หลงยวี่เอ๋อร์ตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี เพราะเหตุนั้นนางจึงคิดว่าอาการของนางเป็นอาการที่ไม่มีทางจะรักษาให้หายได้และในอนาคตนางจะต้องกลายเป็นเพียงบุคคลไร้น้ำยาเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีวิธีรักษาอาการของนางจนมีโอกาสหายสนิท
นางฝึกฝนบ่มเพาะวิชามานานหลายปีและไม่ต้องการสูญเสียผลลัพธ์จากความพยายามตลอดเวลานั้นไป ตราบใดที่รักษาอาการของนางได้ ต่อให้จะไม่สามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งทั้งหมดกลับมาและนางจำต้องเริ่มฝึกฝนใหม่ตั้งแต่ต้น นางก็พึงพอใจมากแล้ว
“แน่นอน มันมิใช่ปัญหาใหญ่เลย”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ในตอนนี้ยังต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อให้ผลโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์สุกงอม หลงยวี่เอ๋อร์จะต้องรอเวลาอีกหลายวันเพื่อที่จะรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่มีปัญหากับการรอเพียงไม่กี่วันหากนั่นหมายถึงพลังที่จะกลับคืนมา
“นั่นเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ ขอบคุณท่านมาก”
หลงยวี่เอ๋อร์แทบน้ำตาไหลด้วยความดีใจ เพียงได้ทราบว่าตนมีโอกาสหายดีเป็นปกติ การรอเวลาเพียงไม่กี่วันก็มิใช่เรื่องใหญ่แม้แต่น้อย ต่อให้ต้องรออีกหลายสิบปี นางก็ยินดี
ณ ประตูหน้าของคฤหาสน์อู่เหวิน การต่อสู้ก็ดำเนินไปอย่างดุเดือด เวลานี้ตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลได้รับข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์นี้แล้วและพวกเขาก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดในสามตระกูลใหญ่ที่คิดจะเข้าไปแทรกแซงสถานการณ์นี้ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างตระกูลราชวงศ์และตระกูลอู่เหวิน ต่อให้เป็นตระกูลฟางและตระกูลหลานที่แสดงจุดยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับตระกูลราชวงศ์ก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครานี้
ความแข็งแกร่งเดิมของตระกูลอู่เหวินด้อยกว่าตระกูลราชวงศ์พอสมควร ทว่าหลังจากทำข้อตกลงร่วมกับจอมยุทธ์ปีศาจและได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา ความแข็งแกร่งของตระกูลอู่เหวินจึงพัฒนาขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา แม้แต่พลังของอู่เหวินยงเองก็ไม่ด้อยกว่าหลงอวี้เทียนมากนักและเกือบประจันหน้ากับอีกฝ่ายได้อย่างเท่าเทียม
“เหอะ หลงอวี้เทียน สาเหตุที่ตระกูลราชวงศ์ของเจ้าสามารถครองตำแหน่งผู้ปกครองแห่งมณฑลกลางมานานหลายปีก็เป็นเพราะบรรพบุรุษของเจ้าเท่านั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนมือเสียที !”
อู่เหวินยงปลดปล่อยการโจมตีอย่างต่อเนื่องในขณะกล่าววาจายั่วยุหลงอวี้เทียน
“ฮ่า ๆ ๆ ตระกูลอู่เหวินของพวกเจ้ายังไม่มีความสามารถนั้นหรอก !”
หลงอวี้เทียนไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยขณะคลื่นพลังรอบตัวเขาเพิ่มมากขึ้นและแรงกดดันอันทรงพลังแผ่ตรงเข้ากดข่มอู่เหวินยงส่งผลให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ในช่วงแรก สมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลอู่เหวินก็ยังสามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ในฝ่ายของตระกูลราชวงศ์ได้ ทว่าหลังจากติดอยู่ในสภาวะชะงักงันนานสองก้านธูป พวกเขาก็เริ่มตกกลายเป็นเสียเปรียบอย่างช้า ๆ เช่นกัน
สมาชิกของตระกูลราชวงศ์อาศัยการทุ่มเทพยายามอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งมาจนถึงจุดที่อยู่ในปัจจุบันและมีรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่งอย่างมาก ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้วตระกูลอู่เหวินใช้วิธีการพิเศษเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองอย่างกะทันหัน แม้ภายนอกจะดูแข็งแกร่งมากกว่า พวกเขาก็ไม่สามารถแสดงพลังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงมิใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลราชวงศ์
ตูมมม !
