หลังจากที่เนตรปีศาจ กิเลนอัคคีและอสูรอื่น ๆ พบตัวหลงยวี่เอ๋อร์ คนตระกูลอู่เหวินก็ค้นพบทันทีว่านางหายตัวไป เดิมทีเหล่าอสูรวางแผนที่จะฝ่าออกไปจากวงล้อม ทว่าหลังจากได้รับข่าวจากหานโม่ฉือ พวกมันก็ไม่กังวลอีกต่อไปและย้อนกลับไปในห้องมืดที่หลงยวี่เอ๋อร์ถูกขังไว้ก่อนหน้านี้เนื่องจากคาดการณ์ไว้ว่าคนของตระกูลอู่เหวินคงจะคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะกล้าย้อนกลับมาที่เดิม
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ สถานที่แห่งนั้นกลายเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด พวกมันก็เฝ้ารอจนกระทั่งฉินอวี้โม่ส่งข่าวมาอีกครั้ง พวกมันจึงพาตัวหลงยวี่เอ๋อร์ออกมาที่ประตูของคฤหาสน์
สมาชิกตระกูลอู่เหวินหลายคนก็มาถึงหน้าประตูแล้ว แม้บางคนจะสังเกตเห็นพวกมันก็ไม่สามารถทำสิ่งใดเพื่อขัดขวางได้ เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงจำต้องปล่อยพวกมันไปอย่างไม่มีทางเลือก
“พี่รอง !”
เมื่อเห็นหลงยวี่เอ๋อร์ที่มากับกิเลนอัคคี หลงเฟยเอ๋อร์และหลงซินเอ๋อร์ก็โพล่งออกไปทันทีด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่ไม่ได้บอกพวกนางเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของหลงยวี่เอ๋อร์ หลงเฟยเอ๋อร์จึงไม่คาดคิดมาก่อนว่าพี่รองของตนจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและกลายเป็นคนธรรมดาไร้พลังเช่นนี้
“ข้าไม่เป็นไร”
หลงยวี่เอ๋อร์มีรูปลักษณ์ที่งดงามอย่างมาก แม้ตอนนี้จะดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าของนางก็ยังมีความน่าหลงใหลที่ยากจะละสายตา เนื่องจากไม่ต้องการให้หลงเฟยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ เป็นกังวล นางจึงกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มทว่านั่นทำให้ทุกคนรู้สึกกังวลยิ่งกว่าเดิม
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่รองอย่างนั้นหรือ ?“
หลงซินเอ๋อร์และหลงเฟยเอ๋อร์ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อประคองร่างหลงยวี่เอ๋อร์ไว้และตรวจสอบสถานการณ์ของนาง
”บัดซบ ตระกูลอู่เหวินกล้าทำถึงขนาดนี้เชียวรึ ?!”
เมื่อทราบถึงสถานการณ์ของหลงยวี่เอ๋อร์ ทั้งสองก็โกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม แม้ภายนอกจะดูไม่มีร่องรอยบาดแผลมากนัก ทว่าภายในร่างกายของนางแทบไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิมอีก จุดตันเถียนของนางได้รับความเสียหายอย่างหนักและพลังมายาก็สูญสลายหายไปทั้งหมด กล่าวได้ว่าตอนนี้นางอ่อนแอยิ่งกว่าคนธรรมดา ๆ เสียอีก
พี่รองของพวกนางที่ดูทรงพลังและแกร่งกล้ามาเสมอกลับตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทรมานเช่นนี้
“อู่เหวินยง นี่คือสิ่งที่เจ้าบอกว่าตระกูลราชวงศ์ใส่ร้ายพวกเจ้าสินะ ! ข้าทราบมานานแล้วว่าตระกูลอู่เหวินไม่สบอารมณ์กับตระกูลราชวงศ์นัก ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าทำสิ่งที่ไร้ยางอายและน่ารังเกียจเช่นนี้ ยวี่เอ๋อร์ทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจกัน พวกเจ้าจึงต้องทำกับนางถึงขั้นนี้ !”
หลงอวี้เทียนไม่อาจควบคุมโทสะได้อีกต่อไปและแผ่แรงกดดันทรงพลังตรงไปที่อู่เหวินยงขณะกล่าววาจาตำหนิด้วยเสียงแข็ง
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าตระกูลอู่เหวินจะกล้าทำกับหลงยวี่เอ๋อร์เช่นนี้
หลงยวี่เอ๋อร์มักที่จะอ่อนโยนต่อผู้อื่นอยู่เสมอและแทบไม่เคยทำสิ่งใดให้ผู้อื่นขุ่นเคืองใจ เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้ตระกูลอู่เหวินจับตัวนางไป อย่างมากพวกเขาก็คงจะข่มขู่นางเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะถึงขั้นทำลายรากฐานพลังของนางจนตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากการตายทั้งเป็นเช่นนี้
“เหอะ ใครใช้ให้นางเป็นองค์หญิงรองของตระกูลราชวงศ์กัน ? หลงอวี้เทียน ข้าชิงชังตระกูลราชวงศ์ของเจ้าเป็นที่สุด พวกเจ้าวางตัวสูงส่งและแสร้งทำเป็นจิตใจดี เห็นได้ชัดว่าตระกูลอู่เหวินก็ไม่ด้อยไปกว่าพวกเจ้า แล้วเหตุใดทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับตระกูลราชวงศ์ด้วย ?!”
ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว อู่เหวินยงก็ไม่คิดปิดบังสิ่งใดอีกต่อไปขณะแค่นเสียงเย็นชาและไม่รักษาภาพลักษณ์ของตนเองอีก
“ในที่สุดก็ยอมรับเสียที ทว่าอู่เหวินยง…เจ้าเข้าใจความแข็งแกร่งของตระกูลราชวงศ์ผิดไปรึไม่ ?”
หลงเพ่ยเอ๋อร์กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่อาจทราบได้เลยว่าอู่เหวินยงเอาความมั่นใจมาจากที่ใดจึงเชื่อมั่นไปว่าความแข็งแกร่งของพวกตนไม่ต่างจากตระกูลราชวงศ์มากนัก
แม้ตระกูลอู่เหวินจะเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองราชวงศ์ พวกเขาก็ยังไม่ทรงพลังมากพอที่จะเทียบชั้นกับตระกูลราชวงศ์ได้
รากฐานของตระกูลราชวงศ์เหนือชั้นเกินกว่าที่ตระกูลใหญ่ทั้งสี่จะจินตนาการได้
“เอาล่ะ วันนี้ข้าจะแสดงให้ตระกูลอู่เหวินได้ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตระกูลราชวงศ์ !”
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลราชวงศ์พยายามเก็บตัวไม่โอ้อวดพลังจนทำให้บางคนคิดไปว่าสามารถรังแกหรือดูหมิ่นพวกเขาได้ตามต้องการและตระกูลใหญ่ทั้งหลายก็ไม่ตระหนักถึงสถานะของตนด้วยซ้ำ ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลราชวงศ์จะแสดงให้เห็นถึงคมดาบของพวกเขาและทำให้คนเหล่านั้นได้ทราบถึงพื้นเพภูมิหลังที่แท้จริงของตระกูลราชวงศ์ !
หลงอวี้เทียนโบกมือเล็กน้อยและคณะทหารผู้พิทักษ์ที่เขาพามาด้วยก็เข้าล้อมรอบทั่วบริเวณคฤหาสน์ตระกูลอู่เหวินทันที
“อู่เหวินยง การที่เจ้ายอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจหมายความเพียงว่าเจ้ามีจุดยืนที่แตกต่างจากเรา ทว่าเจ้ากลับวางแผนกระตุ้นความขุ่นเคืองใจของผู้อื่น เจ้าไม่น่าหาเรื่องก่อกวนตระกูลราชวงศ์และโน้มน้าวใจหลงจิ้งเฉินให้ทำร้ายคนบริสุทธิ์เลยจริง ๆ หากเจ้าซื่อสัตย์กับการตัดสินใจของตนและเปิดเผยตัวอย่างตรงไปตรงมา ข้าก็คงจะมีความเคารพให้กับเจ้าอยู่บ้าง ทว่าการที่ใช้วิธีการชั่วร้ายและสกปรกลับหลังเช่นนี้ น่าละอายใจแทนบรรพบุรุษของพวกเจ้าจริง ๆ!”
ฉินอวี้โม่กล่าวแสดงความคิดเห็นของตน หากตระกูลอู่เหวินจำนนต่อจอมยุทธปีศาจและต่อสู้กับตระกูลราชวงศ์อย่างซึ่ง ๆ หน้า พวกเขาก็คู่ควรที่จะได้รับความเคารพจากนางอยู่ไม่น้อย
ทว่าด้วยการใช้วิธีการชั่วร้ายเพื่อทำร้ายผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังใช้ความสัมพันธ์ภายในตระกูลเป็นเครื่องมือเช่นนี้ อู่เหวินยงผู้นี้ช่างเป็นบุคคลที่มีจิตใจชั่วร้ายและน่ารังเกียจยิ่งนัก
“เหอะ เหตุใดจะต้องเสียเวลาพูดจาไร้สาระด้วยเล่า ? ถึงอย่างไรชนะก็เป็นเจ้า แพ้ก็ย่อมเป็นโจร วันนี้พวกเจ้าไม่มีทางสั่นคลอนตระกูลอู่เหวินของข้าได้แน่ !”
