โม่ก็ยินดีที่จะลืมเลือนความบาดหมางก่อนหน้านี้ไปเสีย…
สีหน้าของหลงจิ้งเฉินบิดเบี้ยวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการใช้หลงยวี่เอ๋อร์และหลงซินเอ๋อร์เป็นเครื่องมือทำให้เขาไม่สบายใจเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม บางสิ่งบางอย่างที่เริ่มต้นขึ้นแล้วก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก เขายังไม่อยากตายในตอนนี้และไม่ต้องการถูกควบคุมไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม เพราะฉะนั้นแผนการในวันนี้จะต้องดำเนินต่อไป
“ข้าเสียใจสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องรองและน้องสาม ทว่าถึงอย่างไรชนะก็เป็นเจ้าแพ้ก็เป็นโจร หากท่านปล่อยข้าไป ข้าสามารถรับประกันความปลอดภัยของน้องรองได้ แต่หากยืนยันที่จะจับตัวข้าไว้ ข้าก็ไม่อาจรับประกันสิ่งใดได้”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและไม่คิดที่จะเปิดเผยตำแหน่งของหลงยวี่เอ๋อร์ง่าย ๆ ถึงอย่างไรนางก็เป็นทางรอดเพียงทางเดียวที่เขามีในตอนนี้
“ท่านพ่อ…”
หลงเพ่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ทราบลักษณะนิสัยของหลงอวี้เทียนเป็นอย่างดีและเขาจะเลือกความปลอดภัยของหลงยวี่เอ๋อร์อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้หลงจิ้งเฉินไม่ใช้หลงยวี่เอ๋อร์เพื่อข่มขู่เขา หลงอวี้เทียนก็ไม่มีความคิดที่จะสังหารหลงจิ้งเฉินเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่หลงจิ้งเฉินกล่าวเช่นนี้ถือเป็นการตัดสัมพันธ์พ่อลูกที่เปราะบางอยู่แล้ว ในอนาคตข้างหน้า หลงอวี้เทียนจะไม่ไยดีต่อบุรุษผู้นี้อีกต่อไปและจะไม่เลี้ยงดูเสือลูกเพียงเพราะบุญคุณของบิดาเขาในอดีต