หลงอวี้เทียนและอู่เหวินยงปล่อยการโจมตีเข้าใส่กันอย่างจัง ทว่าอู่เหวินยงกลับเป็นฝ่ายที่ถูกคลื่นพลังรุนแรงผลักกระเด็นออกไปและร่วงลงกระแทกพื้นอย่างน่าสังเวชพร้อมกระอักเลือดคำโตออกมา
หลงเพ่ยเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ก็เอาชนะคู่ต่อสู้ของตนได้เช่นกัน ในเวลานี้ความพ่ายแพ้ของตระกูลอู่เหวินก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วและไม่มีทางที่จะรับมือได้อีกนานนัก
“ไป๋อีเย่ ฟางอู๋เหมี่ยว พวกเจ้ารับชมความตื่นเต้นต่อไปเถอะ การที่ตระกูลราชวงศ์ทำลายตระกูลอู่เหวินของพวกเราไปได้ ต่อไปก็จะถึงตาตระกูลของพวกเจ้า ภายนอกหลงอวี้เทียนอาจดูเหมือนไม่ต้องการสิ่งใด ทว่าแท้จริงแล้วความทะเยอทะยานของตระกูลราชวงศ์ไม่น้อยไปกว่าจอมยุทธ์ปีศาจหรอก !”
สายตาของอู่เหวินยงเลื่อนไปบรรจบลงที่ไป๋อีเย่และฟางอู๋เหมี่ยวผู้ซึ่งยืนชมสถานการณ์การต่อสู้อยู่ด้านข้างพร้อมตะโกนเสียงดัง
“เหอะ ตาเฒ่าอู่เหวินยงเอ๋ย ไหนๆก็ถึงคราวตายของเจ้าแล้ว อย่าพยายามยุให้รำ ตำให้รั่วเลย เราทั้งหมดต่างก็ทราบดีว่าตระกูลราชวงศ์เป็นอย่างไรและมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าองค์จักรพรรดิมีบุคลิกนิสัยเป็นอย่างไร หากมิใช่เพราะเจ้าทำในสิ่งที่ชั่วร้ายเช่นการจับตัวองค์หญิงรองของตระกูลราชวงศ์และยุแยงให้หลงจิ้งเฉินเปิดศึกกับองค์จักรพรรดิ ข้ามั่นใจว่าตระกูลราชวงศ์จะไม่มีทางยกทัพมาโจมตีถึงตระกูลอู่เหวินของเจ้าหรอก !”
* 挑拨离间 ยุให้รำ ตำให้รั่ว ความหมายคือ ยุแยงให้ผู้อื่นแตกคอกัน ความหมายเหมือนกับเสี้ยมเขาให้ชนกันและยุแยงตะแคงรั่ว
ฟางอู๋เหมี่ยวพ่นลมหายใจแรงขณะมองอีกฝ่ายด้วยแววตารังเกียจและไม่สะทกสะท้าน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลราชวงศ์และสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองราชวงศ์สามัคคีปรองดองกันและอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีการต่อสู้หรือความบาดหมางใด ๆ หากมิใช่เพราะเรื่องใหญ่เช่นครานี้ มั่นใจได้ว่าตระกูลราชวงศ์ไม่มีทางเปิดศึกยกทัพมาโจมตีถึงคฤหาสน์ของตระกูลอู่เหวินอย่างแน่นอน
ตระกูลอู่เหวินล้ำเส้นเกินไปและสัมผัสเข้ากับเกล็ดใต้คอมังกรของตระกูลราชวงศ์โดยที่ต้องการจุดชนวนให้เกิดการห้ำหั่นกันเอง แน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดกล่าวโทษว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของตระกูลราชวงศ์
* 逆鳞 เกล็ดใต้คอมังกร เชื่อกันว่าหากใครไปแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัดและฆ่าคนผู้นั้น ในอดีตจักรพรรดิเปรียบเสมือนพญามังกร สำนวนนี้จึงหมายถึงการทำให้จักรพรรดิทรงพิโรธ ปัจจุบันใช้เปรียบเทียบการทำให้ผู้มีอำนาจโกรธ หรือเรียกว่าเป็นต่อมโมโห
“ถูกต้อง เราไม่หลงเชื่อถ้อยคำปลุกปั่นยุยงของเจ้าหรอก พวกเจ้าตระกูลอู่เหวินกระทำการชั่วร้ายอย่างยิ่งและไม่ควรดำรงอยู่อีกต่อไป การที่เราไม่รวมพลังกับตระกูลราชวงศ์อีกแรงเพื่อทำลายพวกเจ้าก็ถือเป็นความเมตตามากแล้ว”
หลานเผิงกล่าวทันที ตระกูลหลานมักจะแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมาเสมอ การที่พวกเขายังไม่ลงมือทำสิ่งใดเป็นเพียงเพราะยังไม่คิดว่าถึงคราวจำเป็นเท่านั้น
ตราบใดที่หลงอวี้เทียนเพียงเอ่ยปากออกมา ตระกูลหลานของพวกเขาก็พร้อมที่จะลงมือโจมตีตระกูลอู่เหวินเป็นตระกูลแรกทันที
“อู่เหวินยง ต่อให้ทราบแล้วว่าเจ้ายอมจำนนต่อจอมยุทธ์ปีศาจ ตระกูลราชวงศ์ก็ไม่ได้คิดที่จะเปิดศึกกับพวกเจ้า หากจะโทษใครก็โทษตัวเองเถอะที่ชั่วร้ายเกินไปแม้แต่กับผู้ที่บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องก็ตาม แน่นอนว่านั่นทำให้ตระกูลราชวงศ์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงมือเช่นนี้ แม้ว่าตระกูลไป๋จะปกป้องความปลอดภัยของตัวเองมาเสมอ หลังจากที่ได้ทราบเรื่องนี้ พวกเราก็วางแผนจะผนึกกำลังกับตระกูลราชวงศ์ ตระกูลฟางและตระกูลหลานเช่นกัน การที่จอมยุทธ์ปีศาจร่วมมือกับตระกูลอู่เหวินของเจ้าได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็มิใช่คนดีอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเพื่อตระกูลของเราหรือผู้คนทั่วทั้งมณฑลกลาง ตระกูลไป๋ของเราก็ไม่อาจอยู่เฉยได้ !”