อู่เหวินยงแค่นเสียงเย็นชาและไม่สนใจวาจาของฉินอวี้โม่ขณะกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
ตระกูลอู่เหวินในปัจจุบันไม่เหมือนตระกูลอู่เหวินในอดีตอีกต่อไปและพวกเขาในตอนนี้ก็อาจจะมีพลังอำนาจมากพอที่จะต่อกรกับตระกูลราชวงศ์ได้
อู่เหวินยงโบกมือในลักษณะเดียวกันกับหลงอวี้เทียนและคนกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวออกมาจากในคฤหาสน์เพื่อประจันหน้ากับคนของตระกูลราชวงศ์
ความแข็งแกร่งของคนเหล่านี้ถือว่าไม่ธรรมดาและแข็งแกร่งกว่าทหารผู้พิทักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดีของตระกูลราชวงศ์อยู่เล็กน้อย
ตระกูลอู่เหวินมีข้อตกลงร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจแล้วจึงได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา ทุกวันนี้ความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลจึงพัฒนาขึ้นมาก แม้เผชิญหน้ากับตระกูลราชวงศ์ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบง่าย ๆ
“หลงอวี้เทียน ข้าสงสัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้ามาตลอด วันนี้ข้าจะได้เห็นเสียทีว่าเหตุใดเจ้าจึงครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิผู้ปกครองตระกูลราชวงศ์ได้อย่างมั่นคงนัก !”
ความแข็งแกร่งของอู่เหวินยงในตอนนี้ก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน และแรงกดดันที่หลงอวี้เทียนแผ่ออกไปก่อนหน้านี้ก็สลายหายไปจนหมด คาดว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้อาจจะอยู่ในระดับไล่เลี่ยกับหลงอวี้เทียนด้วยซ้ำ
“สหายน้อยอวี้โม่ สหายน้อยโม่ฉือ นี่เป็นความบาดหมางระหว่างตระกูลราชวงศ์และตระกูลอู่เหวิน เพราะฉะนั้นพวกเจ้าอย่าเข้ามาแทรกแซงล่ะ ฝากพวกเจ้าดูแลยวี่เอ๋อร์ด้วย หลังจากสะสางความวุ่นวายที่คฤหาสน์ตระกูลอู่เหวินเสร็จสิ้น เราจะพานางกลับไปรักษาที่ตำหนัก”
หลังจากฝากฝังให้ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือช่วยดูแลหลงยวี่เอ๋อร์ก่อน หลงอวี้เทียนก็พุ่งตรงเข้าโจมตีอู่เหวินยงทันที
ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะตอบรับอย่างว่าง่าย นางเองก็ต้องการทราบถึงอาการที่แท้จริงของหลงยวี่เอ๋อร์เช่นกัน
เนื่องจากเส้นลมปราณทั้งหมดและจุดตันเถียนได้รับความเสียหายอย่างหนัก หากไม่มีโอกาสที่มากพอ เกรงว่าหลงยวี่เอ๋อร์ก็อาจจะไม่มีทางฝึกยุทธ์ได้อีกในอนาคต
ฉินอวี้โม่จับมือหลงยวี่เอ๋อร์เข้ามาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในร่างกายของอีกฝ่ายอย่างละเอียด
“ยังไม่เลวร้ายจนเกินไป มีโอกาสที่จะรักษาได้”
จู่ ๆ เสียงของซิวก็ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ แม้อาการของหลงยวี่เอ๋อร์จะดูสาหัสมาก มันก็ยังมีหนทางรักษาให้หายได้ ตราบใดที่สามารถเชื่อมเส้นลมปราณ มอบผลโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ให้กับนางเพื่อซ่อมแซมจุดตันเถียน และจากนั้นก็ใช้พลังบางส่วนของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หลงยวี่เอ่อร์ก็จะสามารถฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาวะเดิมได้และอาจมีพรสวรรค์มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“ขอบคุณท่านมาก”
หลงยวี่เอ๋อร์ไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินอวี้โม่และซิว นางเพียงยิ้มให้ฉินอวี้โม่บาง ๆ ก่อนสายตาเลื่อนไปหยุดลงที่คนของตระกูลราชวงศ์และตระกูลอู่เหวินที่กำลังต่อสู้กันพร้อมกับเผยความกังวลในแววตา
“การที่จะขอบคุณข้าหลังจากที่ท่านหายดีก็ยังไม่สายเกินไป”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แม้องค์หญิงทั้งสี่ของตระกูลราชวงศ์จะมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน พวกนางก็ล้วนแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ ซึ่งยากที่ใครจะชิงชังพวกนาง
แม้แต่หลงซินเอ๋อร์ที่เคยว่างท่าโอหังและเกรี้ยวกราดจนมีเรื่องบาดหมางกันก่อนหน้านี้ ทว่าด้วยความพยายามที่จะปกป้องพี่สาวและตระกูลราชวงศ์ ความไม่สบอารมณ์ที่ฉินอวี้โม่มีต่อนางก็หายไปมากแล้ว
“ท่านหมายความว่าอาการบาดเจ็บของข้ายังสามารถรักษาให้หายได้อย่างนั้นรึ ?!”
หลงยวี่เอ๋อร์ตกตะลึงทันทีก่อนสบตาฉินอวี้โม่ด้วยแววตาแห่งความหวังเจือความไม่อยากเชื่อเล็กน้อย