วาจาของอู่เหวินยงทำให้ไป๋อีเย่ผู้ซึ่งลังเลมาตลอดตัดสินใจได้ในที่สุด
การต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของดินแดนมหาเทพ จอมยุทธ์ปีศาจทั้งชั่วร้ายและเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด หากว่าฝ่ายดินแดนมหาเทพพ่ายแพ้ไป มันจะนำไปสู่การล่มสลายอย่างแน่นอน แม้ไป๋อีเย่จะกังวลว่าคนตระกูลไป๋อาจต้องบาดเจ็บล้มตาย เขาก็ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงนั้นเพื่อปกป้องดินแดนมหาเทพไว้และไม่ปล่อยให้จอมยุทธ์ปีศาจทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ
อู่เหวินยงแทบกระอักเลือดทันทีที่ได้ยินวาจาตอบโต้เหล่านั้น เขาต้องการยุแยงให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลราชวงศ์และตระกูลใหญ่อื่น ๆ แตกหัก คิดไม่ถึงเลยความพยายามนั้นจะทำให้ตระกูลไป๋ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ในวันนี้ ตระกูลใหญ่ที่เหลือของเมืองราชวงศ์ผนึกกำลังกันเป็นปึกแผ่นเดียวกันแล้ว และตระกูลอู่เหวินของเขาจะต้องจบสิ้นไปโดยสมบูรณ์ !
“ท่านผู้นำ ตอนนี้เราหาทางหนีไปก่อนเถอะขอรับ ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา !”
* 留得青山在,不怕没柴烧 ตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนเผา ความหมายคือ ตราบใดมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลอู่เหวินเหาะเข้ามาหาอู่เหวินยงและย้ำเตือนเขาด้วยสีหน้าจริงจัง จากนั้นผู้อาวุโสทรงพลังคนอื่น ๆ ของตระกูลก็ปรากฏตัวด้านข้างอู่เหวินยงเช่นกันและกล่าวเพื่อให้เขาหนีไปก่อน
“คงต้องเป็นเช่นนั้น!”
อู่เหวินยงพยักศีรษะทันทีและเหาะขึ้นสูงเพื่อเตรียมหลบหนีออกไป
“เหอะ อู่เหวินยง คิดว่าจะหนีไปได้งั้นรึ ?!”
หลงอวี้เทียนแค่นเสียงเย็นชาทันทีที่เห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ครานี้เขานำคนของตระกูลราชวงศ์มาที่นี่ด้วยตัวเองและไม่มีทางปล่อยให้คนของตระกูลอู่เหวินหนีรอดไปอย่างแน่นอน
สำหรับการกระทำในครานี้ อู่เหวินยงจะต้องชดใช้อย่างสาสม
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือมองหน้ากันทันที จากนั้นหานโม่ฉือก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและตรงเข้าไปปรากฏตรงหน้าอู่เหวินยง
ด้วยการโบกมือเพียงเบา ๆ ร่างของอู่เหวินยงและบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลอู่เหวินก็ล้มกระแทกพื้นกันอย่างรุนแรงและได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที อีกทั้งพลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็ลดน้อยลงมากเช่นกัน
“เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก !”
เมื่อเห็นพลังที่หานโม่ฉือแสดงออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงกันทันที คนอื่น ๆ จากอีกสามตระกูลใหญ่ก็อดถอนหายใจไม่ได้และตระหนักว่าพวกตนประเมินความสามารถของหานโม่ฉือต่ำเกินไป หานโม่ฉือผู้นี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มากนัก
“ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายคนที่พวกเราจอมยุทธ์ปีศาจต้องการปกป้อง !”
ทันใดนั้น น้ำเสียงแหบพร่าและเคร่งขรึมก็ดังขึ้นในโสตประสาทของทุกคนซึ่งทำให้ทุกคนชะงักค้างไม่ต่างกัน